บทที่ 141 การถือดีนั้นไม่ผิด แต่ผิดที่ไร้สมอง
หลังจากลุกขึ้นมาได้แล้ว ฮ่าวเจี้ยนได้ชี้นิ้วมายังเจียงฮวพร้อมพูดออกมาด้วยสายตาที่บ้าคลั่ง
“แก ไอ้เลวระยํา แกกล้าดียังไงมีตบฉันแบบนี้”
เจียงฮาวที่ได้ยินดังนั้นก็ได้หันไปมองฮ่าวเจี้ยนด้วยสายตาเย็นชาในทันที
ฮ่าวเจี้ยนที่เห็นสายตาที่เย็นยะเยียบนี้ก็อดที่จะตกตะลึงไม่ได้ นี่ทําให้เขานั้นตั้งก้าวถอยหลังกลับมา
และนี่ทําให้เขานั้นรู้สึกละอายที่ต้องถูกทําให้ถอยร่น
“แก รอก่อนเถอะ”
หลังจากพูดจบ เขาก็ได้นําโทรศัพท์ออกมาและทําการกดปุ่มเพื่อเตรียมที่จะโทรออก
ในตอนนั้นเอง ด้วยความแตกตื่นของผู้คนนี่เอง ทําให้ไม่นานนัก ผู้จัดการของร้านฮงหรุยEshop ได้นําบอดี้การ์ดจํานวนหกคนมายังจุดเกิดเหตุด้วยความรวดเร็ว
“เกิดอะไรขึ้นที่นี่กัน”
เมื่อผู้จัดการร้านมาถึงก็ได้รีบถามออกมา
เป็นตอนนี้ที่หมูเจียหลงได้ยืนขึ้นมา
เธอชี้มาที่เจียงฮ่าวด้วยใบหน้าที่แสดงออกถึงการเป็นผู้ถูกกระทํา
“ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของแก ไอ้เด็กนี่มันไม่มีเงินที่จะซื้อโทรศัพท์แถมยังขวางทางไม่ให้ฉันซื้อ โทรศัพท์ก็เท่านั้น อ้อ แถมยังทําร้ายคนอื่นอีกด้วย”
เป็นตอนนี้ที่ฮ่าวเจี้ยนที่อยู่ข้างๆก็ได้พูดออกมาเมื่อเห็นว่าคนที่มาเป็นใครก็ได้พูดออกมา
“ผู้จัดการหวัง คุณต้องจัดการเรื่องนี้ให้ผมด้วย ไอ้คนชั้นต่ํานี่บังอาจกล้ามาตบหน้าฉัน”
ในขณะที่พูด ฮาวเจี้ยก็ได้ชี้ไปที่หน้าของตน
แม้จะถูกคู่เศษเดนคนชายหญิงกล่าวหา เพื่อพยายามที่จะทําเรื่องผิดให้เป็นชอบ แต่เฉินเฉียงก็ไม่ได้มีท่าทีอะไรออกมา
แต่ในตอนนี้ พนักงานสาวที่ยืนข้างเจียงฮ่าวในตอนนี้กลับรู้สึกอดรนทนไม่ได้อีกต่อไป
เธอแสดงท่าทีว่าจะเข้าไปหาผู้จัดการของเธอเพื่อจะอธิบายสถานการณ์ แต่เจียงฮ่าวนั้นกลับหยุดเธอไว้
เป็นตอนนี้ที่ผู้จัดการร้านได้ยินเรื่องราวก็ต้องขมวดคิ้ว ถึงแม้เขานั้นไม่ได้มีความสัมพันธ์อันดีกับฮ่าวเจี้ยนแต่เมื่อเห็นฮ่าวเจี้ยนกุมหน้าก็อดที่จะรู้สึกเจ็บแค้นแทนไม่ได้
หัวใจอันเที่ยงธรรมของชายคนนี้ได้เอนเอียงไปยังฮ่าวเจี้ยน
อย่างไรก็ตาม เขายังไม่โง่พอที่จะฟังความข้างเดียว
เป็นตอนนั้นที่สายตาของเขาตกไปอยู่ที่เจียงฮ่าวคนที่ซึ่งใส่ชุดธรรมดาสามัญพร้อมกับสะพายกระเป๋าโรงเรียนราคาถูกอยู่ที่หลัง
แต่ด้วยการที่ผ่านเรื่องแบบนี้มานานนับปีทําให้เขานั้นไม่อาจที่จะมองข้ามเจียงฮ่าวเพียงเพราะชุดและอายุได้ เขาจึงได้ถามออกมาด้วยความเคารพ
