AtW ตอนที่ 15 การหลอมเหล็ก
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารก่อนใคร ND Translate นิยายแปลไทย
เนื่องจากในโรงหลอมเหล็กแห่งนี้ไม่มีผงแป้งอาเบลจึงตัดสินใจที่จะใช้โคลนที่อยู่บนพื้นแทนผงแป้ง ถึงแม้ว่าอาเบลจะมีจิตใจที่มีอายุมากแล้วแต่ในตอนนี้เขามีร่างกายที่เป็นเหมือนกับเด็กคนหนึ่งเพียงเท่านั้น ยิ่งในตอนนี้อาเบลจะต้องดูแลรักษาร่างกายของตัวเองให้ดีไว้เสมอไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ตาม
ในขณะที่อาเบลยืนอยู่หน้าแท่งเหล็กที่หนัก 150 ปอนด์ อาเบลกำลังกะให้ขาของตัวเขาอยู่ที่กึ่งกางแท่งเหล็กทั้งสามชิ้นนี้ เมื่ออาเบลก้มลงไปจับแท่งเหล็กเขาได้แยกนิ้วมือทั้งหมดออกจากกันเพื่อเป็นการกระจายน้ำหนักที่จะยกนั่นเอง อาเบลก้มจับแท่งเหล็กแน่นก่อนที่จะยกศีรษะของเขาขึ้น ในตอนนี้แขนของอาเบลเหยียดตรงขึ้นตามคอของอาเบลแล้ว
ท่ายกแท่งเหล็กของอาเบลดูแปลกประหลาดแต่ก็ดูสวยงามและเรียบง่ายในเวลาเดียวกัน ถึงแม้ว่าน้ำหนักเหล็กจะมีเพียง 150 ปอนด์แต่ในสายตาของเบธแฮมเขาคิดว่าอาเบลยกได้ดีกว่าจีดอนด้วยซ้ำไป อาเบลไม่ได้รีบยกแท่งเหล็กขึ้น แต่ท่าทีการยกของอาเบลก็ยังดูสบายๆ อยู่ อาเบลไม่ได้รีบยกเพราะกลัวหนักแต่อย่างใด
อัศวินมาแชลไม่เคยเห็นท่าทางการยกแท่งเหล็กที่หนักแบบนี้มาก่อน ดูเหมือนว่าอาเบลจะสามารถรีดเร้นพลังจากกล้ามเนื้อได้จากท่ายกที่แปลกประหลาดของเขา ตำแหน่งการวางเท้าของอาเบลเองก็สำคัญ การวางเท้าแบบอาเบลทำให้อาเบลสามารถใช้กล้ามเนื้อที่ขาส่งแรงมาช่วยในการยกได้ ส่วนบนของร่างกายอาเบลเองก็เคลื่อนไหวตามจังหวะการยกของแขนทั้งสองข้างของเขา
อาเบลยังไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาทำคือเทคนิคการควบคุมพลังชั้นสูงของเหล่าอัศวิน อาเบลในตอนนี้เข้าใจการทำงานของกล้ามเนื้อเป็นอย่างดี ในสายตาของอัศวินมาแชลอาเบลชั่งเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ยิ่งนัก
หลังจากที่วางแท่งเหล็กน้ำหนัก 150 ปอนด์ลง อาเบลก็เดินไปที่แท่งเหล็กน้ำหนัก 200 ปอนด์ต่อ อาเบลยกแท่งเหล็กนี้ได้อย่างง่ายดายเช่นเดิม อาเบลได้ใช้ท่าทางการยกเหมือนกับการยกครั้งที่แล้ว แต่ความเร็วในการยกแท่งเหล็กของเขารอบนี้เร็วขึ้นกว่าครั้งก่อน
น้ำหนัก 250 ปอนด์เองก็ไม่ใช่ปัญหาของอาเบลแต่อย่างใด อาเบลสามารถยกได้อย่างง่ายดายเช่นเคย ตอนนี้เบธแฮมและจีดอนกำลังตกใจในสิ่งที่อาเบลทำ อาเบลยังคงไม่หยุดแค่นี้ในตอนนี้เขายืนอยู่ตรงหน้าแท่งเหล็กน้ำหนัก 300 ปอนด์แล้ว
คราวนี้อาเบลใช้มือของเขาจับแท่งเหล็กตรงกึ่งกลางมากกว่าครั้งก่อนๆ อาเบลเตรียมตัวก่อนที่จะยกแท่งเหล็กขึ้นมาเช่นเดิม ในตอนนี้แท่งเหล็กอยู่ใกล้ๆ กับไหล่ของเขาแล้ว ในขณะที่ยกเองขาของอาเบลงอเล็กน้อย ปลายแขนของอาเบลในขณะยกนั้นโค้งงอชี้ไปทางด้านหน้า ตอนนี้อาเบลกำลังยกแท่งเหล็กค้างอยู่บนอกของเขาเอง อาเบลขยายมือที่จับแท่งเหล็กอยู่ตรงกึ่งกลางให้กว้างออกมากยิ่งขึ้น จากนั้นเขาจึงยกแท่งเล็กขึ้นเหนือศีรษะอย่างช้าๆ
เหตุการณ์ในตอนนี้ที่เบธแฮมเห็นราวกับความฝัน เบธแฮมรีบหันหน้าไปหาอัศวินมาแชล “คุณไปหาสัตว์ประหลาดแบบนี้มาจากไหนกันมาแชล?”
