Abe the Wizard (AtW) AtW ตอนที่ 73 หาเงินครั้งใหม่
ในอีก 3 วันต่อมาอาเบลก็ได้สร้างอุปกรณ์ขึ้นมาอย่างเต็มตัวครบทุกอย่าง อุปกรณ์ที่ว่านี้รวมไปถึงชุดเกราะโล่ห์และหอกของอัศวินนั้นเอง
ชุดเกราะอีกตัวอาเบลได้สร้างขึ้นมาจากสูตรการสร้างชุดเกราะดั้งเดิมของโลกใบนี้ แต่ชุดเกราะชุดนี้เองถูกทาไปด้วยสีน้ําเงินที่ชั้นนอก สีน้ําเงินของชุดในตอนนี้เหมาะกับช่วงอายุของอาเบลมากที่สุด เขาไม่ลืมที่จะใส่รูนหมายเลข 12 รูนทอร์ลงไปในชุดเกราะพร้อมกับเพรชที่เป็นแหล่งพลังงานจากเหตุการณ์ในอดีตการสังหารเจ้าชายไวแอดต์ของอาเบลเองถูกโทษความผิดไปที่ออร์ค แต่ถ้าหากปัญหาระหว่างตัวอาเบลเองกับราชวงศ์เกิดขึ้นมาอีกครั้ง คงจะดีกว่าที่จะเตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างเอาไว้รับมือ
หลังจากที่ได้ทําชุดเกราะสําหรับรับตําแหน่งเสร็จแล้วต่อมาอาเบลจะต้องออกแบบปลอกแขนประจําตระกูลของตัวเองต่อไป ตอนนี้เขาสามารถที่จะสวมใส่ปลอกแขนของทั้ง 2 ตระกูลพร้อมกันได้แล้ว ปลอกแขนแรกที่อาเบลจะต้องใส่เป็นปลอกแขนของปรมาจารย์ช่างตีเหล็กนั่นเอง
หอกสําหรับอัศวินที่อาเบลได้สร้างขึ้นเป็นเหมือนกับดาบใหญ่อีกเล่มก็ว่าได้ หอกอันนี้มีความยาวกว่า 5 เมตรด้วยกันโดยที่ปลายหอกที่เป็นส่วนของใบ ดาบนั้นเป็นทรงยาวใหญ่ในรูปแบบของทรงสี่เหลี่ยมปีระมิด ใบบดาบนั้นดูแหลมคมและยังดูหนามากอีกด้วย โดย ที่จับหอกอันนี้เองยังมีที่ปกป้องมือถูกติดตั้งเอาไว้อีกด้วย หอกอันนี้ที่อาเบลได้สร้างขึ้นไม่ใช่หอกไม้ธรรมดาๆ หอกทั้งอันนั้นถูกสร้างมาจากเหล็กทั้งหมดแน่นอนว่าอาเบลได้ใช้ทักษะในการสร้างอุปกรณ์แห่ง 120 ทักษะลงไปในหอกอันนี้ด้วย หอกอันนี้จึงมีความแข็งแกร่งมหาศาลความแข็งแกร่งที่มากนี้เองต้องแลกมากับน้ําหนัก 300 ปอนด์ของหอกอันนี้และแน่นอนอาเบลยังคงเขียนรูนลงไป ที่หอกอันนี้อีกด้วยรูนที่อาเบลเลือกใช้คือรูนหมายเลข 4 รูน เนิฟรูนหมายเลข 4 นี้เองสามารถขับไล่ศัตรูเมื่อถูกโจมตีได้ หอกที่อาเบลได้เพิ่งสร้างขึ้นนี้จะต้องเป็นฝันร้ายของพวกอัศวินที่ได้เจออย่างแน่นอน
ในตอนนี้แค่จินตนาการว่ามีใครก็แล้วแต่ได้สู้กับอาเบลในสนามรบ ศัตรูคนนั้นจะต้องถูกกระแทกให้กระเด็นกลับหลังไปด้วยพลังของหอกของอาเบลพร้อมกับพลังอันมหาศาลของหอกอันนี้ และทุกๆ ครั้งที่ศัตรูถูกผลักออกไปอาเบลจะมีโอกาสที่จะจัดการศัตรูโดยใช้ “เทคนิคการชาร์จพลังของอัศวิน” หรือไม่ก็ใช้ “เทคนิคแห่งการเร่ งความเร็วของอัศวิน” พลังของเทคนิคทั้งสองเทคนิคนี้เองจะ สามารถเพิ่มพลังโจมตีในครั้งถัดไปของอาเบลได้ แน่นอนว่าศัตรูที่ถูกกระแทกกลับไปจะต้องถูกจู่โจมด้วยการโจมตีอันทรงพลังครั้งต่อไป และศัตรูผู้โชคร้ายคนนั้นเองก็จะต้องพ่ายแพ้ไปในที่สุด
