‘ดูเหมือนว่าข้าจะสามารถเอาชนะเขาได้’
หลังจากแลกเปลี่ยนกันหลายสิบกระบวนท่า เขาก็รู้สึกว่าคู่ต่อสู่ของเขากำลังถูกกดดัน
ในตอนแรกเขาต้องการจะใช้โอกาสนี้เพื่อแบกโกวชิไปขอความช่วยเหลือ แต่อย่างไรก็ตามเขารู้สึกว่ายิ่งเขาสู้มากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าเขามีโอกาศชนะมากเท่านั้น
กลับมาทางด้านอาวุโสวู่เขากำลังให้โอกาสนายน้อยอยู่
ความแข็งแกร่งของนายน้อยนั้นยอดเยี่ยม แม้ว่ามันจะไม่มากนักเมื่อเทียบกับรุ่นเดียวกัน
แต่ถ้านับแค่นายน้อยสามของตระกูลหยวนก็ถือว่าเขาแข็งแกร่งมาก
ทันใดนั้นหลิน ฟานก็สังเกตเห็นว่าสถานการณ์มันไม่ถูกต้อง
เพราะอยู่ๆความเร็วของนักฆ่าตรงหน้าเขามันเร็วขึ้น และบรรยากาศที่ออกมาจากชายคนนี้มันก็เริ่มแปลกไป
ฟุบ!
ชายคนนั้นกลายเป็นเงาและพุ่งเข้ามาหาเขา
เมื่อเห็นดังนั้นเขาจึงกระโดดหลบไปข้างหลังทันที ฝ่ามือที่คมเหมือนมีดของนักลอบสังหารเฉียดคอของเขาไป
ในชีวิตนี้เขาไม่เคยรู้สึกใกล้ความตายมากขนาดนี้มาก่อน
และถ้าหากว่าเขาช้าลงอีกแม้แต่เพียงเสี้ยววิเขาคงจะตายไปแล้ว
“ไม่เลว ถ้าเจ้าขยับช้ากว่านี้เจ้าคงจะตายไปแล้ว” นักลอบสังหารพูด
ในใจของหลิน ฟานเริ่มสาปแช่งชายผู้นี้ ข้าไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจกัน? เขามาที่นี่ทุกวันโดยไม่ได้ให้โอกาสข้าใช้ชีวิตปกติเลย
ที่นี่คือคฤหาสน์ตระกูลหลิน ไม่ใช่ว่าพวกเขาบอกว่าพ่อของข้าแข็งแกร่งมากไม่ใช่หรือ?
สำหรับเขาที่ต้องต่อสู้กับนักลอบสังหารตัวต่อตัวอย่างอึกทึกมันเป็นไปไม่ได้ที่พ่อของเขาจะไม่รู้ตัวมันไม่สมเหตุสมผลเลยแม้แต่น้อย
อาวุโสวู่เห็นว่านายน้อยกำลังคิดอะไรอยู่เหมือนนึกบางอย่างได้ เขาแปลกใจเล็กน้อย หรือว่านายน้อยกำลังจะรู้ตัวแล้ว?
บางทีคงจะถึงเวลาที่ท่านหัวหน้าตระกูลจะต้องปรากฏตัวแล้ว
เพราะถ้าสิ่งนี้ดำเนินต่อไปนายน้อยอาจจะสังเกตเห็นสิ่งที่ไม่ควรจะรู้
“เจ้าสารเลวตัวไหนมันกล้าบุกรุกเข้ามาในคฤหาสน์ตระกูลหลิน เจ้ากำลังแส่หาที่ตาย!” เสียงดังกระจายไปทั่วขณะที่หลิน วานยี่ค่อยๆปรากฏตัวออกมาจากอากาศ
เมื่อหลิน ฟานเห็นว่าใครมาเขาก็ดีใจและตื่นเต้นมากขึ้น “ท่านพ่อช่วยข้าด้วย! เจ้านักฆ่าสารเลวนี่กำลังจะสังหารข้าแล้ว!”
