(TL: การบ่มเพาะ,การเพาะปลูกและฝึกฝน คืออันเดียวกันนะครับจะสลับใช้เพื่อให้อ่านได้ไหลลื่น)
“มันง่ายจริงๆ”
เขาลืมตาขึ้น
กำลังภายในภายในร่างกายของเขาเปลี่ยนไปมันแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก
เขานำกำลังภายในไปที่แขนของเขาตอนนั้นเองมือของเขาก็ถูกห่อหุ้มด้วยชั้นแสงสีม่วงบางๆ
“ดูเหมือนว่านี่จะเป็นกำลังภายในที่คนพูดถึงกัน” หลิน ฟานโบกมือ แสงที่อยู่รอบๆฝ่ามือของเขาช่างลึกลับจริงๆ ทันใดนั้นเขาก็ย้ายมือของตัวเองไปคว้าเทียนที่อยู่บนโต๊ะไม้
เขาเคยเห็นลูกพี่ลูกน้องของเขาสามารถคว้าและทำลายสิ่งของต่างๆในอากาศได้โดยใช้กำลังภายใน
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเขาคว้าไปที่เทียนมันกลับไม่ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว
“มันเป็นเพราะข้ายังไม่แข็งแกร่งพองั้นหรือ?” หลิน ฟานส่ายหัวและมองไปที่ระบบสนับสนุนขนาดเล็ก
ร่างกาย : 90 (เส้นทางการต่อสู้ขั้นสาม)
กำลังภายใน : 30 (เส้นทางการต่อสู้ขั้นหนึ่ง)
เทคนิคการบ่มเพาะจิตใจ : คัมภีร์อาทิตย์ม่วงสี่นักบุญ (ขั้นหนึ่ง)
เทคนิคการเพาะปลูก : วิชาดาบพยัคฆ์อาฆาต (จุดสูงสุด)
คะแนนความโกรธ : 1,322
“การเพิ่มคะแนนลงไปที่กำลังภายในถึง30จนทำให้กำลังภายในได้กลายเป็นขั้นหนึ่ง บวกกับร่างกายที่เดิมอยู่ขั้นสามอยู่แล้วดังนั้นข้าจึงสามารถเรียกตัวเองว่าเป็นผู้ปลูกฝังแบบคู่ได้” หลิน ฟานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
ตอนแรกเขาต้องการเพียงแค่บ่มเพาะร่างกายเท่านั้น แต่ภายหลังเขาก็พบว่าประโยชน์ของการฝึกกำลังภายในมันน่าสนใจไม่น้อย
เรื่องนี้มันทำให้เขาปวดหัว
แต่เขาก็ไม่ต้องการจะล่มเลิกเช่นกัน ดังนั้นทางเลือกของเขาจึงเหลือเพียงฝึกมันทั้งสองไปพร้อมกันเพียงเท่านั้น
เพราะถึงยังไงข้าก็เป็นนายน้อยที่ร่ำรวยอยู่ดี ข้าไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องอาหารและเสื้อผ้า ข้านั้นมีอิสระที่จะทำอะไรก็ได้บางครั้งมันก็เป็นการดีที่ได้ต่อสู้กับผู้อื่น ด้วยเหตุนั้นมันจึงทำให้ข้ารู้สึกสนุกและมีความสุขอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
และถ้าหากผู้อื่นไม่บังคับเขา เขาก็จะไม่มีทางฝึกฝนอย่างแน่นอน
“ไม่เลวดูเหมือนว่าข้าจะเริ่มต้นได้ดี การเพาะปลูกภายนอกขั้นสามรวมกับการบ่มเพาะภายในขั้นหนึ่ง ข้าน่าจะสามารถต่อสู้กับผู้ฝึกฝนเส้นทางการต่อสู้ขั้นสี่ได้”
เขาต้องการจะทดสอบแต่ดูเหมือนว่ามันจะยังไม่ถึงเวลา
“เอาล่ะ ดูเหมือนว่าจะได้เวลานอนแล้ว”
