I Don’t Want To Defy The Heavens
DTH ตอนที่ 61 ข้าแค่มาเยี่ยมเจ้าจริงๆ
หลิน วานยี่ได้รู้มาจากทหารยามว่าเจ้าเด็กไม่เอาไหนออกมาไม่นานหลังจากที่เขาเข้าไปในหอสมุด สิ่งนี้ทําให้เขาโกรธมาก
เขาตั้งใจให้ลูกของเขาพบกับเทคนิคบ่มเพาะทั้งสามโดยเจต
นา
แต่เขาไม่เห็นมันจริงๆงั้นหรือ?
เขาไม่ได้นําเทคนิคบ่มเพาะออกมาด้วยซ้ําแล้วแบบนี้เขาจะบ่มเพาะมันได้อย่างไร? ความคาดหวังที่เขามีก่อนหน้า 1 นี้กลับกลายเป็นสิ้นหวัง สงสัยเขาคงคิดมากเกินไปเพราะเจ้าเด็กไม่เอาไหนก็ยังคงเป็นเจ้าเด็กไม่เอาไหนเหมือนเดิม
ตอนนี้เขาขี้เกียจแม้กระทั่งออกไปมองหาเจ้าเด็กคนนั้นด้ว
และดูเหมือนว่าวิธีเดียวที่เขาจะสามารถพูดดีๆกับลูกของเขาได้ก็คงจะเป็นตอนกลางคืนเท่านั้น เพื่อให้ลูกของเขารู้ว่าชีวิตของตัวเองมันจะน่าเศร้าแค่ไหนถ้าทําให้พ่อของตนโกรธ
ณ ลานด้านหลัง
หลิน ฟานได้ทดลองรีสถานะของเขาและพบว่ามันมีประโยชน์และทรงพลังมาก ในอนาคตหลังจากนี้เขาคงจะต้องค่อยๆศึกษาและเรียนรู้มันอย่างช้าๆ
“โกวชิ เจ้าไปซื้อพวกอาหารบํารุงมาให้ข้าหน่อย” หลินฟานสั่ง
โกวชิทําตามคําสั่งที่ได้รับมา แต่ที่นี่มันไม่ได้มีใครป่วยแล้ว นายน้อยจะเอาของพวกนี้ไปทําอะไรกัน?
“นายน้อยข้าควรซื้ออะไรดีขอรับ?”
หลินฟานคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ข้าเคยได้ยินคําพูดที่ว่าหัวไชเท้าก็เปรียบดั่งโสม ถ้ากินมันเข้าไปมากๆก็จะดีต่อสุขภาพ ดังนั้นเราจะซื้อมันไปเยอะๆ อีกอย่างก็เอาเป็นผักโขมแดงซึ่งน่าจะช่วยบํารุงเลือด เมื่อซื้อพวกมันแล้วเจ้าอย่าลืมห่อเป็นของขวัญด้วยละ เพราะข้าจะไปเยี่ยมเขาเร็วๆนี้
ตอนนี้เหลียง หยงฉีจะเป็นยังไงบ้างนะ?
ความจริงแล้วชายคนนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายนัก แม้ว่าเขาจะหยิ่งไปบ้าง แต่เขาก็เป็นคนที่ให้คะแนนความโกรธจํานวนมากกับเขา
ตราบใดที่เขามีจิตสํานึกเขาก็ควรจะไปเยี่ยมสักหน่อย
โกวชิตกตะลึง
นายน้อยต้องการจะทําอะไรกันแน่?
ตามปกติแล้วหากเขาอยากจะไปเยี่ยมผู้อื่นเขาก็ควรจะนําของที่มีราคาแพงเช่น โสมร้อยปีที่อยู่ในคฤหสน์หรือไม่ก็สมุนไพรอื่นที่มีราคาแพง
สําหรับหัวไชเท้าและผักโขมแดงมันเป็นเพียงผักที่ใช้ในการทําอาหารเท่านั้น!
