I Don’t Want To Defy The Heavens
DTH ตอนที่ 69 ความโหดร้าย
เมืองหยูฉาง ณ ปาชานเมืองทางทิศตะวันออก
สําหรับชาวเมืองหยูฉางแล้ว สถานที่แห่งนี้อันตรายมาก และเต็มไปด้วยความลับมากมายที่หลายคนไม่รู้
คนที่เคยเข้าไปในสถานแห่งนี้ไม่เคยได้กลับออกมาอีกเลย
และเมื่ออยู่ใกล้ปาปาชานเมืองทางทิศตะวันออกตอนกลางคืน บางครั้งก็จะได้ยินเสียงคํารามต่ําดังออกมาจากปาอันมืดมิด มันช่างน่ากลัวจริงๆราวกับมีปีศาจอยู่ในนั้น
เงาสองร่างปรากฏขึ้นเหนือปาและร่อนลงสู่พื้น ท้องฟ้าที่มืดมืดเป็นราวกับปีศาจที่กําลังจะกลืนกินพวกเขาทั้งสองคน
“นายท่าน การที่เผ่าปีศาจหยินตื่นขึ้นมาทําให้สถานที่แห่งนี้อันตรายอย่างมาก” อาวุโสวู่กล่าวติดตลก
ตามจริงแล้วเขาไม่ได้กังวลเรื่องนี้เลยสักนิด
เขาเพียงแค่พูดออกไปเพื่อสร้างบรรยากาศเท่านั้น
“อันตราย? ข้าก็ต้องการให้อันตรายที่นี่รู้เช่นกันว่าอันตรายที่แท้จริงเป็นเช่นไร”
“20 ปีก่อนข้าทําได้เพียงหัวเราะเท่านั้นเมื่อพวกมันคุกคามข้า แต่ตอนนี้ข้าจะทําให้พวกมันได้ชดใช้”
ความรู้สึกที่สงบเหมือนสายน้ําของหลินวานยี่หายไปแทนที่ด้วยการครอบงํา
บุคลิกของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
อาวุโสวู่รู้ว่าสิ่งที่หัวหน้าตระกูลของเขาพูดมันหมายความว่ายังไง
เมื่อ20ปีก่อนในตอนนั้นท่านยังไม่ได้มีลูก ดังนั้นท่านจึงปล่อยให้พวกมันทําตามใจฆ่าทุกอย่างที่พวกมันอยากจะฆ่า
แต่ตอนนี้ท่านมีนายน้อยแล้วท่านจะปล่อยให้พวกมันคุกคามท่านได้อย่างไร?
แม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม แต่ด้วยอารมณ์ของท่านหัวหน้าตระกูลตอนนี้คือต้องการกําจัดตัวอันตรายให้หมดสิ้น
“มีเพียงคนธรรมดาเท่านั้นที่ความมืดของปาสามารถสร้าง ความหวาดกลัวได้” หลินวานยี่เหลือบมอง ก้าวไปข้างหน้า จากนั้นก็คํารามเสียงต่ํา “ไสหัวไป!”
ทันใดนั้นกลิ่นอายที่คนธรรดาไม่สามารถมีได้ก็ระเบิดออก
มา
ด้านหลังของเขาปรากฏเปลวเพลิงสีแดงฉานที่กําลังลุกโชน ความร้อนจากมันทําให้ความมืดโดยรอบรีบถอยห่างออกไป แสงสว่างที่เกิดจากเปลวไฟทําให้ปาที่มืดมนแห่งนี้สว่างไสว
ซี ซี
ปีศาจในความมืดกรีดร้อง ลวดลายสีแดงปรากฏขึ้นบนผิวของพวกมันราวกับว่ามีเปลวไฟกําลังลุกไหม้อยู่ภายในร่างกาย และกําลังจะระเบิดออกมา
“ดูเหมือนว่าวิธีการโจมตีของนายท่านกลายเป็นครอบงํามากขึ้น” อาวุโสู่ประหลาดใจ เพราะเขาไม่ได้เห็นท่านหัวหน้า ตระกูลต่อสู้มานานแล้ว มันไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
ห่างออกไปในปาอันมืดมิดหมอกสีดํากําลังเดือดอย่างรุนแรง
“หลินวานยี่ เจ้าคิดว่าเจ้ากําลังทําอะไรอยู่?” เสียงที่ฟังดูมืดมนดังขึ้น
“มันไม่มีประโยชน์ที่จะพูดมากไปกว่านี้ ก่อนอื่นข้าจะสังหารพวกเจ้าซะ!” หลินวานยี่ตอบโดยไม่เหลือช่องว่างให้อีกฝ่ายเจรจาเลยแม้แต่น้อย ขณะที่เขาเริ่มโจมตีพวกปีศาจหยินทันที
หลิน วานยี่สะบัดแขนของเขาปล่อยเปลวเพลิงที่แผดเผาทําลายทุกสิ่ง เสียงกรีดร้องของปีศาจหยินที่มีอยู่เดิมหยุดลงตามมาด้วยร่างที่กลายเป็นเถ้าถ่านในทันที
ปีศาจหยินที่ซ่อนตัวอยู่ในส่วนลึกมองสิ่งนี้ด้วยความหวาดผวา
เกิดอะไรขึ้น?