เขายังมีคะแนนความโกรธเหลืออยู่อีกหนึ่งพันคะแนนซึ่งเขาจะทิ้งมันไว้ใช้เวลาเขาเบื่อ
เขาเอนตัวลงนอนและหลับไปทันทีเมื่อเขาปิดตา
ด้านนอก
หลิน วานยี่ที่เดิมกำลังจะจากไป แต่เขาก็หยุดเมื่อเขาเห็นหลิน ฟานกลับไปนอนหลังจากเริ่มฝึกไปได้ไม่นาน ในดวงตาของเขามีความโกรธแล้วที่เขายกย่องไปตอนแรกมันเพื่ออะไรกัน ถ้าในท้ายที่สุดมันจะจบลงแบบนี้
“นายท่านนี่มัน…” อาวุโสวู่รู้สึกอายจริงๆ ทำไมนายน้อยถึงไม่ฝึกให้มันนานกว่านี้สักหน่อยเล่า? อย่างน้อยก็ขอจนกว่าท่านหัวหน้าตระกูลจะกลับไปก่อน
“ไม่ต้องไปไหนแล้ว พวกเราจะลงมือกันคืนนี้” หลิน วานยี่พูดอย่างดุเดือด
อาวุโสวู่ตอบ “ขอรับนายท่าน”
เรื่องนี้อาวุโสวู่ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากพูดว่านายน้อยทำตัวเองเท่านั้น อย่างไรก็ตามสิ่งที่ท่านหัวหน้าตระกูลกำลังจะทำมันก็เพื่อประโยชน์ของนายน้อยทั้งสิ้น
อาวุโสวู่สวมหน้ากากและเหยียบอากาศไปทางลานด้านหลังที่หลิน ฟานอยู่
หลังจากนั้นไม่นานก็ได้มีเสียงโห่ร้องดังออกมา
“เจ้ามือสังหารหน้าด้าน เจ้ายังกล้ามาที่นี่อีกงั้นหรือ! นี่มันมากเกินไปแล้ว!”
“ช่วยข้าด้วย! มีนักลอบสังหาร!”
เสียงตะโกนดังออกไปแต่จู่ๆเขาก็หยุดพูดอย่างกะทันหัน
“นายน้อย!” โกวชิที่กำลังฝึกวิชาวิชาดาบพยัคฆ์อาฆาตอยู่ด้านหลังภูเขา เมื่อได้ยินตะโกนเขาจึงรีบวิ่งเข้ามาพร้อมกับดาบในมือทันที “นายน้อยไม่ต้องกลัวเพราะข้าอยู่นี่แล้ว”
นักลอบสังหารเปลี่ยนเป็นเฉียบคมเขาเตะออกไปขณะที่หลิน ฟานพยายามป้องกันลูกเตะนั้น
เมื่อหลิน ฟานเห็นโกวชิวิ่งเข้ามาพร้อมกับดาบเขาจึงตะโกนออกไป “อย่าเข้ามา!”
การที่นักลอบสังหารไม่สามารถฆ่าเขาได้มันไม่ได้หมายความว่าโกวชิที่อ่อนแอจะสามารถสู้ได้ บางทีเขาอาจจะถูกฆ่าตายโดยไม่มีโอกาสได้ต่อต้านเลยด้วยซ้ำ
“ถ้าเจ้าต้องการจะทำร้ายนายน้อย เจ้าต้องข้ามศพข้าไปก่อน!” โกวชิตะโกนออกมา เขาจับดาบด้วยมือทั้งสองข้างและฟันออกไปทางนักฆ่าโดยไม่กลัวตายพร้อมกับพูดออกมาว่า “นายน้อยหนีไป ข้าจะกันเขาเอาไว้เอง”
โกวชิที่เพิ่งเริ่มฝึกฝนจะแข็งแกร่งแค่ไหนเชียว? ในสายตาของผู้เชี่ยวชาญบางคนพวกเขาสามารถมองเห็นจุดอ่อนทั้งหมดได้ และเทคนิคดาบของโกวชิก็อาจจะดีกว่าคนธรรมดาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
อาวุโสวู่พยักหน้าเงียบๆ คนรับใช้ผู้นี้ยอมเยี่ยมจริงๆ
ในช่วงเวลาที่เจ้านายของตนเผชิญหน้ากับอันตรายเขากลับพุ่งเข้ามาอย่างไม่เกรงกลัว เขามีความภักดีและเหมาะที่จะเป็นคนที่อยู่ข้างกายนายน้อย
เขาชี้นิ้วไปข้างหน้าและรวบรวมกำลังภายในเพื่อโจมตีโกวชิ
ตุบ! ตึง!