ถ้านายน้อยส่งพวกมันไปจริงๆเขาก็มั่นใจมากเลยว่าคนที่ได้รับจะต้องโกรธอย่างแน่นอน
แต่เนื่องจากมันเป็นคําสั่งของนายน้อยเขาก็มีแต่ต้องทําตามเท่านั้น สําหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปก็ให้มันเป็นปัญหาของวันอื่น เขาไม่จําเป็นต้องคิดมากเกินไป
ไม่นานหลังจากนั้น
นายน้อยก็เตรียมของเยี่ยมเสร็จ กล่องถูกจัดเตรียมไว้อย่างประณีตมันดูเหมือนเขาใส่ใจจริงๆ เพียงแค่มองแวบแรกก็สามารถรู้ได้เลยว่ามันเป็นของดี
“เราออกไปข้างนอกกันเถอะ”
หลังจากที่ใช้เวลาหนึ่งวันกับอีกครึ่งหนึ่งอยู่แต่ในบ้านมัน ทําให้เขารู้สึกเบื่อมาก มีเพียงแค่ช่วงเวลาที่เขาเดินออกมาและสูดอากาศบริสุทธิ์เท่านั้นที่ทําให้เขารู้สึกว่าเขายังมีชีวิตอยู่
ณ ทางเข้าคฤหาสน์ตระกูลเหลียง
โกวชิกําลังตกตะลึง ตลอดทางเขาก็คิดถึงความเป็นไปได้มากมาย แต่คาดไม่ถึงเลยว่านายน้อยจะมาที่นี่
เมื่อทหารยามทั้งสองเห็นว่ามันเป็นนายน้อยตระกูลหลินที่มา พวกเขาก็ตื่นตระหนกทันที
เพราะนายน้อยสามของพวกเขาตกอยู่ในสภาพย่ําแย่เมื่อเร็วๆนี้ และมีข่าวลือว่าทั้งหมดมันเป็นฝีมือของนายน้อยหลินท่านนี้
เขาเป็นตัวอันตรายแถมยังเชี่ยวชาญเรื่องนี้อย่างมาก
ดังนั้นอย่าได้ยั่วยุเขาเป็นอันขาด มิฉะนั้นมันก็ไม่ต่างจากการแส่หาความตาย
“โปรดไปรายงานด้วยว่าข้าอยากจะเข้าไปเยี่ยมนายน้อยสาม” หลิน ฟานกล่าวจากนั้นก็ชี้ไปที่ของเยี่ยมที่เขาเตรียมมา “ไม่ต้องห่วง ข้าเอาอาหารบํารุงมาด้วย
ยามทั้งสองมองไปที่หลิน ฟานด้วยสีหน้าแปลกๆ
พวกเขาต่างก็คิดสิ่งเดียวกัน
ใครมันจะเชื่อเขากัน?
เขามันเป็นเจ้าสารเลว
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะคิดยังไงพวกเขาก็ต้องไปรายงานเรื่องนี้ทันทีอยู่ดี เพราะสถานะของพวกเขามันต่างกัน พวกเขาที่เป็นเพียงทหารยามจะไปโตเถียงกับนายน้อยตระกูลหลินได้อย่างไร? ถ้าพวกเขาทําแบบนั้นพวกเขาก็จะตายโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ําว่าตายยังไง
ไม่นานหลังจากนั้น
ยามก็ออกมาพร้อมกับหัวหน้าตระกูลเหลียง
เมื่อหัวหน้าตระกูลเหลียงได้รู้ว่านายน้อยตระกูลหลินมาเยี่ยม เขาก็กลายเป็นตกตะลึง วันนี้พระอาทิตย์มันขึ้นทิศตะวันตกหรือไงกัน? เขาตั้งใจมาเยี่ยมลูกสามจริงๆงั้นเหรอ?
เขากําลังวางแผนอะไรอยู่กันแน่?
