I Don’t Want To Defy The Heavens DTH ตอนที่ 68 โง่จากการนอนมากเกินไป
“ท่านลุง ลูกพี่ลูกน้องพูดถูกหมู่บ้านตระกูลหวังเป็นของตระกูลหลิน เจ้าตัวประหลาดนี้มันฆ่าชาวบ้านซึ่งก็หมายความว่ามันกําลังทําลายผลประโยชน์ของตระกูลหลิน”
ที่โจว เชียงเหมาพูดแบบนั้นไม่ใช่เพราะเขารู้สึกเสียใจกับชาวบ้านที่เสียชีวิต แต่เพราะเขาต้องการปกป้องทรัพย์สินของตระกูลหลินที่ควรจะเป็นของลูกพี่ลูกน้อง
และแน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมให้คนนอกมาแตะต้องตระกูลหลินเด็ดขาด
“เชียงเหมา ข้ามีอีกเรื่องหนึ่งที่จะให้เจ้าไปจัดการ” หลินวานยี่คิดอยู่ครู่หนึ่งและรู้สึกมันน่าจะเป็นการดีที่สุดหากเขาส่งเชียงเหมาออกไปอีกครั้ง
เพียงแค่พูดออกมา
เพราะตราบใดที่เชียงเหมายังอยู่ที่นี่เจ้าลูกชายไม่เอาไหนของเขาก็จะพาลูกพี่ลูกน้องออกไปสร้างปัญหา
“ท่านลุงเมื่อเร็วๆนี้ข้ารู้สึกว่าการบ่มเพราะของข้ากําลังจะเลื่อนระดับดังนั้นข้าจึงอยากจะทะลวงมันก่อนที่จะออกไปอีกครั้ง” โจว เชียงเหมากล่าว
ถ้าเขาต้องแยกจากลูกพี่ลูกน้อง การเดินทางครั้งนี้มันคงจะต้องใช้เวลาหลายวัน และถ้ามันอยู่ไกลก็อาจจะต้องใช้เวลาถึงครึ่งเดือนเลยด้วยซ้ํา
เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงต้องหาเหตุผลเพื่อปฏิเสธมัน
หลิน ฟานกล่าว “ท่านพ่อ ลูกพี่ลูกน้องพึ่งจะกลับมาได้ไม่นานและท่านก็ต้องการให้เขาออกไปอีกแล้ว ท่านไม่คิดว่ามันมากไปหน่อยหรือ มันจะดีที่สุดถ้าท่านปล่อยให้ลูก พี่ลูกน้องพักอยู่ที่บ้านและถ้ามันมีเรื่องด่วนจริงๆทําไมท่านไม่ไปขอให้อาวุโสบู่ช่วยล่ะ?”
“หุบปาก” หลิน วานยี่ถลึงตาใส่ “ข้าไม่ได้ถามเจ้า แล้วนี่เจ้าวางแผนจะจัดการกับปีศาจหยินตัวนี้อย่างไร?”
“ท่านพ่อ ท่านเรียกมันว่าปีศาจหยินงั้นรึ?” หลินฟานถามปรากฏว่าเจ้าสิ่งนี้มีชื่อว่าปีศาจหยินนี่เองชื่อมันฟังดูไร้ค่าจริงๆ
หลิน วานยี่กล่าวออกมาด้วยความรําคาญ “อย่าพยายามเปลี่ยนเรื่อง ข้ากําลังถามเจ้าอยู่ว่าเจ้าวางแผนจะจัดการกับมันอย่างไร”
หลิน ฟานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวออกมา “ท่านพ่อเกี่ยวกับเรื่องนั้นเมื่อข้าลองคิดดูดีๆแล้วก็พบว่าหากฆ่ามันไปทั้งแบบนี้เลยก็คงจะง่ายเกินไป นั่นคือเหตุผลที่ข้าคิดจะทรมานมันโดยการนํามันไปทอดในน้ํามันเดือดและเอาไปให้สุนัขกิน”
อาวุโสบู่หันไปมองนายน้อย เขาไม่คิดเลยว่านายน้อยของเขาคนนั้นจะโหดร้ายได้ขนาดนี้
ทั้งๆที่เมื่อก่อนเขาไม่ได้เป็นแบบนี้เลยแท้ๆ
“ท่านพ่อได้โปรดอย่าคิดว่าวิธีการของข้าดูโหดร้ายเลยเหตุผลที่ข้าต้องทําแบบนี้เป็นเพราะเจ้าปีศาจหยินตัวนี้มันกลัวสายฟ้าและแสงแดด ข้าก็เลยคิดจะใช้น้ํามันเดือดทอดมันสักสองสามวันเพื่อลดพลังหยินในร่าง กายของมันและหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต” หลิน ฟานกล่าว
หลิน วานยี่ประหลาดใจ ทําไมเจ้าเด็กไม่เอาไหนถึงรู้จุดอ่อนของปีศาจหยินได้?