อัศวินมาแชลไม่พอใจกับสิ่งที่เบธแฮมพูดเท่าไรนัก “เฮ้ คุณกำลังเรียกใครว่าสัตว์ประหลาดกัน? เขาเป็นอัศวินฝึกระดับ 4 ให้ตายสิ!”
“จริงหรอเนี่ย!” เบธแฮมอุทานขึ้นมาในขณะที่หันไปมองอาเบล “อัศวินฝึกหัดระดับสี่เนี่ยนะ แล้วอาเบลมีอายุเท่าไรกัน?”
“ใกล้จะ 13 ปีแล้วครับ” อาเบลตอบกลับ
“อายุ 12 เนี่ยนะ? อายุ 12 เนี่ยนะเป็นอัศวินฝึกหัดระดับ 4″ เบธแฮมรีบหันไปพูดกับมาแชล “มาแชล? คนบ้าแบบไหนกันที่ส่งอัจฉริยะแบบนี้มาเป็นลูกของนายน่ะ?”
“ทำไมมองฉันอย่างงั้นล่ะ?” อัศวินมาแชลถามออกมาดังๆ “ถึงจะเห็นแบบนี้แต่ฉันก็เป็นอัศวินชั้นกลางด้วยตัวเองนะ!”
“มันก็จริงแต่มันจะดีแล้วหรอแบบนี้? มาแชล นายส่งเขาให้กับผู้บัญชาการไม่ดีกว่าหรอไง? คนที่มีความสามารถมากขนาดนี้ผู้บัญชาการจะต้องยอมรับอยู่แล้วนิ?”
“แต่…อืม! นายไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้หรอก แค่ปล่อยให้เขาอยู่กับนาย นายก็แค่สอนเขาก็เท่านั้นเอง โอเคไหมเพื่อน?”
อัศวินมาแชลเป็นเพื่อนที่ดีกับเบธแฮมมานานแล้ว หากไม่ใช่เพราะอัศวินมาแชล เบธแฮมคนนี้ก็คงไม่มาถึงที่ปราสาทแฮรี่แห่งนี้ จริงๆ แล้วเบธแฮมเป็นคนดังคนหนึ่งเลยก็ว่าได้แต่ด้วยความ”ตรงไปตรงมา”ของเบธแฮมทำให้มาแชลต้องปวดหัวกับชายคนนี้มาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว
“เอางั้นก็ได้” เบธแฮมยอมรับสิ่งที่มาแชลต้องการ “ฉันจะให้อาเบลอยู่กับฉันที่นี่ก็ได้ แต่นายจะมั่นใจแล้วหรอว่ามันจะดีกับหนทางเป็นอัศวินของเขาจริงๆ น่ะมาแชล? ฉันก็แค่เห็นอนาคตที่มันดีกว่าสำหรับเด็กคนนี้ก็เท่านั้นเอง”
“เอาล่ะอาเบลลูกพ่อ ลูกต้องอยู่ที่นี่เพื่อเรียนรู้สิ่งต่างๆ กับอาจารย์เบธแฮมตั้งแต่วันนี้นะ ในช่วงกลางวันลูกต้องฝึกฝนกับเขาและช่วงกลางคืนลูกต้องฝึกฝนวิถีการเป็นอัศวินต่อไปที่ปราสาท”
หลังจากที่อัศวินมาแชลพูดเสร็จเขาก็รีบออกจากโรงหลอมเหล็กในทันที นี้เป็นครั้งที่สองแล้วที่เขาทำแบบนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะรีบหนีออกไปอย่างไงอย่างงั้น
เบธแฮมเริ่มเดินกลับไปที่โรงหลอมเหล็กของเขา “นายต้องเรียนรู้เรื่องพื้นฐานกับจีดอนก่อนนะ” หลังจากพูดเสร็จเบธแฮมก็กลับไปทำงานของเขาต่อไป
หลังจากที่เบธแฮมเดินจากไปจีดอนที่อยู่กับอาเบลเพียงสองต่อสองก็พูดขึ้นทันที “ว้าวอาเบล นายแข็งแกร่งมากเลยนะ ใช่ไหม?”