“หลานชายผู้มีคุณธรรมเจ้ามีเวลามากถึงขนาดมาที่นี่เลยงั้นรึ?” หัวหน้าตระกูลเหลียงยิ้ม แม้ว่าเขาจะยิ้มแต่ในใจลึกๆแล้วมันแฝงไปด้วยความรําคาญ ราวกับเขากําลัง จะบอกว่าเจ้าได้สร้างความเสียหายให้ลูกชายของเขาขนาดนี้ แล้วยังมีหน้ามาที่นี่อีกงั้นหรือ?
“ท่านหัวหน้าตระกูลเหลียงที่ท่านพูดมันหมายความว่ายังไง? เพราะข้าไม่เห็นนายน้อยเหลียงออกมาเลย ข้าจึงกังวลและเอาของมาเยี่ยมเพื่อถามไถ่”
“มันก็จริงที่ในอดีตข้าเคยมีความขัดแย้งกับนายน้อยเหลียง แต่มันก็ง่ายที่จะแก้ไขดังนั้นข้าเลยตัดสินใจที่จะมาเยี่ยม”
หลิน ฟานแสดงความจริงใจราวกับเขากําลังพูดความจริง
หัวหน้าตระกูลเหลียงมองไปที่หลิน ฟานด้วยสีหน้าแปลกๆ
วันนี้ดวงอาทิตย์ขึ้นจากทิศตะวันตกนั้นหรือ?
“เจ้าโตขึ้นมากจริงๆ แล้วทําไมถึงยังยืนอยู่ตรงนั้นละ? เข้ามาสิ” หัวหน้าตระกูลเหลียงยิ้ม
เมืองหยูฉางมีตระกูลขุนนางอยู่ทั้งหมดสามตระกูล
ดูผิวเผินแล้วพวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันโดยเรียกกันและกันว่าพี่
แต่ลับหลังแล้วพวกเขาต่างด่าทอซึ่งกันและกัน
พวกเขาจะไม่ขัดแย้งกันในที่สว่าง ส่วนใหญ่แล้วพวกเขาจะแข่งขันกันอย่างลับๆในที่มีดแทน มันจึงทําให้หน้าฉากของพวกเขาดูราวกับเป็นพี่น้องกันมานาน
และความสัมพันธ์เช่นนี้ก็ดําเนินมาอย่างยาวนานแล้ว
หลิน ฟานยิ้มและก้าวเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลเหลียง เขามุ่งหน้าไปทางห้องของเหลียง หยงฉีทันทีจากนั้นก็พูดออกมาว่า “ท่านหัวหน้าตระกูลเหลียง ท่านไม่จําเป็นต้องตามข้าเข้ามาก็ได้ เพราะข้าแค่จะมาเยี่ยมนายน้อยสามและจะออกไปหลังจากพูดกับเขาไม่กี่คํา”
ก่อนที่หัวหน้าตระกูลเหลียงจะทันได้พูดอะไร หลิน ฟานก็เดินไปไกลแล้ว
หัวหน้าตระกูลเหลียงมองไปที่เขาและไม่ได้พูดอะไร
ที่นี่คือตระกูลเหลียง เขามั่นใจมากว่าเจ้าเด็กคนนี้จะไม่กล้าทําอะไรตามอําเภอใจ
ณ ลานด้านหลัง
หลิน ฟานที่ยืนอยู่ตรงประตูได้ยินเสียงครางต่ําดังมา จากข้างในน้ําเสียงที่ออกมานั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“ก๊อก ก๊อก!” เขาเคาะประตู
“เข้ามา” เหลียง หยงฉีกล่าวอย่างอ่อนแรง
อาการบาดเจ็บบนร่างกายของเขายังไม่หายดี เขารู้สึกว่าพอตีเขาแรงเกินไปจนทําให้เขารู้สึกราวกับว่ากระดูกของเขากําลังจะแตก
หลิน ฟานเปิดประตูเข้ามา “นายน้อยเหลียง ข้ามาเยี่ยมท่าน
เหลียง หยงนอนอยู่บนเตียงโดยที่มือของเขากําลังถือหนังสือสําหรับผู้ใหญ่อยู่ เขาใช้มันเพื่อเบี่ยงเบนความเจ็บปวดของร่างกาย แต่เมื่อเขาได้ยินเสียงมือที่ถือหนังสืออยู่ของเขาก็สั่นอย่างรุนแรง
เขาร้องเสียงสูงออกมาทันที
“เจ้ามาทําอะไรที่นี่?!”