นักลอบสังหารถอยกลับอย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยเสียงดังฟุบ ร่างของเขาก็กลายเป็นหมอกสีดำและกระจายหายไปทันที
มีเสียงดังตามมาหลังจากที่เขาจากไป
“ข้าจะกลับมาแน่นอน”
หลิน วานยี่ลงมายืนที่ด้านข้างของหลิน ฟานเขาขมวดคิ้วและพูดออกมาอย่างเคร่งขรึม “ข้าไม่คิดเลยว่าชายคนนี้จะหนีได้เร็วขนาดนี้”
“ท่านพ่อหลังจากนี้ข้าควรจะทำยังไงดี? เขาพยายามจะสังหารข้าแต่ข้าไม่สามารถสู้กับเขาได้เลย” เมื่อเห็นว่าพ่อของเขามาถึงหลิน ฟานก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ดูเหมือนว่านักลอบสังหารจะไม่ใช่พ่อของเขา
เดี๋ยวนะข้าจะถอนหายใจเพราะโล่งอกไปทำไมกัน? ถ้าหากว่าชายคนนั้นไม่ใช่พ่อของเขา งั้นถ้าเขาพลาดเขาก็ต้องตายจริงๆนะสิ
เขาสงสัยอยู่เสมอว่าพ่อของเขาเป็นนักลอบสังหารคนนั้น
แต่เมื่อดูจากสถานการณ์ปัจจุบันดูเหมือนมันจะไม่ใช่แบบนั้น
นี่ข้าพลาดอะไรไปรึเปล่า?
“ถ้าเจ้าไม่ต้องการจะถูกลอบสังหาร งั้นเจ้าก็จงแข็งแกร่งขึ้น แต่เจ้าไม่ต้องกังวลมันจะไม่มีใครสังหารเจ้าได้ถ้าเจ้ายังอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลหลิน เมื่อมาคิดๆดูแล้วทำไมเขาที่แข็งแกร่งกว่าเจ้าแต่เขากลับไม่ได้สังหารเจ้า ดูเหมือนว่าจุดประสงค์ในการมาที่นี่ของเขาจะไม่ใช่การสังหารเจ้า” หลินวานยี่คิดอย่างลึกซึ้ง
“ท่านพ่อเขาเป็นใคร?” หลิน ฟานถามออกมา
หลิน วานยี่พูด “มันต้องเริ่มจากเมื่อสิบปีก่อน ตอนนั้น…”
หลิน ฟานฟังอย่างตั้งใจและอยากจะรู้ว่าใครเป็นตัวต้นเหตุของเรื่องนี้
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ต้องตกตะลึงและอ้าปากค้าง
“งั้นก็แปลว่าเมื่อหลายสิบปีก่อนท่านได้เอาชนะเขา และตอนนี้เขาก็ต้องการกลับมาและกำหนดข้าเป็นเป้าหมายงั้นรึ?” หลิน ฟานพูด
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?
มันเกี่ยวข้องกับข้าตรงไหน?
ถ้าหากเขาต้องการแก้แค้นงั้นก็ควรจะทำให้ถูกคนสิ
นายน้อยผู้นี้ไม่รู้อะไรเลย ทุกอย่างมันต้องโทษพ่อของข้าสิ
ถ้าเรื่องนี้มันหลุดออกไปทุกคนจะต้องสงสารข้าแน่
“มันเป็นเรื่องปกติสำหรับลูกชายที่ต้องชำระหนี้ให้พ่อแม่ เจ้าเป็นเด็กที่ไร้ความรับผิดชอบที่ทำให้เกิดปัญหามากมายในช่วงนี้ ดังนั้นเจ้าควรที่จะแบ่งเบาภาระข้าบ้าง”
“พรุ่งนี้ข้าจะบอกให้ยามมายืนด้านนอกลานเพื่อปกป้องเจ้า”
“ตอนนี้ได้เวลาที่เจ้าจะกลับไปนอนแล้ว”
เมื่อเขาพูดจบหลิน วานยี่ก็เดินออกไปทันที
มีเพียงแต่หลิน ฟานเท่านั้นที่ยืนอยู่ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืนด้วยความสับสน
ลูกชายจ่ายหนี้ให้พ่อ?
ความสมเหตุสมผลมันอยู่ตรงไหน?