“คุณเองก็แข็งแกร่งเหมือนกันนะครับคุณจีดอน” อาเบลตอบกลับไป ถึงแม้ว่าจีดอนจะไม่ได้ฝึกฝนการเป็นอัศวินเหมือนอาเบลแต่ถ้าเทียบกับคนธรรมดาทั่วไปแล้วจีดอนแข็งแรงกว่าคนทั่วไปมาก
จีดอนพยายามที่จะปฏิเสธคำชมของอาเบล “แต่ผมแก่กว่าคุณเยอะเลยนะ ผมอายุ 19 แล้วแต่นายอายุแค่ 12 เอง ทั้งๆ ที่ยังเด็กแท้ๆ แต่กลับยกเหล็กหนักถึง 300 ปอนด์ได้อย่างง่ายๆ”
“ถ้าคุณยกได้ถูกต้องคุณเองก็จะยกน้ำหนักได้มากขึ้นเหมือนกันนะ คุณต้องเรียนรู้ที่จะใช้พลังทั้งหมดที่มีให้ได้ ถ้าหากคุณต้องการละก็ผมสามารถสอนวิธียกให้คุณได้นะ”
“ว้าว คุณพูดจริงนะ” จีดอนเกือบจะกระโดดดีใจ “นายคิดว่าฉันก็เรียนได้จริงๆ อย่างงั้นหรอ? งั้นเรามาแลกกันดีกว่า นายสอนฉันถึงเทคนิคการยกและฉันก็จะสอนทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับการหลอมเหล็ก ไม่สิ ไม่ใช่แค่การหลอมเหล็ก นายอยากจะรู้อะไรนายก็ถามฉันได้เลยนะ”
……
เป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้วที่อาเบลได้ย้ายเข้ามาอยู่ในปราสาทแฮรี่ อีกประมาณสามสิบวันก็จะถึงวันสิ้นปี ตลอดเวลาที่อาเบลอยู่ที่นี่เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเรียนรู้เทคนิคการเป็นช่างตีเหล็ก
ต้องขอบคุณจีดอน อาเบลสามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่เป็นพื้นฐานเกี่ยวกับการหลอมเหล็กจนหมดแล้ว ในตอนนี้อาเบลกำลังเรียนรู้การสร้างดาบใหญ่เพื่อที่จะให้ซัคอยู่ อาเบลรักพี่ชายคนนี้มาก เขาต้องการจะให้ดาบใหญ่ที่เขาตีขึ้นเป็นของขวัญปีใหม่สำหรับพี่ชายของเขา
ตอนนี้อาเบลได้ถือของเหลวสีแดงที่อยู่ในแท่งหลอมอยู่ อาเบลเทเหล็กหลอมใส่แป้นพิมพ์ก่อนที่อาเบลจะรีบใช้ค้อนขนาด 10 ปอนด์ทุบเหล็กที่นำออกมาจากแป้นพิมพ์ ก่อนที่เหล็กหลอมของอาเบลจะเย็นลงอาเบลมีเวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้นในการตีเหล็กนี้ให้มีรูปร่างที่งดงามและมีความคมเหมือนกับดาบ
ในโลกใบนี้ยังไม่มีโรงงานอุตสาหกรรมเหล็กทำให้ช่างตีเหล็กต้องพึ่งพาเทคนิคดั้งเดิม เทคนิคที่ว่าก็คือการใช้ค้อนทุบเหล็กหลอมนั่นเอง งานของช่างตีเหล็กไม่ใช่แค่การหลอมเหล็กเท่านั้น พวกเขาจะต้องใช้ค้อนที่มีอยู่ตีเหล็กซ้ำไปซ้ำมาจนกว่าพวกเขาจะได้ดาบที่แหลมคมและรูปทรงงดงามนั่นเอง การทุบเหล็กซ้ำไปซ้ำมานี้เองไม่ใช่งานที่น่าสนุกเลย และแน่นอนว่างานนี้เองก็ไม่ใช่งานง่ายๆ เช่นเดียวกัน