นัยน์ตาของโกวชิหดลงร่างกายของเขาล้มลงไปกับพื้น
“ไม่ต้องกังวล เขายังไม่ตาย ข้าทำให้เขาเป็นลมเท่านั้นเพราะเป้าหมายของข้าก็คือเจ้า” เสียงของนักลอบสังหารยังเด็กมาก ที่อาวุโสวู่ทำแบบนี้เขามีจุดประสงค์บางอย่าง
นายน้อยสงสัยว่าหัวหน้าตระกูลเป็นนักฆ่าและความสงสัยของเขาดันถูกต้องซึ่งมันก็เป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องขจัดความสงสัยนั้นออกไปเพื่อซ่อนความจริงจากนายน้อย
หลิน ฟานถอนหายใจด้วยความโล่งอกจากนั้นเขาก็กลิ้งตัวไปที่ด้านข้างของโกวชิ เขาแตะชีพจรและพบว่ามันยังเต้นอยู่ ดังนั้นเขาจึงหยิบดาบขึ้นมาแล้วถามออกมาอย่างระมัดระวัง “เจ้าเป็นใคร!?”
อาวุโสวู่ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเพราะเขารู้ตัวดีว่าถ้าเขายิ่งพูดเขาก็จะยิ่งดูมีพิรุธ
เขาพุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับทิ้งรอยเท้าลึกเอาไว้เบื้องหลัง เพียงชั่วพริบตาเขาก็มาอยู่ต่อหน้าหลิน ฟานแล้ว
“เชี่ย! คนตระกูลหลินหายหัวไปไหนกันหมด?”
“มีนักฆ่าโว้ยย!”
หลิน ฟานตะโกนสุดเสียง
ตอนกลางวันมีผู้คนมากมายแต่ตอนนี้กลับหายไปเหมือนผี และการที่นักฆ่าเข้าออกบ้านของเขาเป็นว่าเล่นแล้วแบบนี้เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
หลิน ฟานหลบออกมาทันทีด้วยการขยับร่างกายเพียงเล็กน้อย ตอนนั้นเองที่เขาก็ได้เห็นช่องโหว่เขาจึงรีบเหวี่ยงดาบด้วยมือข้างหนึ่งออกไปที่นักฆ่าทันที
“เจตจำนงพยัคฆ์”
ด้วยการที่เขาฝึกวิชาดาบพยัคฆ์อาฆาตจนมาถึงขั้นจุดสูงสุดมันจึงทำให้พลังของวิชาก้าวไปอีกระดับหนึ่ง
แม้ว่าเทคนิคดาบนี้จะเป็นวิชาธรรมดาๆ แต่เมื่อฝึกมันจนถึงระดับสูงสุดมันจะให้พลังที่ไม่สามารถจิตนาการได้
เมื่อหลิน ฟานฟันออกไปเสือปีศาจสีดำที่ดูน่าหวาดกลัวก็ปรากฏบนดาบของเขา
กำลังภายในภายในร่างกายของเขาเดือดและค่อยๆมาปกคลุมที่ใบดาบ
ถ้าหากว่าไม่มีกำลังภายในเขาจะไม่สามารถทำการโจมตีที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้
อาวุโสวู่ตกตะลึง
เยี่ยมมาก
นายน้อยไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ
หัวหน้าตระกูลพูดถูกแล้วความกดดันจะช่วยดึงศักยภาพของนายน้อยออกมาได้
และถ้าหากเขาไม่ได้เห็นโดยบังเอิญเขาจะไม่มีวันรู้เลยว่านายน้อยแข็งแกร่งมากขนาดนี้
“กำลังภายในได้มาถึงเส้นทางการต่อสู้ขั้นหนึ่ง ไม่เลว” อาวุโสวู่รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
เขาไม่ได้คิดจะหลบดาบของนายน้อยตั้งแต่แรกแล้ว
เขายื่นมือพร้อมกับกางนิ้วทั้งห้าออกไปและใช้ร่างกายของเขารับดาบนั้น
ปัง!
ปรากฏว่ามันรุนแรงกว่าที่เขาคิดเอาไว้
“เจ้ามันหยิ่งเกินไป หากว่าเจ้ามีความกล้าแน่จริงก็มาตอนกลางวันสิโว้ย! การที่เจ้าเข้ามาดึกๆเช่นนี้มันทำให้ผู้อื่นไม่ได้นอนเจ้ารู้บ้างไหม!?” หลิน ฟานโกรธมากจริงๆและทุกการโจมตีของเขามันหมายถึงการระบายความทุกข์ร้อนในใจออกไป
เขาไม่ได้นอนงั้นหรือ?