เขานึกย้อนไปถึงตอนที่เขายังเด็ก ในขณะที่เขาอาศัยอยู่ในเมืองหยูฉาง เขาก็ได้มีโอกาสเผชิญหน้ากับปีศาจหยินและพบว่ามันยากที่จะจัดการ แต่ด้วยความโชคดีที่เขาได้พบจุดอ่อนของปีศาจหยินโดยบังเอิญ เขาจึงรู้สึกว่าตนณขณะนั้นช่างฉลาดจริงๆ
แต่เจ้าเด็กไม่เอาไหนกลับพบจุดอ่อนนี้ของปีศาจหยินทันทีนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
“ความโกรธ +333
ปีศาจหยินโกรธ เมื่อมันได้ยินคําพูดเหล่านั้นที่ออกมาจากปากของหลิน ฟานส่งผลให้เปลวเพลิงแห่งความโกรธเดิมที่อยู่ในใจยากที่จะดับได้
จริงๆแล้วอีกฝ่ายต้องการจะทอดข้า
ช่างน่ารังเกียจอะไรเช่นนี้
“ส่งปีศาจหยินมาให้ข้า ข้าจะเป็นคนจัดการกับมันเอง”หลิน วานยกล่าว
หลิน ฟานโบกมือและปฏิเสธ ท่านพ่อ ข้าจะปล่อยให้ท่านจัดการเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ได้อย่างไร? ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเถอะ เพราะข้ายังต้องการศึกษาอีกว่ามันคืออะไรกันแน่”
จะตลกเกินไปแล้ว
ข้าจะส่งปีศาจหยินตัวนี้ให้ท่านได้อย่างไร?
หากข้ามอบให้ท่านจริงๆแล้วแบบนี้ข้าจะหาคะแนนความโกรธได้จากที่ไหนอีก?
แน่นอนว่าก่อนที่จะมอบให้ผู้อื่นข้าจะต้องรีดมันให้แห้งเสียก่อน
หลิน วานยิ้มองไปที่ปีศาจหยินและไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี นี่อาจจะเป็นปีศาจหยินที่น่าเวทนาที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา
การยอมจํานนมันไม่ใช่เรื่องที่น่าอาย แต่เขาก็ไม่คิดเลยว่าลูกชายของเขาจะตัดแขนขาอีกฝ่ายแบบนี้ซึ่งสร้างความอัปยศอย่างมาก
“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ค่อยๆศึกษามันอย่างช้าๆละกัน” หลินวานยี่ไม่อยากจะพูดอะไรไปมากกว่านี้ เพราะเนื่องจากทุกอย่างมันถูกตัดสินไปแล้วเขาจะพูดอะไรได้อีก
เมื่ออาวุโสบู่กําลังจะจากไป เขาก็หันกลับมามองปีศาจหยินอีกครั้งและส่ายหัว
ปีศาจหยินอาจจะแข็งแกร่งสําหรับผู้อื่นก็จริง แต่สําหรับท่านหัวหน้าตระกูลแล้วมันไม่มีค่าอะไรเลย
“ลูกพี่ลูกน้อง ทําไมข้ารู้สึกเหมือนท่านลุงไม่ได้พูดกับเรา?”โจว เชียงเหมากล่าว
หลิน ฟานแตะคางของเขา “ข้าก็รู้สึกแบบนั้นเช่นกัน แต่ไม่ต้องไปสนใจมันมากนักหรอก ตอนนี้เรามาศึกษาปีศาจหยินตัวนี้กันก่อนดีกว่า”
ปีศาจหยินตัวนี้ช่างโชคร้ายเสียจริง
หลังจากที่มันฆ่ามนุษย์บางคนมันก็ถูกจับทันที
ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่มันถูกจับแล้ว มันก็ไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างดีแถมถูกทําให้อับอายอีกด้วย
หลิน ฟานใช้ตะหลิวในมือตีหน้าของปีศาจหยินเป็นครั้งคราว
เขาทําไปโดยไม่ได้คิดอะไรแถมยังถามอีกฝ่ายเป็นครั้งคราวด้วยว่าเจ็บไหม
คะแนนความโกรธที่เขาได้มาจากปีศาจหยินนั้นค่อนข้างไม่ แน่นอน บางครั้งสูง บางครั้งก็ต่ํา
แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายนักเพราะจะมากจะน้อยมันก็เป็นคะแนนความโกรธทั้งนั้น
ภายใต้คําแนะนําของหลิน ฟาน ลูกพี่ลูกน้องได้นําปีศาจหยินออกมาจากกระสอบและนํามันไปผูกติดเอาไว้กับเสาไม้
หลิน ฟานมองไปที่มันและกล่าวออกมาอย่างไม่พอใจ “ลูกพี่ลูกน้อง ดูเหมือนว่าเจ้าจะทําความสะอาดไม่เรียบร้อยนะ”
“ยังไง?” โจว เชียงเหมาถามอย่างสงสัย
อะไรไม่สะอาด?