แม้ว่าชุดเกราะที่อาเบลได้สร้างขึ้นจะดูเหมือนกับชุดเกราะธรรมดาเป็นอย่างมาก แต่อาเบลก็ได้ทดสอบชุดเกราะชุดนี้ด้วยดาบเวทย์น้ําแข็งของเขาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จนมาถึงตอนนี้อาเบลได้หวังเพียงแต่ว่าลมทมิฬลูกหมาป่าจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วต่อไป ถ้าหากลมทมิฬเติมโตจนสามารถขี่ได้แล้ว อุปกรณ์ทั้งหมดที่อาเบลได้สร้างขึ้นก็จะสามารถติดตั้งได้นั่นเอง แน่นอนว่ามันจะต้องออกมาอย่างสมบูรณ์แบบลูกหมาป่าลมทมิฬเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในทุกๆ วันที่ผ่านมาดูเหมือนว่าการร่ายคาถาเสริมพลังของสัตว์ขี่ที่อาเบลใช้นั้นได้ผลตอนนี้เขาสามารถเห็นความแตกต่างในการเติบโตของลมทมิฬในทุกๆ วันได้อย่างชัดเจน
ในช่วงเช้าของวันนี้เองอาเบลได้ใช้เวลาทั้งหมดไปกับการสร้างดาบเวทย์น้ําแข็ง 2 เล่ม น้ําเวทย์เพลิงอีก 2 เล่มโดยดาบเวทย์ทั้ง 4 เล่มของอาเบลจะถูกส่งไปที่เมืองฮาเวสผ่านรถม้าของตัวเขาเอง ลอร์ดมาแชลเป็นห่วงอาเบลเป็นอย่างมากเพราะเมื่อไม่นานมานี้ได้ข่าวการโจมตีของออร์คมนั่นเอง แต่ตอนนี้อาเบลก็แข็งแกร่งมากขึ้นแล้ว ก่อนที่อาเบลจะเดินทางออกจากปราสาทไปลอร์ดมาแชลได้ให้นักสู้ระดับ 6 ติดตามเขาไปด้วยอีกจํานวนหนึ่ง แม้ว่าความสามารถในการต่อสู้ของนักสู้ระดับ 6 จะไม่มากเท่าอัศวินก็ตาม แต่พวกนักสู้เหล่านั้นก็ยังสามารถใช้พลังลมปราณในการต่อสู้ได้อยู่ดี นักสู้ระดับ 6 ทั้งหมดที่อยู่กับอาเบลนั้นถูกลอร์ดมาแชลคัดเลือกมา ทั้งหมดโดยนักสู้พวกนี้จะมีอายุราวๆ 40 ปี ช่วงอายุนี้เองเป็นช่วงเวลาสําคัญที่เหล่านักสู้ทั้งหลายจะสามารถแสดงความ สามารถที่มีอยู่ออกมาได้
อาเบลที่รู้ความจริงทุกอย่างว่าไม่มีการรุกรานของพวกออร์คแม้แต่น้อยแต่ตัวเขาเองก็ไม่สามารถที่จะอธิบายความจริงให้กับลอร์ดมาแชลรู้ได้เลย ตอนนี้อาเบลคิดไว้แค่ว่ามีคนจํานวนน้อยรู้ความจริงในเรื่องครั้งนี้ย่อมเป็นผลดีกับตัวเขาเองมากกว่า ตอนนี้โทษทัณฑ์ทั้งหมดในการสังหารเจ้าชายได้ถูกโยนความผิดไปเป็นของพวกออร์คไปเป็นที่เรียบร้อย อาเบลที่ต้องการจะรักษาความลับต่อไปจะต้องออกเดินทางไปข้างนอกพร้อมกับกลุ่มของนักรบอย่างช่วยไม่ได้