จากนั้นเขาก็เดินไปข้างๆโกวชิที่ยังคงไม่รู้สึกตัว “เห้อ โกวชินะโกวชิ ข้าได้เห็นแล้วว่าเจ้าดีแค่ไหน หลังจากนี้จะมีเพียงข้าเท่านั้นที่สามารถรังแกเจ้าได้ หากเป็นผู้อื่นข้าจะสังหารมันซะ”
เขายกโกวชิขึ้นมาและส่งเขากลับเข้าไปในอาคาร
ถ้าโกวชิยังคงมีสติอยู่เมื่อเห็นนายน้อยของเขาทำแบบนี้เขาคงจะร้องไห้ออกมาแน่
เพราะการที่นายน้อยพาเขากลับมาด้วยตัวเองนับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง
ถ้าเป็นนายน้อยคนอื่นพวกเขาจะปล่อยให้คนรับใช้นอนข้างนอกและให้กลับไปในห้องด้วยตัวเองเมื่อตื่น
ณ ห้องศึกษา
“นายท่าน นายน้อยได้ปิดเรื่องของเขาเอาไว้ได้อย่างมิดชิด ถ้าเกิดว่าเราไม่ได้เข้าไปตรวจสอบเราคงจะไม่รู้เรื่องที่เขาเก็บเอาไว้แน่” อาวุโสวู่เปลี่ยนจากชุดนักลอบสังหารเป็นชุดปกติของเขา ความแข็งแกร่งของนายน้อยที่เขาได้รับรู้ในวันนี้มันผิดจากที่เขาคาดเอาไว้มาก
“เหอะก็แค่การบ่มเพาะภายนอกขั้นสามและการเพาะภายในขั้นหนึ่งเขายังอ่อนแอนัก” หลิน วานยี่พูด
อาวุโสวู่หัวเราะ ภายในใจลึกๆของท่านหัวหน้าตระกูลกำลังมีความสุข แต่เนื่องจากศักดิ์ศรีของเขาเขาจึงไม่สามารถพูดออกมาได้
อย่างไรก็ตามที่เขารู้ดีกว่าคนอื่นเรื่องที่ท่านหัวหน้าตระกูลกำลังมีความสุขเป็นเพราะพวกเขาอยู่ด้วยกันมานาน
“อีกเรื่องหนึ่ง ข้าคิดว่าคนรับใช้ที่ติดตามนายน้อยนี้ไม่เลวเลย เขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์และไม่หนีเมื่อต้องเผชิญหน้ากับอันตราย ข้าคิดว่าเราสามารถฝึกเขาได้” อาวุโสวู่พูด
“อืม ทำตามที่เจ้าเห็นสมควร” หลิน วานยี่กล่าว
อาวุโสวู่หัวเราะ “ดูเหมือนว่าหลังจากคืนนี้ข้าจะยุ่งขึ้นมาก”
รุ่งเช้า
เมื่อหลิน ฟานลืมตาเขาก็ตะโกนออกมาทันที “โกวชิ!”
หลังจากนั้นไม่นานโกวชิก็ถืออ่างล้างหน้าและเดินเข้ามา “นายน้อย เมื่อคืน…”
“ทุกอย่างปกติดี อย่างพูดถึงมันเลย” หลิน ฟานโบกมือ ในเวลานี้เขาต้องคิดว่าจะรับมือกับนักลอบสังหารคนนี้อย่างไรดี
เขาไม่ต้องการให้ชายคนนั้นมาที่นี่ทุกคืน มิฉะนั้นเขาจะไม่มีเวลาแม้แต่จะพักผ่อน
หลังจากที่ล้างหน้าเสร็จหลิน ฟานก็พาโกวชิไปดูลูกพี่ลูกน้องของเขา
เมื่อพวกเขาเดินทางมาถึงพวกเขาก็เห็นลูกพี่ลูกน้องกำลังยืนอยู่ในลานพร้อมกับหลับตา
มีอากาศที่ดูขุ่นมัวออกมาระหว่างกระบวนการหายใจของเขา
โจว เชียงเหมาลืมตาขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า “ลูกพี่ลูกน้อง”
“ลูกพี่ลูกน้อง อาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง?” หลิน ฟานถาม
โจว เชียงเหมายิ้มออกมา “มันดีขึ้นแล้ว ตั้งแต่ข้าได้กินโสมอายุสามร้อยปีและดูดซับแก่นแท้ของมัน อาการบาดเจ็บของข้าก็หายเป็นปลิดทิ้ง”
“วิเศษมาก การฟื้นตัวของเจ้าช่างรวดเร็วจริงๆ” หลิน ฟานรู้สึกว่าลูกพี่ลูกน้องของเขาแข็งแกร่งมาก อาการบาดเจ็บของเขามันร้ายแรงนาดนั้นแต่เขากลับสามารถหายได้ภายในคืนเดียว
ดูเหมือนว่าเทคนิคการเพาะปลูกของเขาจะค่อนข้างทรงพลัง
“ลูกพี่ลูกน้องวันนี้เราจะไปไหนกัน?”