“เป็นอย่างนั้นจริงๆหรือครับคุณลูกค้า”
เจียงฮ่าวได้จ้องมองยังคู่กากเดนคนทั้งชายหญิงที่ในตอนนี้กําลังมั่นใจว่าตัวเองถูก ซะจนออกหน้าออกตา เขาไม่ได้อธิบายอะไรออกมา ทําเพียงแค่หยิบบัตรสีดําประกายทองคาดเพชรออกจากกระเป๋า
เขาวางบัตรไว้บนตู้กระจกแสดงสินค้า
เป็นตอนนี้ที่ผู้จัดการหวังและฮ่าวเจี้ยนมีสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปในทันทีที่เห็นบัตรสีดําประกายทางคาดเพชรนี้
ผู้จัดการหวังมีสีหน้าที่ตกตะลึง
ฮ่าวเจี้ยนั้นในตอนนี้มีใบหน้าเหยเกราวกับกินสิ่งโสโครกเข้าไป ตอนนี้เขามองเจียงฮ่าวด้วยความรู้สึกเสียใจในสิ่งที่ตัวเองได้กระทําไป
บัตรสีดําประกายทางคาดเพชรนี้ไม่เพียงแค่เฉพาะสมาชิกขั้นกิตมศักดิ์ของธนาคารเท่านั้นที่จะมีได้ บัตรนี้สามารถใช้แทนตัวตนของผู้ถือครองด้วยว่าเป็นคนระดับไหน
แล้วเขานั้นยังใจกล้าหน้าด้านไปหาเรื่องกับคนที่มีบัตรระดับนี้
หากว่าคนระดับนี้ต้องการทําอะไรเขาล่ะก็เขาทําได้เพียงนอนรอความตายเท่านั้น
แต่ในเมื่อเรื่องมาถึงระดับนี้แล้วสิ่งที่เขาทําได้มีเพียงวิธีการเดียวคือการกราบการร้องขอชีวิต
เขานั้นต้องหาวิธีการบางอย่างที่จะทําให้เขานั้นสามารถขอโทษชายตรงหน้าที่ถือบัตรนี้อยู่ให้จงได้
อีกฝากฝั่งหนึ่งนั้น พนักงานสาวที่ยืนอยู่ข้างๆเจียงฮ่าวเองก็รู้สึกได้ว่าท่าทีของผู้จัดการร้านของเธอนั้นเปลี่ยนไป แม้แต่ฮ่าวเจี้ยนเองก็ยังเปลี่ยนไปเมื่อได้เห็นบัตรนี้
นี่จึงทําให้เธอหันไปมองบัตรที่มีสีดําประกายทางคาดเพชรที่ดูงามสง่า ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจและจริงจังยิ่งกว่าเดิม
เธอคุ้นๆกับบัตรใบนี้แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก
อย่างไรก็ตาม หยูเจียหรงที่อยู่ข้างๆฮ่าวเจี้ยนไม่ได้สังเกตุสีหน้าของทั้งสองคนที่เปลี่ยนไปเมื่อเห็นบัตรนี้แต่อย่างใด
จะให้บอกตรงๆคือเธออยู่ในระดับชั้นที่ไม่มีสิทธิที่จะได้รู้จักบัตรใบนี้
“พรู้ด”
เธอมองที่เจียงฮาวที่ในตอนนี้กําลังจ้องมองเธอด้วยสายตาที่เย็นชาและได้สบถออกมา
“ไอ้ยาจก เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วยังแกล้งจะทําเป็นคนมีตั้งอยู่อีกเหรอ”
“ใครจะไปกลัวกับอีแค่บัตรสมาชิกร้านเกมแบบนั้นกัน”
“คนอย่างแกนี่มันช่างหน้า…”
“หุบปาก”
“ป้าบบบ…”
ก่อนที่หยูเจียหลงจะได้พูดจบประโยค ฮ่าวเจี้ยนที่ได้ยืนอยู่ข้างๆก็ได้ตะคอกออกมาด้วยน้ําเสียงเย็นชาและตบหน้าไปหนึ่งฉาดใหญ่