เมื่ออาเบลได้เข้าใกล้โรงประมูลของร้านเอ็ดมันมากขึ้นผู้ช่วยร้านเอ็ดมันก็เห็นสัญลักษณ์ของปราสาทแฮรี่จากบนรถม้าในระยะไกลทันทีและเมื่ออาเบลมาถึงร้านคุณวรเว็ตต์ก็ได้ยืนรออยู่ที่ข้างหน้าร้านอยู่ก่อนแล้ว
“โรงประมูลของร้านเอ็ดมันยินดีต้อนรับท่านลอร์ดอาเบล!” วีเว็ตต์ได้โค้งคํานับอาเบลหลังการทักทายอย่างรวดเร็วตอนนี้วีเว็ตต์ได้ปฏิบัติตัวกับอาเบลด้วยความเคารพที่มีมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว ชายที่ชื่อว่าอาเบลเป็นเหมือนกับเด็กวัยรุ่นที่น่าอัศจรรย์แห่งเมืองฮาเวส ทุกคนในเมืองต่างก็รู้จักชื่อเสียงของอาเบลรวมไปถึงวีรกรรมทั้งหมดของเขาเป็นอย่างดีอาเบลรู้สึก โชคดีมากที่สามารถทําหน้าที่ได้ดีเสมอมา
” ขอบคุณสําหรับการต้อนรับเป็นอย่างดีนะครับ คุณวี เว็ตต์” อาเบลได้พูดทักทายคุณวีเว็ตต์พร้อมกับโบกมือให้เขาหลังจากทักทายกันเสร็จแล้วเขาก็ได้เปิดรถม้าขึ้นมาเพื่อแสดงอาวุธเวทย์ทั้ง 4 ชิ้นให้กับวีเว็ตต์ได้ดู โดยอาวุธทั้งหมดนั้นถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยหนังของพวกออร์คนั่นเอง
เมื่อวีเว็ตต์เห็นอาวุธเวทย์ทั้ง 4 ชิ้นตาของเธอก็เต็มไปด้วยประกายแห่งความตื่นเต้นทันที ตั้งแต่ที่ลอร์ดมาแชลถูกลอบโจมตีไปชื่อเสียงของอาวุธเวทย์ที่อาเบลได้สร้างขึ้นก็มีมากขึ้นตอนนี้อาวุธเวทย์ของอาเบลจึงเป็นเหมือนกับจุดสนใจของเหล่าขุนนางทั้งหลาย ดังนั้นแล้วการประมูลดาบในครั้งนี้อาวุธของอาเบลจะต้องมีมูลค่าถึง 5 หมื่นเหรียญอย่างแน่นอน
” ท่านลอร์ดอาเบล ได้โปรดเข้ามาในห้องรับรองวีไอพี่ก่อนเถอะ” ตอนนี้วีเว็ตต์ได้โค้งคํานับอาเบลอีกครั้งก่อนที่จะนําทางเขาไปที่ห้องรับรองวีไอพี ที่ด้านหลังของอาเบลเองมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยแบกสัมภาระทั้งหมดรวมไปถึงดาบเวทย์ทั้งหมดของอาเบล โดยข้าวของของอาเบลทั้งหมดถูกวางเอาไว้ในห้องรับรองอย่างรวดเร็วก่อนที่เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจะรีบออกไปจากห้อง
แม้ว่าในตอนนี้ในหัวของวีเว็ตต์กําลังเต็มไปด้วยเรื่องของดาบเวทย์ก็ตามแต่เธอก็ไม่ลืมที่จะเตรียมกาแฟอย่างดีไว้ให้กับอาเบลด้วยความสุภาพ ตอนนี้วีเว็ตต์ได้อดทนจนกว่าอาเบลจะจิบกาแฟเสร็จถึงได้เอยปากถามอะไรบางอย่างออกไป ”ดิฉันอยากรู้จริงๆ ว่าทําไมคุณถึงมาที่ร้านเอ็ดมันของเราในวันนี้?”