โจว เชียงเหมาตั้งใจจะอยู่กับลูกพี่ลูกน้องของเขาให้ได้มากที่สุด เขาได้ทิ้งหน้าที่อบรมยามให้กับผู้อื่นไปแล้ว เพราะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาการได้อยู่ข้างลูกพี่ลูกน้องมันเป็นสิ่งที่ทำให้เขามีความสุขมากที่สุด
“ไม่รู้สิออกไปก่อนแล้วค่อยคิดก็แล้วกัน แล้วเมื่อคืนน่ะข้านั้นกลัวแทบตายเพราะไอเจ้านักลอบสังหารมันกลับมาอีกแล้ว แต่โชคดีที่ข้ามีความสามารถไม่งั้นมันคงจะสังหารข้าได้สำเร็จแล้ว”
“เอาล่ะ อย่าไปพูดถึงมันดีกว่าตอนนี้ได้เวลาออกไปข้างนอกแล้ว”
หลิน ฟานไม่ต้องการจะพูดถึงมันอีก
เขาเคยสงสัยว่านักลอบสังหารคนนี้เป็นคนที่พ่อของเขาส่งมา
มิฉะนั้นแล้วทำไมเขาถึงไม่สังหารข้า และต้องการเพียงแค่จะเอาชนะข้าเท่านั้น?
แต่หลังจากเมื่อคืนเขาก็ทราบว่าชายคนนี้เป็นคนที่เคยมีความขัดแย้งกับพ่อของเขา
และเนื่องจากเขาไม่สามารถเอาชนะชายชราได้เขาจึงหันมากลั่นแกล้งเด็กแทน
ไอเจ้าสารเลว!
ในตอนที่พวกเขากำลังจะออกจากคฤหาสน์ เขาก็ได้เห็นผู้จัดการเฉินถือหนังสือเล่มหนาและเดินออกจากประตูไป
เขาน่าจะกำลังมุ่งหน้าไปที่หมู่บ้านตระกูลฉินและจางเพื่อลงทะเบียนให้พวกเขา
ในช่วงที่ผ่านมาตัวเขาเองได้ก่อปัญหาเอาไว้มากมายและการให้พื้นที่เพาะปลูกจำนวนมากก็เป็นหนึ่งในนั้น
การกระทำดังกล่าวได้ไปกระตุ้นโทสะของตระกูลหยวนและเหลียง แต่พวกเขากลับไม่ได้มาที่นี่เพื่อมองหาปัญหา
นั่นก็แสดงว่าตระกูลของข้ามันสุดยอดดั่งที่ข้าคิดจริงๆ
เมื่อออกมาข้างนอกก็จะเห็นร้านค้ามากมายตั้งอยู่สองข้างทางซึ่งขายอาหารเช้าที่ดูน่าอร่อย
อย่างไรก็ตามเมื่อหลิน ฟานกินพวกสามัญก็ไม่ได้เก็บเงินจากเขา
นี่น่าจะเป็นผลมาจากการที่เขามีชื่อเสียงที่ดี
แต่เขาที่เป็นถึงนายน้อยผู้ร่ำรวยจะไม่จ่ายเงินได้อย่างไร?
และถ้าหากเรื่องนี้หลุดออกไปเขาจะต้องเสียหน้าเป็นแน่
เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงบอกให้โกวชิจ่ายเงินให้ทั้งหมด
ในตอนที่หลิน ฟานเดินไปตามถนน สามัญชนที่อยู่รอบตัวของเขาต่างก็มองไปที่เขา
พวกเขาเป็นคนที่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวาน นายน้อยหลินและหัวหน้าตระกูลหยวนมีเรื่องขัดแย้งกันที่นอกเมือง ถ้าพวกเขาไม่ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยตาตัวเองพวกเขาก็คงคิดว่ามันเป็นเพียงแค่เรื่องหลอกลวงเท่านั้น