I Don’t Want To Defy The Heavens
DTH ตอนที่ 62 ชายที่โหดเหี้ยม
ระหว่างทางกลับ
โกวชิไม่เข้าใจเลยว่าทําไมนายน้อยถึงต้องการไปเยี่ยมเหลียง หยง
ทั้งสองคนมีความขัดแย้งกันไม่ใช่รึไง?
เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ และคิดว่าบางทีนี่อาจจะเป็นวิธีที่ตระกูลชนนั้นสูงสื่อสารและตอบโต้กัน
“นายน้อยหลิน โปรดรอสักครู่”
เหลียง หยงฉีเดินมาพร้อมชายคนหนึ่งจากไม่ไกล ชายคนนั้นคือซู เซียงนักสืบชั้นนําจากตระกูลเหลียง เขาเป็นคนจากเมื่องใหญ่ที่อยู่ข้างนอกและปัจจุบันได้มาอาศัยอยู่ที่เมืองหยูฉาง
หลิน ฟานยิ้ม “ที่แท้ก็เป็นนายน้อยเหลียงนี่เองลมอะไรหอบท่านมาละ?”
นายน้อยคนโตของตระกูลเหลียงค่อนข้างเป็นคนดี บุคลิกของเขาก็ดีแต่ความคิดของเขามันน่ากลัวไปหน่อย
“ไม่มีอะไรหรอกข้าแค่เห็นท่านจากที่ไกลๆเลยคิดจะเข้ามาคุยด้วย ท่านว่างไหม? ถ้าว่างทําไมเราไม่ไปดื่มกันที่ศาลาเสาวธารเมามายหน่อยละ?” เหลียง หยงฉีกล่าวด้วยรอยยิ้มจากนั้นก็เสริม “เดี๋ยวข้าเลี้ยงเอง”
“แน่นอน” หลิน ฟานตอบ ทุกวันนี้เขาก็ไม่ได้ทําอะไรอยู่แล้วแถมดีเสียอีกที่ตอนนี้มีคนชวนเขากินข้าวโดยที่เขาไม่ต้องจ่ายอะไรเลย
ณ ศาลาเสาวธารเมามาย
ผู้จัดการรีบมาจัดที่นั่งให้ทั้งสองทันที แต่เขาก็พบว่ามันแปลก แปลกมากจริงๆ
ทําไมนายน้อยคนโตของตระกูลเหลียงถึงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับนายน้อยตระกูลหลิน?
ไม่ใช่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างนายน้อยสามของตระกูลเหลียงกับนายน้อยหลินเข้าขั้นแย่มาก? นี่ไม่เพียงแต่จะไม่ช่วยล้างแค้นให้น้อยชาย แต่เขายังมาร่วมดื่มกับศัตรูอีกด้วย เขาไม่เข้าใจไม่เข้าใจเลยจริงๆ
เหลียง อีซูและหลิน ฟานก็ยังคงคุยกันอย่างสนุกสนานและดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีช่วงเวลาที่ดี
ณ โต๊ะอาหาร
ซู เซียงมองไปที่หลิน ฟานตลอดเวลา เขามองขึ้นลงราวกําลังมองหาอะไรบางอย่าง
เขาเป็นคนที่เก่งในด้านหาเบาะแสมาก
โดยเฉพาะในด้านจิตวิทยาที่เขามีความชํานาญเป็นพิเศษ
เมื่อกุ้งฉางตระกูลเหลียงถูกปล้นเขาไม่ได้สงสัยหลินฟานเลยแม้แต่น้อย
แต่เมื่อดูจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นแล้ว
เขาก็สังเกตเห็นว่าเรื่องนี้ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับนายน้อย
หลิน
คนอื่นอาจจะไม่เชื่อในสิ่งที่นายน้อยเหลียงพูดในตอนนั้นแต่เขาก็รับฟังและวิเคราะห์จากข้อมูลที่เขามีอยู่ในมือ และพบว่ามันมีความเป็นไปได้มากทีเดียวที่จะเป็นแบบนั้น
กล่าวอีกนัยหนึ่งนายน้อยเหลียงอาจจะไม่ได้โกหกและสิ่งที่เขาพูดคือความจริงทั้งหมด
“พี่ชายท่านนี้ ท่านมองข้ามาตั้งแต่ต้นแล้ว ท่านมีปัญหาอะไรรีไม่? ไม่ต้องกังวลเพียงแค่ท่านพูดออกมา เพราะข้าเป็นคนใจกว้างและยินดีที่จะรับทุกคําวิจารณ์” หลิน
ฟานถาม
ชายที่อยู่ข้างๆเหลียง อี้ซูมองมาทางเขาด้วยสายตาแปลกๆจนทําให้เขารู้สึกกลัว
ถ้าไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายดูเหมือนคนปกติหลิน ฟานคงจะสงสัยไปแล้วว่าเขาเป็นเกย์
ซู เซียงหัวเราะ “ข้าว่านายน้อยหลินคงจะเข้าใจผิดข้าก็แค่ รู้สึกว่าท่านดูแตกต่างจากคนอื่นข้าจึงมองท่านนานกว่าปกติก็เท่านั้น”
“หึม!” หลิน ฟานเริ่มสนใจ “ที่แท้ท่านก็รู้วิธีดูโหงวเฮ้งนี้เองไม่เลว ไม่เลว! เมื่อข้ายังเด็กอาจารย์เคยกล่าวกับข้าว่าข้าเป็นคนมีใบหน้ากว้าง ดั้งสูงจมูกกลม แต่ไม่เห็นรูจมูก ไม่เอียงหรือแบนจนเกินไป มันเป็นที่รู้จักกันในนามจมูกมังกร”
“ท่านบอกว่าคนที่มีจมูกแบบนี้ทุกคนจะฉลาด หลักแหลมมีความรู้ และที่สําคัญคือจะค่อนข้างร่ํารวย”