“ผมยินดีที่ได้ร่วมธุรกิจกับทางร้านเอ็ดมันของคุณนะครับครั้งนี้ผมมีอาวุธเวทย์ที่ทําล่าสุดมาด้วย” อาเบลได้พูดก่อนที่จะเบิดอาวุธเวทย์ทั้งหมดที่ได้เอามาบนโต๊ะของห้องห้องนี้ โดยที่มีอาวุธเวทย์น้ําแข็ง 2 เล่ม และอาวุทย์เพลิงอีก 2 เล่มด้วยกัน
” ดาบเวทย์พวกนี้เป็นดาบเวทย์คุณภาพเดียวกับที่เจ้าชายไวแอดต์ได้ซื้อไปใช่ไหมคะ?” วีเว็ตต์ได้ถามอาเบลเพื่อที่จะยืนยันความมั่นใจ ดูเหมือนว่าตอนนี้หัวหน้าสาขาเองได้ให้วีเว็ตต์ปิดข้อตกลงทุกอย่างกับอาเบลแต่เพียงผู้เดียว ตอนนี้เธอเป็นเพียงความหวังเดียวที่จะได้อาวุธเวทย์พวกนี้มาขายในโรงประมูลของร้านเอ็ดมัน อาวุธเวทย์ของอาเบลเริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ นั่นหมายความว่าขุนนางทั้งหลายเองก็จะพยายามที่จะใช้เงินทั้งหมดที่พวกเขามีเพื่อเป็นเจ้าของดาบเวทย์ที่อาเบลได้สร้างขึ้น แม้ว่าอัศวินทั้งหลายจะไม่ได้ซื้อเองแต่ยังมีขุนนางอีกหลายคนที่ยอมจ่ายเงินจํานวนมากในการซื้ออาวุธเวทย์ที่สูงค่านี้เพื่อที่จะเพิ่มชื่อเสียงของตัวเอง
“ใช่ครับ ดาบบทั้งหมดนี้เป็นดาบเวทย์คุณภาพเดียวกันโดยที่มีดาบเวทย์น้ําแข็ง 2 เล่ม ดาบเพลิง 2 เล่ม โดยที่ดาบทั้งหมดนี้เองถูกสร้างขึ้นที่ทักษะ 120”
“ท่านลอร์ดอาเบลแน่ใจได้เลยว่าอาวุธที่ถูกประเมินค่าโดยท่านปรมาจารย์ช่างตีเหล็กโซรินแบบนี้เมื่ออยู่ในมือของทางร้านเอ็ดมันแล้วจะต้องมีมูลค่าสูงเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน พวกเรารับรองได้เลยว่าการค้าขายในครั้งนี้จะต้องปลอดภัยและไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ อีกด้วย”
ถึงแม้ว่าวีเว็ตต์จะไม่ได้มีอํานาจในการตัดสินใจกับเรื่องทุกอย่างแต่หัวหน้าสาขาได้ฝากข้อความในครั้งนี้มาแล้วนั่นเอง หัวหน้าสาขาให้วีเว็ตต์ทําทุกอย่างเพื่อปิดการขายกับอาเบลให้ได้ดังนั้นแล้ววีเว็ตต์จึงเลือกข้อเสนอที่น่าจะได้ผลมากที่สุดกับอาเบลไปในทันที
ร้านเอ็ดมันไม่มีความจําเป็นเลยที่จะต้องเก็บเงินจากค่านายหน้าในงานประมูลครั้งนี้ ถ้าหากงานที่ถูกทําโดยอาเบลมีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วทางร้านเอ็ดมันเองก็จะได้ผลประโยชน์ที่มากขึ้นตามนั่นเอง แน่นอนว่าในอนาคตปรมาจารย์ช่างตีเหล็กคนนี้จะต้องมีชื่อเสียงที่เพิ่มขึ้นมาอย่างแน่นอน การที่จะรักษาอาเบลที่เป็นเหมือนกับแหล่งทรัพยากรของร้านเอ็ดมันแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ได้จึงเป็นหนทางที่ดีที่สุดของร้านเอ็ดมันแล้ว
“ผมดีใจมากนะครับที่ได้ใช้บริการของคุณวีเว็ตต์อีกครั้ง” อาเบลยอมรับข้อเสนอของวีเว็ตต์ในทันทีด้วยรอยยิ้ม
แต่ด้วยการประมูลในครั้งนี้เป็นการประมูลขายดาบเวทย์น้ําแข็งเป็นครั้งแรกอาเบลจึงได้อธิบายอะไรเพิ่มเติมให้กับวีเว็ตต์ได้ฟัง อาเบลได้สะบัดปลายนิ้วของตัวเองไปที่ปลายดาบทันใดนั้นเองดาบก็ส่องแสงสีฟ้าขึ้นมาทันที ในวินาทีที่แสงส่องประกายขึ้นนิ้วของอาเบลก็ได้กลายเป็นน้ําแข็งไปแล้ว