คนที่เขาไม่อยากเจอที่สุดคือชายคนนี้
“ความโกรธ +88”
บางทีคะแนนความโกรธอาจจะได้รับผลกระทบจากอาการบาดเจ็บทําให้มันลดลงจากสามหลักเหลือสองหลัก
“นายน้อยเหลียงเจ้าอย่าอารมณ์เสียไปเลย ข้าว่าเรามาคุยกันดีกว่า เพราะระหว่างเรามันก็ไม่ได้มีปัญหามากมายขนาดนั้น ดูสิข้ามีของมาให้เจ้าด้วย” หลิน ฟานตบสิ่งที่อยู่ในมือและพูด
เหลียง หยงฉีต้องการซ่อนหนังสือในมือของเขาไว้ในเสื้อ แต่น่าเสียดายที่หลิน ฟานเห็นมันเสียก่อน “ไอหยา ถ้าข้าจําไม่ผิดหนังสือที่ชื่อสมบัติของสาวแรกรุ่นที่เจ้าถืออยู่นี้เขียนได้ดีมาก นายน้อยเหลียงเจ้านี่ช่างเป็นคนมีวัฒนธรรมจริงๆ”
“ความโกรธ +111
ในที่สุดมันก็เกินร้อย
เหลียง หยงฉีซ่อนหนังสือในมือและพูดออกมาอย่างอย่างเย็นชา “หยุดเสแสร้งและทําตัวแบบนั้นต่อหน้าข้าได้แล้ว! สกุลหลินให้ข้าได้เตือนความจําของเจ้าหน่อยนะว่าที่นี่คือตระกูลเหลียง หากเจ้าคิดที่จะทําอะไรเกินเลย เจ้าจะไม่ได้เดินออกไป จากที่นี่แบบเป็นๆแน่!”
พูดตามตรงก่อนที่หลิน ฟานจะรังแกเขา เหลียง หยงฉีก ดูเป็นนายน้อยที่ดูเหมือนสุภาพบุรุษ เด็กผู้หญิงทั่วไปไม่สามารถต้านทานเสน่ห์ของเขาได้
แต่น่าเศร้าที่มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้วเหตุเพราะหลิน ฟานทําให้เขาสูญเสียการควบคุมตัวเองและแสดงด้านที่เลวร้ายออกมา ส่วนออร่าของขุนนางที่เขาเคยมีก็หายไปด้วยเช่นกัน
หลิน ฟานดึงเก้าอี้มาและนั่งลง “ไม่ต้องเครียดไปและได้โปรดอย่าเข้าใจผิด ข้าแค่อยากจะมาหาเจ้าจริงๆ สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นยังคงสดใหม่อยู่ในความคิดของข้า เมื่อเห็นว่าเจ้าถูกทําโทษอย่างโหดร้ายบอกตรงๆเลยว่าหัวใจของข้ามันเจ็บปวดเหลือเกิน”
สําหรับเหลียง หยงฉีแล้วการที่อีกฝ่ายหยิบยกเรื่องในอดีตขึ้นมาพูดมันดูราวกับหลิน ฟานจงใจทําตัวเขาเอง พยามแทบตายที่จะลืมมัน แต่ชายคนนี้กลับยกมันขึ้นมาอีกครั้ง
เขาแค่ต้องการยั่วยุข้า
ความโกรธ +123
เหลียง หยงฉีตะโกน “เจ้าปล่อยข้าไปได้ไหม ถือว่าข้าขอร้อง? เพราะทันทีที่ข้าเห็นเจ้าจิตใจมันก็สงบไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ดังนั้นช่วยออกไปที่ตระกูลเหลียงของข้าไม่ต้อนรับเจ้า!”