เขาแค่ต้องการขู่ให้พวกข้ากลัวไม่ใช่หรือ?
ทําไมเขาถึงเริ่มโจมตี?
เขาต้องจริงจังขนาดนี้เลยงั้นหรือ?
รุ่งเช้า
คฤหาสตระกูลหลิน ณ ลานด้านหลัง
หลิน ฟานที่ตื่นขึ้นในตอนเช้าสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าลึกๆ และรู้สึกว่ามันต้องเป็นวันที่ดี
วันเวลาที่ไร้กังวลเช่นนี้อาจทําให้รู้สึกเฉยชา แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ
แค่ปล่อยมันไป ปล่อยให้ตัวเขาใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไปละดีแล้ว
ปีศาจหยินที่เกือบถูกตัดขาที่สามออกไป ถูกโจวเชียงเหมานํามาไว้ข้างๆในขณะที่เขาหลับ
ในตอนกลางคืนปีศาจหยินที่ได้ความแข็งแกร่งกลับมาต้องการจะหนีไป แต่ก็ถูกโจวเชียงเหมากําราบเสียก่อน
หลังจากนั้นมันก็ประพฤติตัวดีจนไม่กล้าขยับแม้แต่นิดเดียว
ปีศาจหยินอยากจะร้องไห้ นี่ข้าไปทําให้ใครขุ่นเคืองกันถึงต้องมาทนทุกทรมานอยู่เช่นนี้?
เมื่อคืนที่ผ่านมาเขารู้สึกได้ถึงออร่าของเผ่าตนและคิดว่าตัวเองจะได้รับการช่วยเหลืออย่างแน่นอน มันจึงทําให้เขามีความสุขมาก แต่เขาก็ไม่คิดเลยว่าจนถึงมันก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
เพียงพริบตามันก็ถึงรุ่งสางแล้ว
หลิน ฟานกําลังทานอาหารเช้าอยู่ในลานด้านหลังอย่างสบายอารมณ์ รังนกตุ๋นกับโสมที่เขากําลังกินอยู่นั้นรสชาติดีจริงๆ
แต่เขาไม่ได้กินของเหล่านี้เพื่อให้อิ่มท้อง
“เจ้าหิวไหม?” หลิน ฟานจับตะหลิวและหันไปมองปีศาจหยิน
มันยังเช้าอยู่ดังนั้นมันคงจะดูไม่ดีหากปฏิบัติกับมันอย่างรุนแรง
แรกเริ่มเขาจะอ่อนโยน แต่เมื่อเวลาผ่านไปเขาจะค่อยๆทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
ปีศาจหยินไม่ได้พูดอะไร
มันทําเพียงแค่มองไปที่หลินฟานด้วยความโกรธเท่านั้น
“เช้านี้มีคนตายหรือไม่?” หลินฟานถามออกมา
มีผู้เสียชีวิตในหมู่บ้านตระกูลหวังสองคนภายในชั่วข้ามคืน ดังนั้นมันจะต้องมีปีศาจหยินมากกว่าหนึ่งตน และพวกมันจะต้องทํางานกันเป็นกลุ่มอย่างแน่นอน หากมันเป็นไปตามที่เขาคิดจริงเขาก็ไม่รังเกียจเลยที่จะจับพวกมันมาทรมานอย่างช้าๆ
“ไม่มีเลยนายน้อย” โกวชิตอบขณะที่นึกบางสิ่งขึ้นได้ “แต่เมื่อคืนที่ผ่านมาได้เกิดไฟไหม้ที่ปาชานเมืองทางทิศตะวันออก ไฟได้ไหม้อย่างต่อเนื่องและมีคนได้ยินเสียงกรีดร้องที่ดังออกมาแต่ไกล”