อาวุโสวู่ถอยหลับ ภายใต้หน้ากากมีใบหน้าที่ดูตกใจปรากฏขึ้น
ดูเหมือนว่าเขาจะประมาทและประเมิณนายน้อยต่ำเกินไป
เขาไม่ได้คาดหวังเลยว่าพลังของนายน้อยจะมากขนาดนี้ เขาปลูกฝังทั้งภายในและภายนอกเลยหรือไม่?
นี่มันไม่ถูกต้อง
ถ้านายน้อยไม่ได้บ่มเพาะภายนอกแล้วเขาจะยกระดับร่างกายของเขาได้เช่นไร อย่างน้อยมันก็อยู่ในระดับเส้นทางการต่อสู้ขั้นสามแล้ว
เส้นทางการต่อสู้มันมีทั้งหมดสองทาง
หนึ่งคือเทคนิคภายนอกและสองคือเทคนิคการบ่มเพาะภายใน
มันมีน้อยคนมากที่คิดจะฝึกฝนทั้งคู่เพราะสุดท้ายแล้วพลังของทุกคนมีจำกัด
และถึงแม้ว่าจะมีคนที่มีความสามารถจริงๆแต่ก็มีน้อยคนนักที่ฝึกมันทั้งสองอย่าง ส่วนมากพวกเขามักจะเน้นฝึกฝนที่กำลังภายใน
นายน้อยช่างยอดเยี่ยมนักเขาได้ฝึกกำลังภายในจนถึงขั้นหนึ่งแล้ว และการโจมตีเมื่อสักครู่น่าจะกินกำลังภายในภายในร่างกายของเขาไปครึ่งหนึ่ง การโจมตีนั้นสามารถทำให้ผู้ที่เชี่ยวชาญที่อยู่เส้นทางการต่อสู้ขั้นสองบาดเจ็บสาหัสได้เลย
“หลังจากการโจมตีเมื่อสักครู่กำลังภายในของเจ้าก็น่าจะหมดลงแล้วใช่หรือไม่?” อาวุโสวู่พูด
หลิน ฟานไม่ได้รู้สึกเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย เขายังรู้สึกว่าร่างกายของเขานั้นเต็มไปด้วยกำลังภายใน
มันให้ความรู้สึกราวกับว่าเขาแค่เหวี่ยงดาบธรรมดามันไม่ได้กินกำลังภายในของเขาเลย
หลิน ฟานกระโดดขึ้นพร้อมกับดาบในมือเขาจะโดนและฟันออกไปข้างหน้าอย่างดุร้าย
“เจตจำนงพยัคฆ์”
ปัง!
“เจตจำนงพยัคฆ์”
ปัง!
หลิน ฟานโบกดาบที่อยู่ในมือของเขาจากนั้นก็ฟันไปที่นักลอบสังหารครั้งแล้วครั้งเล่า และทุกๆครั้งที่เขาฟันออกไปก็จะมีเสียงคำรามของเสือตามมาด้วยเสมอ
“นายน้อยผู้นี้จะฟันเจ้าจนกว่าเจ้าจะตาย!”
เขาไม่รู้สึกเหนื่อยเลยแม้แต่น้อยกลับกันเทคนิคดาบที่เขาใช้ออกมามันก็ค่อยๆคุ้นเคยกับเขามากขึ้นเรื่อยๆ
“เป็นไปได้ยังไง?” อาวุโสวู่หวาดกลัว นายน้อยออกท่ามามากกว่า10ครั้งแล้ว
เขามีกำลังภายในพอที่จะสนับสนุนได้อย่างไร?
ฐานการฝึกฝนด้านกำลังภายในของนายน้อยอยู่แค่ที่ขั้นหนึ่งเท่านั้น
กลับมาที่หลิน วานยี่ตอนแรกเขาต้องการเพียงแค่จะดูว่าเจ้าเด็กไม่เอาไหนจะร้องไห้จากการถูกทุบตีหรือไม่เพียงเท่านั้น
แต่อย่างไรก็ตามการแสดงออกตอนนี้ของเขากลับเคร่งขรึม
มีประกายออกมาจากดวงตาของเขา
เจ้าเด็กไม่เอาไหนคนนี้ทำให้เขาประหลาดใจ
“ดี”
ถ้าหลิน ฟานรู้ว่าพ่อของเขากำลังดูอยู่และพูดว่าดี เขาคงจะอุทานออกมาว่า ท่านเป็นพ่อแบบไหนกัน?
เพราะการนอนไม่หลับมันส่งผลเสียอย่างมากต่อตับ