หลิน ฟานชี้ไปที่อีกขาหนึ่งที่ห้อยอยู่ “ดูสิมันยังเหลือขาอีกข้างหนึ่ง”
โจว เชียงเหมาเกาหัว “อา ลูกพี่ลูกน้อง ข้าประมาทเองข้าจะรีบตัดมันออกเดี๋ยวนี้”
“ความโกรธ +666
ทันใดนั้นปีศาจหยินก็ให้คะแนนความโกรธมากขึ้นแก่เขาทันที บางทีไม่ว่าเผ่าพันธุ์ไหนสิ่งนั้นก็สําคัญมากเสมอ
“ช่างมันเถอะ ช่างมัน เหลือหน้าไว้ให้มันบ้าง และอย่าแตะต้องส่วนที่สําคัญที่สุดของผู้ชายจะดีกว่า มิฉะนั้นมันจะเหลืออะไรให้ใช้” หลิน ฟานแหยมันด้วยตะหลิว “ก็ไม่เห็นจะพิเศษตรงไหน”
น่าอับอาย ช่างน่าอับอายนัก
ปีศาจหยินคํารามเสียงต่ํา
แต่ภายใต้การปราบปรามของแสงแดดมันจึงอ่อนแอจนไม่มีแรงแม้แต่จะพูด
มันทําได้เพียงจ้องไปที่หลิน ฟานด้วยดวงตาที่โกรธเกรี้ยวเท่านั้น
โกวชิรู้สึกกลัว คําพูดของนายน้อยช่างโหดร้ายนักแต่การ แสดงออกของท่านมันสงบเกินไปจนทําให้เขารู้สึกหนาวเข้ากระดูก
เขาเดินไปรอบๆปีศาจหยิน
นอกเหนือจากเส้นเลือดสีเขียวสองเส้น ที่หลังของมันแล้วส่วนอื่นๆก็ไม่ได้ต่างจากของมนุษย์
หลิน ฟานใช้ตะหลิวตีกันของปีศาจหยินสองสามครั้ง “ฮิฮิ เด้งดีจริงๆ ไม่เลว”
โกวชิตัวสั่น คําพูดของท่านชั่วร้ายเกินไป
“ความโกรธ +233
ตอนนี้ปีศาจหยินก็เปรียบเสมือนสินค้าที่กําลังโด นตรวจสอบจากผู้ซื้อ
กลางคืน
ท้องฟ้ามืดมิดสายลมพัดผ่าน เงาดําจํานวนมากสะท้อนอยู่บนถนนด้านนอกคฤหสน์ตระกูลหลิน ซึ่งทั้งหมดยืนราวกับเป็นเพียงเงาของต้นไม้ข้างทาง
ภายในห้องศึกษาที่สว่างไสว
หลิน วานยี่กําลังหมกมุ่นกับหนังสือในมือและจิบชาเป็นครั้งคราว
“หัวใจฤดูใบไม้ผลิ
หนังสือเล่มนี้เป็นผลงานชิ้นเอกของปรมาจารย์นักเล่าเรื่อง
จาง เจิ้น
มันเป็นเรื่องที่พรรณนาถึงนางสนมในพระราชวังของจักรพรรดิ
มันเขียนออกมาได้ดีมากจนทําให้คนอ่านรู้สึกเหมือนจริง
ในช่วงเวลาที่งานเขียนชิ้นนี้ปรากฏออกมามันก็ขายดีมากจนโด่งดังไปทั่ว
แต่น่าเสียดายที่ในวันที่สองที่หนังสือเล่มนี้ได้รับการตีพิมพ์จาง เจิ้งก็ได้จมน้ําและเสียชีวิตลง
หนังสือของเขาทั้งหมดหายไปจากตลาดภายในชั่วข้ามคืนเหลือไว้เพียงเล่มนี้ซึ่งถือได้ว่าเป็นสําเนาเล่มสุดท้ายที่หลินวานย์ใช้เวลารวบรวมมานานกว่าสิบปี
เขามักจะหยิบมันออกมาอ่านเมื่อเขามีเวลาว่าง
ลมข้างนอกเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ
ประตูไม้ส่งเสียงดังเอี้ยดขณะที่มันเปิดและปิดอย่างรวดเร็ว
และบางครั้งก็จะมีเงาดําจางๆปรากฏขึ้นตรงหน้าต่าง
หลิน วานยี่ถอนหายใจ ปิดหนังสือหัวใจฤดูใบไม้ผลิและพูดไปในอากาศ “ในเมื่อเจ้ามาที่นี่แล้วทําไมไม่เข้ามาละจะมัวแต่ส่งเสียงน่ารําคาญไปทําไม?”