หลินฟานขมวดคิ้ว
ใครเป็นคนทํา? แล้วทําแบบนั้นไปเพื่ออะไร
ปาที่ดีนั้นจะต้องมีอากาศที่บริสุทธิ์และการที่จะมีอากาศที่บริสุทธิ์หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับต้นไม้
ส่วนเสียงร้องคาดว่าจะต้องมีสัตว์ตายจํานวนมากอย่างแน่นอน
ในขณะนี้หัวใจที่เต็มไปด้วยความเมตตาของหลินฟานก็หลุดถอนหายใจออกมา
“มันแป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นเอง หรือเป็นภัยธรรมชาติ? แล้วมีใครดับมันหรือยัง?” หลินฟานถามออกมา
โกวชิงุนงง ทําไมต้องดับพวกมันด้วย?
เพียงแค่ปล่อยให้มันไหม้ต่อไป
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดจากฝีมือมนุษย์หรือเป็นภัยธรรมชาติ แต่หลังจากนั้นไม่นานไฟมันก็ดับลงทันที”
หัวใจของโกวชิเต็มไปด้วยความสับสน
เขาก็ไม่รู้ว่าเช่นกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ตัวปามันใหญ่มากหากไฟยังติดอยู่มันจะต้องลุกลาม และขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แต่สุดท้ายมันก็จะดับลงเอง
หลินฟานที่ได้ฟังรู้สึกว่าเหตุการณ์นี้มันมีความแปลกประหลาดมากมาย
เปลวไฟที่กําลังลุกโชนจะดับด้วยตัวเองได้อย่างไร?
ดูเหมือนว่าเมื่อคืนจะมีเรื่องลึกลับเกิดขึ้นมากมาย
“นายน้อยวันนี้ท่านจะออกไปข้างนอกหรือไม่?” โกวชิถาม
ด้วยนิสัยของนายน้อยแล้วท่านจะต้องออกไปข้างนอกอย่างแน่นอน เพราะในช่วงที่ผ่านมานั้นนายน้อยไม่ได้ใช้เวลาอยู่ที่บ้านมากนัก นอกจากกลับบ้านนอนในเวลากลางคืนแล้วพอตื่นขึ้นมาท่านจะต้องออกไปข้างนอกทันที
“ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง วันนี้เราจะมาคุยกับเพื่อนคนนี้ก่อนไปที่ห้องครัวและบอกให้ตั้งน้ํามันเดือดรอไว้ ข้าอยากจะทดสอบอะไรบางอย่าง” หลินฟานสั่ง
ปีศาจหยินที่ถูกตัดเป็นท่อนไม้เงยหน้าขึ้น
น้ํามันเดือด?
เขาต้องการจะทําอะไรกัน?
“ความโกรธ +111
เมื่อหลิน ฟานได้รับความโกรธเขาก็อารมณ์ดีมากขึ้น เขาลุกขึ้นมาจากนั้นก็ชี้ไปที่ปีศาจหยินด้วยตะหลิว “ลูกพี่ลูกน้อง เจ้าคิดว่าโครงสร้างร่างกายของมันแตกต่างจากเราอย่างไร?”
ลูกพี่ลูกน้องลูบหัวของเขา
คําถามนี้มันค่อนข้างลึก เขาจะรู้ได้ยังไงว่าร่างกายของปีศาจหยินแตกต่างจากของเราได้อย่างไร?