“ดูเหมือนว่าคําพูดของอาจารย์ท่านนั้นช่างศักดิ์สิทธิ์จริงๆเพราะปัจจุบันข้าก็ตรงตามนั้นทุกประการ”
รอยยิ้มของซู เซียงแข็งค้าง นี่ท่านกําลังพูดอะไรกัน? เห็นได้ชัดเลยว่าเขาแค่พูดสุ่มๆเพื่อหลีกเลี่ยงหัวข้อการสนทนาโชคดีที่เขาจับประเด็นได้
ไม่แปลกเลยที่นายน้อยเหลียงจะพ่ายแพ้คนอย่างเขา
เหลียง อี้ชูยิ้ม “นายน้อยหลินแล้วข้าละเป็นยังไงบ้าง?”
“อา…” หลิน ฟานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ก็ไม่เลว แม้จมูกของท่านจะไม่ใช่จมูกมังกร แต่อย่างน้อยมันก็เป็นจมูกราชา คนที่มีจมูกเช่นนี้จะเป็นคนที่มีชื่อเสียงและโชคลาภ อีกไม่นานโชคดีต้องมาเยือนท่านแน่และท่านต้องรีบคว้ามันไว้”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” เหลียง อี้ชูหัวเราะ ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่านายน้อยหลินเพียงแค่ยกยอเขาเท่านั้น แต่เมื่อพวกเขาต่างยกยองกันและกันความสัมพันธ์กระหว่างพวกเขาจึงแน่นแฟ้นกันมากยิ่งขึ้น
แน่นอนว่าเขาเห็นด้วย
เขาเป็นคนที่สนับสนุนสิ่งที่นายน้อยหลินทํา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาษีธัญพืชหรือการแจกจ่ายข้าว สิ่งเหล่านี้มันไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วไปจะสามารถทําได้หากปราศจากความกล้าและการมองการณ์ไกล แน่นอนว่าแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่มีความกล้ามากพอที่จะทําเช่นนั้น
ซู ซัยงส่ายหัวและไม่ได้พูดอะไรนายหนุ่มของสามตระ กูลใหญ่แห่งเมืองหยูฉางเป็นมิตรมากกว่าตระกูลใหญ่ในเมือง อื่นมากนัก
การที่เขามาที่นี่ไม่ใช่เพราะเขาไม่มีความสามารถมากพอแต่เนื่องจากสถานที่เหล่านั้นมันอันตรายเกินไป
พูดให้ชัดเลยก็คือการต่อสู้มันรุนแรงเกินไป
ทุกวันจะมีเลือดหลั่งไหลออกมาราวกับสายน้ํา นี่เขายังไม่ได้พูดถึงการต่อสู้ระหว่างตระกูลใหญ่เลยด้วยซ้ํา
บางคืนขณะที่เรากําลังนอนหลับอย่างสบายอารมณ์จู่ๆอาจจะมีแสงที่เกิดจากของมีคมพรากชีวิตไปโดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้
ต้นเหตุที่ทําให้ซู เซียงไม่สามารถทนแรงกดดันนี้ได้อีกต่อไปแล้วก็คือ ขณะที่เขากําลังผ่อนคลายอารมณ์อยู่กับหญิงสาวคนหนึ่งและกําลังเข้าได้เข้าเข็ม ทันใดนั้นอยู่ๆนางก็ได้ยกมือขึ้นและมีแสงเย็นๆพุ่งเข้ามาหาเขา
นับตั้งแต่นั้นมาเขาก็รู้สึกหวาดกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นและสูญเสียความตั้งใจที่จะสู้ไป
เขาต้องการออกจากที่ที่อันตรายแบบนั้น และหาสถานที่ปลอดภัยเพื่อใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบ
ในเวลานี้สีหน้าของซู เซียงค่อนข้างมืดมน
เมื่อความรู้สึกเขากลับมาเขาก็สังเกตเห็นว่านายน้อยหลินกําลังมองเขาอยู่ด้วยสายตาแปลกๆ
“ดูเหมือนท่านจะเป็นคนที่ผ่านอะไรมามากนะ” หลิน ฟานพูดแบบสบายๆขณะที่ดื่มไวน์เข้าไป
การแสดงออกของอีกฝ่ายเหมือนกําลังนึกถึงอดีต มีเพียงแต่ผู้ชายที่ผ่านเรื่องราวมามากมายเท่านั้นถึงจะเข้าใจ
ซู เซียงหัวเราะอย่างเชื่องช้า เรื่องราว? แน่นอนว่าเขามีแม้กระนั้นเรื่องราวบางอย่างมันก็ไม่สามารถเข้าใจได้เว้นแต่จะประสบมันด้วยตัวเอง
คนทั่วไปไม่มีทางใช้ชีวิตแบบนี้ได้เลย
เมื่อตระกูลชนชั้นสูงปะทะกันไม่เพียงแต่จะมีเลือดที่ไหลออกมาแต่ยังมีชีวิตด้วยที่ไหลออกไปด้วย
การต่อสู้ระหว่างสามตระกูลในเมืองหยูฉางเป็นเพียงการกระทบกระทั่งเพียงเล็กน้อยที่เพิ่มสีสันให้กับชีวิตเท่านั้น
ตัวอย่างเช่นเรื่องกุ้งฉาง
หากมันเกิดขึ้นในที่ที่เขาจากมา
ไม่เพียงแต่ทหารยามที่เฝ้ายุ้งฉางเท่านั้นที่จะตาย แต่ตระกูลของพวกเขาจะถูกฝังรวมไปด้วย
ถ้าเทียบกับที่นี่แล้วมันลงเอยเช่นไรนะหรือ?