หลังจากที่ทดสอบให้วีเว็ตต์ดูแล้วเขาก็ยังพูดต่อไปอีกว่า”ดาบน้ําแข็งเล่มนี้สามารถโจมตีศัตรูได้ 2 รูปแบบด้วยกัน การโจมตีในรูปแบบที่หนึ่งนั้นพลังของน้ําแข็งในดาบสามารถที่จะชะลอความเร็วของศัตรูได้นั่นเอง ส่วนรูปแบบที่สองนั้นน้ําแข็งที่เกิดขึ้นจากดาบจะสามารถทําความเสียหายกับศัตรูได้ แต่ถึงแม้ว่าดาบเล่มนี้จะไม่ได้มีพลังทําลายล้างที่ทรงพลังมากนัก แต่เมื่อศัตรูถูกพลังเยือกแข็งของดาบเล่มเข้าการที่ศัตรูจะดึงพลังลมปราณกลับมาใช้อีกครั้งในการต่อสู้จะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากอย่างแน่นอน”
” ช่างเป็นอาวุธที่ทรงพลังอะไรแบบนี้” ถึงแม้ว่าวิเว็ตต์จะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในการต่อสู้แต่เธอก็ทํางานในร้านเอ็ดมันแห่งนี้มานานแล้วนั่นเอง วีเว็ตต์เข้าใจดีว่าสิ่งที่อาเบลได้อธิบายมาทั้งหมดนี้ต่างก็เป็นคุณสมบัติที่ดีของอาวุธชิ้นหนึ่งที่ควรจะมี
“คุณวีเว็ตต์ ผมอยากที่จะซื้อน้ํายาเสริมพลังอีกด้วย ผมอยากได้น้ํายาแห่งโลหิต 27 ขวด น้ํายาแห่งการเติมพลัง 270 ขวดและน้ํายาแห่งการควบแน่น 162 ขวด” ในครั้งนี้อาเบลได้ซื้อน้ํายาเสริมพลังสําหรับ 1 เดือนกลับไปเช่นเดิม แน่นอนว่าปริมาณน้ํายาเสริมพลังทั้งหมดที่อาเบลได้ซื้อไปดูเยอะเกินไปสําหรับคนเพียงหนึ่งคน
” ท่านลอร์ดอาเบลดิฉันจะส่งน้ํายาเสริมพลังทั้งหมดให้กับคุณในทันที น้ํายาเสริมพลังทั้งหมดมีมูลค่า 200,250 เหรียญ
ค่ะ
ในตอนแรกวีเว็ตต์ได้สงสัยว่าทําไมอาเบลถึงได้สั่งซื้อน้ํายาเสริมพลังในปริมาณที่มากมายขนาดนี้ แต่สุดท้ายแล้วเธอก็เลิกสงสัยไปอย่างรวดเร็ว ในตอนนี้อาเบลเองก็กลับมารู้สึกโล่งใจขึ้นอีกครั้ง แน่นอนว่าคนที่มีชื่อเสียงอย่างอาเบลนั้นสามารถซื้อน้ํายาเสริมพลังสําหรับอัศวินได้อย่างง่ายดายอยู่แล้ว แต่ปริมาณน้ํายาเสริมพลังทั้งหมดที่เขาได้ซื้อไปสามารถใช้ได้ถึง 2 ปีด้วยกัน แต่ถึงแม้ว่าปริมาณที่อาเบลได้ซื้อไปจะเป็นปริมาณที่เยอะมากแต่โชคดีที่ยังไม่มีใครสงสัยอาเบลจนเอ่ยปากถามเขาออกไปในตอนนี้
ในเวลาต่อมาไม่นานมากนักขวดน้ํายาเสริมพลังกว่า 400 ขวดก็ได้ถูกบรรจุลงไปในกล่องกล่องใหญ่อีกครั้ง อาเบลไม่รอช้าเขาเริ่มจ่ายเงินทั้งหมดด้วยการ์ดทองคําเวทย์มนตร์ในทันที่ ในตอนนี้บัตรของอาเบลเหลือเงินเพียง 31,500 เหรียญทองเท่านั้น จนกว่าจะถึงการประมูลครั้งต่อไปเงินจํานวนที่เหลือของอาเบลจะสามารถทําให้เขาซื้อน้ํายาเสริมพลังทั้งหมดได้อีก 1 เดือน
ถึงแม้ว่าน้ํายาเสริมพลังทั้งหมดกว่า 400 ขวดที่อาเบลได้สั่งซื้อไปจะสามารถใช้ได้นานถึง 2 ปีด้วยกันแต่สุดท้ายแล้วอาเบลก็ใช้น้ํายาเสริมพลังทั้งหมดภายใน 1 วันเท่านั้น แต่ถึงแม้ว่าอาเบลจะสามารถใช้น้ํายาเสริมพลังทั้งหมดภายในวันเดียวได้แต่ในตอนนี้ตัวเขาเองก็ยังไม่รีบร้อนที่จะใช้น้ํายาเสริมพลังเหล่านี้รวดเร็วจนเกินไปเพราะในตอนนี้การพัฒนาของอาเบลนั้นรวดเร็วและน่าประทับใจเกินกว่าเป้าหมายของเขาเองไปแล้ว ดังนั้นอาเบลจึงตัดสินใจที่จะใช้น้ํายาทั้งหมดนี้เมื่อถึงเวลาที่จําเป็นในครั้งหน้า