“ลูกพี่ลูกน้องลองให้ข้าผ่าเปิดมันดูไหม?” โจวเชียงเหมาถาม
เขายินดีที่จะแก้ปัญหานี้ให้ลูกพี่ลูกน้องของเขา
ถ้าลูกพี่ลูกน้องของเขามีบางอย่างที่เขาไม่เข้าใจ เขาก็จะหาวิธีที่จะทําให้ลูกพี่ลูกน้องเข้าใจ
สําหรับเรื่องความแตกต่างระหว่างปีศาจหยินและพวกเขา เขาไม่รู้เลยจริงๆ
ร่างของปีศาจหยินสั่นสะท้าน ความรู้สึกหวาดกลัวเขาปก คลุมหัวใจของมัน
มันมองไปที่โจวเชียงเหมา ชาวผิวแทนผู้นี้พูดคําที่โหดร้ายเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร?
“จะเร่งรีบไปทําไมกัน?” หลินฟานกล่าว
จู่ๆเขาก็รู้สึกว่าภายใต้รูปลักษณ์ที่ซื่อสัตย์และดูน่าเชื่อถือของลูกพี่ลูกน้องมีความโหดร้ายซ่อนอยู่
ปีศาจหยินถอนหายใจด้วยความโล่งอก อย่างน้อยตอนนี้มันก็ยังปล่อยภัยชั่วคราว
มันกําลังรอให้เพื่อนปีศาจหยินของมันมาช่วย
เพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์จะไม่มีวันทอดทิ้งกัน
อย่างรวดเร็ว โกวชิได้เดินเข้ามาพร้อมกับกระทะน้ํามันเดือดก่อนที่จะวางมันไว้ในลาน
ปีศาจหยินมองไปที่มันก่อนที่หัวใจของมันจะสั่นสะท้าน
เพียะ
หลินฟานตบหน้าปีศาจหยินด้วยตะหลิวก่อนที่จะถามว่า “เจ้ากลัวเหรอ?”
ปีศาจหยินมองไปที่หลินฟาน
มนุษย์ที่อยู่ตรงหน้าทําให้มันอับอาย เป็นเหตุให้ความโกรธลุกโชนอยู่ในใจของมัน มันจึงคํารามออกมาด้วยความโกรธ
อย่างไรก็ตามขณะที่มันกําลังอ้าปาก ตะหลิวก็ได้ยื่นเข้ามา ทําให้มันต้องเปิดปากค้างเอาไว้
“ลูกพี่ลูกน้อง ฟันที่แหลมคมเหล่านี้มีค่ามากสําหรับการวิจัย ถอนมันออกมาให้หน่อย” หลินฟานกล่าว
โจวเชียงเหมาไม่รอช้า ใช้นิ้วที่เต็มไปด้วยกําลังภายในยื่นออกไปทันที ตามมาด้วยเสียงดังคลิก ฟันที่แหลมคมถูกถอนออกมาและส่งกลิ่นรุนแรง
“เหม็นชิบ! นี่เจ้าไม่ได้แปรงฟันมานานแค่ไหนแล้ว?”
หลินฟานโบกมือเพื่อพัดกลิ่นเหม็นในอากาศให้หายไป
ปุด! ปุด!
เขาเปิดกระทะออกและโยนฟันลงไปทันที หลังจากทอดไปได้สักพักหนึ่งฟันที่เดิมมีสีดําก็เปลี่ยนเป็นสีขาว
ช่างเป็นการค้นพบที่น่าตกใจนัก
“ความโกรธ +222
“ลูกพี่ลูกน้องฟันมันเปลี่ยนเป็นสีขาวได้ยังไง? ก่อนหน้านี้มันยังเป็นสีดําอยู่เลย” โจวเชียงเหมาถามออกมา
หลินฟานครุ่นคิด
“นี่อาจจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่พลังหยินของมันถูกกําจัดออกไป”
โจวเชียงเหมากล่าว “ลูกพี่ลูกน้อง ทําไมเราไม่ลองกับตัวมันเลยละ?”
โอ้พระเจ้า!
ลูกพี่ลูกน้องของข้าโหดร้ายขนาดนี้เลยงั้นหรือ?
ทําไมที่ผ่านมาข้าถึงไม่สังเกตเห็นสิ่งนี้กัน?