สําหรับเขาแล้วหลิน ฟานเป็นคนที่ทําให้เขาโกรธมากที่สุด
ในอดีตที่ผ่านมาเขาไม่เคยมีความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน แต่เนื่องจากเขาถูกกระทําซ้ําแล้วซ้ําเล่ามันจึงทําให้เขาเกิดความคิดแบบนี้ขึ้นมา
เจ้าสารเลว มันคือเจ้าสารเลวดีๆนี่เอง
เขารู้ดีกว่าใครว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะคนๆนี้ เพียงแต่มันไม่มีใครเชื่อเขาเลยสักคน
แล้วแบบนี้ข้าจะพูดเรื่องนี้กับใครได้บ้าง?
“นายน้อยเหลียงได้โปรดอย่าทําเช่นนั้น ข้าตั้งใจจะมาเยี่ยมเจ้าจริงๆ ในอนาคตพวกเราทั้งคู่ต่างก็ต้องอาศัยอยู่ในเมืองหยูฉางและต้องพบหน้ากันบ่อยๆ ทําไมเราถึงไม่มาญาติดีกันล่ะ?” หลิน ฟานยิ้ม
ไม่เลว
แม้คะแนนความโกรธจะไม่มาก แต่อย่างน้อยเขาก็ได้มาหลายร้อย
เหลียง หยงฉีที่เกลียดหลิน ฟานอย่างสุดซึ้งไม่คิดจะเชื่อคําพูดของเขาเลยแม้แต่น้อย
มีเพียงคนที่เจ็บปวดอย่างเขาเท่านั้นถึงจะเข้าใจความรู้สึกนี้
“อย่าพูดแบบนั้นกับข้า ข้าไม่มีทางเชื่อเจ้าอย่างแน่นอน ออกไปเดี๋ยวนี้! ที่นี่ไม่ต้อนรับคนอย่างเจ้า!”
เพราะเขาระเบิดอารมณ์มากเกินไปบาดแผลตามร่างกายของเขาจึงเปิดขึ้นอีกครั้ง
มันเจ็บมากจนเขาต้องกัดฟันและหายใจเข้าลึกๆ
“ถ้าเจ้ายืนกรานงั้นข้าก็ขอลา เมื่ออาการบาดเจ็บของเจ้าดีขึ้นแล้ว เมื่อนั้นข้าจะจัดโต๊ะฉลองให้เจ้าเอง” หลิน ฟานลุกขึ้นและวางของไว้ด้านข้าง “ลาก่อนนายน้อยเหลียง”
หลังจากที่เขาจากไปทั้งห้องก็กลายเป็นเงียบสนิท เหลือเพียงเสียงลมหายใจที่หนักหน่วงและโกรธเกรี้ยวจากเหลียง หยงฉีเท่านั้น
เมื่อเขาเห็นกล่องที่วางอยู่ด้านข้างเขาก็อยากจะโยนมันทิ้งทันที แต่ความอยากรู้อยากเห็นก็ทําให้เขาคิดจะเปิดมัน
หลังจากที่เขาเปิดมัน ทุกอย่างก็กลายเป็นเงียบสนิท
ทันใดนั้นก็ได้มีเสียงตะโกนด้วยความโกรธดังออกมา
“หลิน ฟาน! เจ้าสารเลว!!”
“ความโกรธ +666
เหลียง หยงฉีโกรธมากและสะบัดทุกอย่างทิ้ง หลิน ฟานจงใจมอบของพวกนี้มาให้กับเขาเพื่อหวังจะยั่วยุเขา
แต่ที่จริงแล้วหลิน ฟานแค่เข้าใจผิด
เขาทําทั้งหมดด้วยความหวังดี
เขาอยากจะให้เหลียง หยงฉีฟื้นตัวเร็วๆ แต่ทําไมอีกฝ่ายถึงไม่ยอมรับความหวังดีของเขากันนะ?