ในกระบวนการตีดาบจะต้องให้ความร้อนแก่แท่งเหล็กจนเหล็กนั้นเปลี่ยนเป็นสีแดงก่อนที่จะเริ่มใช้ค้อนทุบแท่งเหล็กแท่งนั้นให้มีรูปทรงและความคมที่มากขึ้น เมื่อแท่งเหล็กเย็นตัวลงจะต้องทำไปให้ความร้อนและใช้ค้อนตีเหล็กอีกครั้งหนึ่ง กระบวนการตีเหล็กแบบนี้จะต้องทำซ้ำไปซ้ำมาจนกว่าจะได้ดาบที่สมบูรณ์แบบมาสักเล่มหนึ่ง ก่อนที่อัศวินมาแชลได้ตีดาบอัศวินเขาต้องตีเหล็กกว่า 100 ครั้งเพื่อจะสามารถสร้างดาบที่พึงพอใจออกมาได้ สำหรับช่างตีเหล็กทั่วไปโดยเฉลี่ยแล้วจะต้องตีเหล็กถึง 30-40 ครั้ง ส่วนจีดอนลูกศิษย์ของอาจารย์เบธแฮมเองต้องตีเหล็กเกือบ 60 ครั้ง
อาเบลเคยอ่านวิธีการสร้างดาบแบบนี้ในหนังสือวิทยาศาสตร์ที่โลกเดิมของเขามาแล้ว ด้วยความรู้ที่อาเบลมีอยู่เองจึงทำให้เขาเข้าใจกระบวนการหลอมเหล็กจนไปถึงกระบวนการตีเหล็กได้อย่างไม่ยากเย็นนัก การใช้ค้อนทุบไปที่ใบดาบซ้ำๆ จะทำให้ปริมาณคาร์บอนส่วนเกินภายในใบดาบนั้นถูกกำจัดออกไปนั่นเอง ด้วยเหตุนี้เองการใช้ค้อนดีดาบมากเท่าไรจะทำให้ได้ดาบที่ทำมาจากเหล็กอันนี้บริสุทธิ์มากขึ้นเท่านั้น
หลังจากที่อาเบลเริ่มชำนาญการหลอมเหล็กแล้วในตอนนี้อาเบลเริ่มฝึกฝนการใช้ค้อนตีเหล็กต่อ ถึงแม้ว่าอาเบลจะยังเป็นเด็กอยู่แต่เขาสามารถที่จะตีเหล็กได้ถึง 50 ครั้ง แต่เหล็กที่อาเบลตีได้ไม่ค่อยเป็นรูปเป็นร่างของดาบที่เขาต้องการเท่าไร เหล็กที่ถูกหลอมมาใหม่ๆ จะยากต่อการใช้ค้อนทุบมาก ไม่เพียงแต่จะต้องใช้แรงในการเหวี่ยงค้อนเพิ่ม แต่อาเบลยังต้องเหวี่ยงค้อนด้วยแรงที่เท่าๆ กันตลอด การทำเช่นนี้ทำให้รู้สึกเหนื่อยเป็นอย่างมาก
แต่ถึงอาเบลจะตีเหล็กไปแล้วกว่า 50 ครั้งแต่อาเบลก็ยังคงเหวี่ยงค้อนตีเหล็กต่อไปอย่างมั่นคงอยู่ดี เบธแฮมรู้สิ่งที่อาเบลทำดี แม้ว่าเบธแฮมจะไม่ได้สอนอะไรอาเบลเลยแต่เขาคอยเฝ้าดูอาเบลอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด
ที่เบธแฮมไม่ได้สอนอาเบลด้วยตัวเองเป็นเพราะการสอนด้วยตัวเองนั้นไม่จำเป็นสำหรับอาเบลเลย อาเบลกำลังเรียนรู้ที่จะเป็นอัศวินดังนั้นสิ่งที่เขาควรจะรู้มีแค่การหลอมเหล็กพื้นฐานเท่านั้น นอกจากนี้จีดอนเองก็ได้เรียนรู้อะไรหลายสิ่งหลายอย่างจากเบธแฮมมาตลอด 5 ปีแล้ว จีดอนเองมีความสามารถมากพอที่จะสอนเด็กฝึกงานอย่างอาเบลได้
ในตอนที่เบธแฮมเฝ้ามองอาเบลหลอมเหล็กจนไปถึงตีดาบเบธแฮมรู้สึกถึงความแปลกประหลาดอะไรบางอย่างในอากาศ อาเบลไม่ได้รีบตีดาบรวดเร็วจนเกินไป เขาใช้เวลา 1-2 วินาทีในการแกว่งค้อนตีเหล็กครั้งหนึ่ง