สิ้นเสียงหมอกสีดําก็ค่อยๆไหลผ่านช่องว่างของประตูเข้ามาและรวมตัวกันบนอิฐเขียวในห้องศึกษาก่อนที่จะก่อตัวเป็นรูปร่างของมนุษย์โดยที่ใบหน้าของมันพร่ามัว
“นําคนของเจ้าออกไปจากลานด้านหลัง และอย่าได้รบกวนการพักผ่อนของบุตรชายข้า” หลินวานยกล่าว
ไม่มีการตอบกลับ
หลิน วานจึงถามออก “มีปัญหาอะไรงั้นรึ?”
“หลิน วานยี่ข้อตกลงระหว่างเรายังคงมีผลอยู่”ปีศาจหยินพูดออกมา เสียงของมันฟังดูไม่เหมือนมนุษย์เสียงมันต่ํามากและเต็มไปด้วยความน่ากลัว
“ตามปกติมันก็ยังมีผล แต่บุตรชายของข้าไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับข้อตกลงระหว่างงเรา ดังนั้นข้าจึงทําได้เพียงแค่ขอโทษตอนนี้เจ้าก็พาคนของเจ้ากลับไปได้แล้วเราจะให้เรื่องมันจบลงตรงนี้” หลิน วานยี่กล่าว
หมอกสีดํารอบๆปีศาจหยินตัวนี้หนาแน่นกว่าตัวที่หลินฟานจับมามาก “บุตรชายของเจ้าตัดแขนขาทั้งสี่ข้างของนักรบข้าเห็นได้ชัดเลยว่ามันเป็นการยั่วยุครั้งนี้นอกจากข้าต้องการพาเขากลับมาแล้ว ข้ายังต้องการขาข้างหนึ่งของบุตรชายเจ้าเป็นของขวัญด้วย”
“เจ้าพูดจริงงั้นรึ?” หลิน วานยี่มองตรงไปยังปีศาจหยินทัน
ที
ปีศาจหยินไม่ได้ตอบเหตุเพราะมีแรงกดดันมหาศาลกดทับมันอยู่ ราวกับว่าเมื่อไหร่ที่มันตอบว่าจริงมันจะไม่สามารถเดินออกจากที่นี่ได้แบบเป็นๆ
แต่เมื่อคิดได้ว่ามันไม่ได้อยู่คนเดียวแต่เป็นทั้งเผ่าพันธุ์ที่กําลังสนับสนุนมันอยู่มันจึงมีความกล้าขึ้นมาทันที
“ข้ามาที่นี่เพื่อมาบอกความต้องการของเผ่าปีศาจหยินของเรา ส่วนจะทําได้หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวเจ้าเอง มิฉะนั้นเราคงจะต้องขอรับชีวิตลูกชายของเจ้าไป”
สิ้นเสียงปีศาจหยินก็กลายเป็นหมอกสีดําและหายไป
หลิน วานยี่ลุกขึ้นราวกับไม่ได้เห็นเรื่องของปีศาจหยินอยู่ใน สายตา เขาหยิบหนังสือหัวใจฤดูใบไม้ผลิขึ้นมาและนํามันไปเก็บไว้บนชั้นหนังสืออย่างเบามือ
นี่คือสิ่งเยียวยาจิตใจของเขาดังนั้นมันห้ามเสียหายเด็จขาด
“เจ้าเด็กไม่เอาไหนเจ้ารู้วิธีสร้างปัญหาจริงๆ”
หลิน วานยี่เดินออกจากห้องศึกษา
“นายท่าน” อาวุโสบู่ปรากฏตัวที่ด้านข้าง
หลิน วานยี่กล่าวอย่างใจเย็น “ดูเหมือนว่าปีศาจหยินที่หลับไป20ปีจะกลายเป็นพวกโง่ไปแล้ว ตอนนี้มันถึงเวลาที่จะทําให้พวกเขาตื่นเสียที”