พวกเขาก็แค่ถูกหักขาและยังสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
ซู เซียงหัวเราะ แต่ทันใดนั้นก็เกิดแสงสีเทาสว่างวาบบนท้องฟ้า เมื่อเห็นดังนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
“นายน้อยหลิน มันจะเป็นการดีที่สุดถ้าท่านไม่ออกไปข้างนอกในอนาคตอันใกล้นี้”
คําพูดของเขาทําให้หลิน ฟานสับสน
“ทําไมกันละ?” หลิน ฟานถามออกมา
เขาสับสนเล็กน้อยและไม่เข้าใจว่าที่ซู เซียงพูดมันหมายความว่ายังไง
ในขณะนั้นซู เซียงก็พบว่ามันแปลกเช่นกัน นายน้อยของตระกูลหลินจะไม่รู้เรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร?
เมื่อเขากําลังจะพูดบางอย่างถนนที่อยู่ด้านข้างก็เริ่มคึกคักและเต็มไปด้วยเสียงของผู้คน
เสียงกีบม้าดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ
หลิน ฟานมองออกไปและพบว่าลูกพี่ลูกน้องของเขากลับมาแล้ว เขาวางมือลงบนราวและโบกมือ “ลูกพี่ลูกน้อง!”
มันเป็นโจว เชียงเหมาที่กลับมาหลังจากการกวาดล้างเหล่าโจรสลัด ในเวลาเดียวกันเขาก็ได้ปล้นทรัพย์สมบัติจากพวกมันมามากมาย สิ่งที่เขานํากลับมามีกล่องทรัพย์สมบัติสี่กล่องใหญ่ที่เต็มไปด้วยของล้ําค่า และยังมีของที่เขาเลือกมาให้ลูกพี่ลูกน้องของเขาโดยเฉพาะอีกด้วย
หลังจากที่เขาทําทุกอย่างที่ได้รับมอบหมายเสร็จสิ้น เขาก็รีบเดินทางทั้งวันทั้งคืนเพื่อจะกลับมาเมืองหยูฉางให้เร็วที่สุด
“ลูกพี่ลูกน้อง!”
เมื่อโจว เชียงเหมาเห็นลูกพี่ลูกน้องของเขาอยู่ด้านบน เขาจึงรีบยกมือเพื่อให้ขบวนเดินทางหยุด จากนั้นก็กระโดดลงไปและสั่งให้คนของเขานําของกลับคฤหาสน์ตระกูลหลินก่อนหลังจากสั่งทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้วเขาก็รีบเข้าไปในศาลาเสาวธารเมามายทันที
“ลูกพี่ลูกน้อง! เจ้าหายไปค่อนข้างนาน ข้าคิดถึงเจ้ามากนะแล้วเป็นไงบ้าง? เจ้าไม่ได้รับอันตรายใช่ไหม?” หลินฟานถาม
โจว เชียงเหมายิ้ม “ไม่ มันไม่มีอันตรายเลย เพียงแค่การเดินทางมันนานเล็กน้อย ไม่อย่างนั้นข้าคงจะกลับมาถึงนานแล้ว”
ซู เซียงได้กลิ่นเลือดที่รุนแรง
เขารู้
เขารู้ว่าชายตรงหน้าต้องสังหารคนไปมากมายจนกลิ่นมันสะสมและไม่จางหายไปโดยง่าย คนทั่วไปอาจจะไม่ได้กลิ่นแต่เขารู้และยืนยันได้เลยว่าชายคนนี้จะต้องเป็นคนที่โหดเหี้ยมมากๆอย่างแน่นอน