ในทางเทคนิคแล้วมันไม่ได้ยากเกินไปที่จะทำแบบที่อาเบลได้ คนปกติจะสามารถเหวี่ยงค้อนปอนด์ที่หนักได้ไม่กี่ร้อยครั้งเท่านั้น แต่การที่จะตีดาบในกระบวนการตีเหล็กถึง 50 ทีนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง การตีเหล็ก 50 ทีนั้นอาจจะต้องเหวี่ยงค้อนปอนด์มากกว่าหลายหมื่นครั้ง การเหวี่ยงค้อนแบบที่อาเบลทำต้องเหวี่ยงค้อนตั้งแต่เช้ามาจนถึงบ่ายอย่างไม่ได้หยุดพัก
อาเบลเริ่มใกล้เข้าความจริงมากขึ้นเรื่อยๆ วิธีตีเหล็กแบบนี้คล้ายกับการต่อยมวย ในการปล่อยหมัดที่ทรงพลังแบบการต่อยมวยนั้นไม่ได้ใช้แค่แรงที่ต้นแขนเพียงเท่านั้น การใช้แรงให้ได้ทรงพลังมากที่สุดจะต้องใช้แรงจากทุกสัดส่วนของร่างกาย การใช้แรงจากทุกส่วนนี้เองจะทำให้พลังทำลายของมัดนั้นเพิ่มขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
อาเบลกำลังทำเช่นนั้นอยู่นั่นเอง ในการแกว่งค้อนทุกๆ ครั้งของอาเบลเขาจะใช้พลังตั้งแต่จากเท้าขึ้นมาถึงแขนของเขา เมื่ออาเบลใช้ค้อนทุบลงบนเหล็กหลอมอาเบลจะใช้แรงสะท้อนกับเพื่อส่งค้อนปอนด์ขึ้นไปดังเดิมก่อนที่จะใช้พลังจากเท้าขึ้นมาถึงแขนในการเหวี่ยงค้อนลงไปอีกครั้งหนึ่ง สิ่งที่อาเบลทำนั้นอาจจะฟังดูไม่ยากแต่การที่จะรักษามาตรฐานการตีเอาไว้หลายหมื่นครั้งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ด้วยประสบการณ์การฝึกฝนและความรู้ที่อาเบลมีทำให้อาเบลเรียนรู้ที่จะหลอมเหล็กพวกนี้ได้อย่างรวดเร็ว
“ทำไมเด็กคนนี้ต้องเป็นอัศวินฝึกหัดกัน?” เบธแฮมได้แต่ถามตัวเองอยู่บ่ายๆ คนที่มีความสามารถเหมือนกับอาเบลไม่ควรที่จะเรียนรู้ถึงการต่อสู้เพื่อที่จะต่อสู้ที่แนวหน้าแบบนี้ ถ้าหากจะวัดจากความสามารถในกาเรียนรู้ที่จะเป็นช่างตีเหล็กของอาเบลแล้วเขาจะกลายเป็นช่างที่ชำนาญการตีเหล็กในอีกไม่กี่ปีอย่างแน่นอน น่าเสียดายที่คนมีฝีมือแบบอาเบลจะต้องออกไปสู้เสี่ยงชีวิตที่แนวหน้า
สุดท้ายบ่ายวันนี้เองอาเบลก็ได้ลืมที่จะกินอาหารกลางวันไป อาเบลใช้เวลาพักตอนเที่ยงนี้ตีดาบต่อไป ในตอนนี้เขาตีดาบได้ถึง 80 ที 2 ครั้งก่อนที่จะถึงช่วงบ่ายวันนี้ อาเบลตัดสินใจที่จะหยุดตีดาบต่อ อาเบลสามารถรักษามาตรฐานในการตีได้ถึง 80 ที หลังจากนั้นอาเบลจะต้องพักเหนื่อย เขาไม่สามารถที่จะตีดาบได้อีกต่อไป – นี้คงเป็นขีดจำกัดความแข็งแกร่งทั้งหมดของอาเบลในตอนนี้