Chapter 132 – มาเยี่ยม
ระหว่าง เอริค กับ ครูส บรูกชีลล์ นั้นชอบคนแรกมากกว่า ถ้าหลังจากวันนี้ เอริค ไม่ได้พูดอะไร บรูก ก็ไม่รังเกียจที่จะกินข้าวกับ ทอมครูส อย่างน้อยเธอก็จะได้มีเส้นสายบ้าง
แม้ว่าเธอจะเริ่มแสดงหนังตอนอายุ 12 ปีแต่เธอก็ยังไม่ได้เข้าวงการฮอลลีวูดเต็มตัวแต่ที่สำคัญกว่านั้นเธอน่ะไม่อาจเติบโตในวงการนี้ในการพัฒนาเส้นสายเพราะหนังส่วนมากของเธอน่ะล้มเหลว
ในปี 1981 บรูกชีลล์ ที่อายุได้ 15 ปีได้พบกับ ไมเคิลแจ็กสัน ราชาเพลงป็อป ทั้งคู่ได้กลายเป็นเพื่อนสนิทกันและเธอถึงกับฝันในการแต่งงานกับเขา หลังจากที่โตแล้วเธอก็ยอมรับกับสื่อว่าเธอคิดว่ามีโอกาสมากที่เธอจะได้แต่งงานกับ ไมเคิลแจ็กสัน และหมดความสนใจในอาชีพนักแสดงไป
แต่หลังจากผ่านมาหลายปีเธอก็พบว่าตั้งแต่แรกนั้น แจ็กสัน ปฏิบัติต่อเธอเหมือนกับเพื่อที่ดีและใจของ แจ็กสัน ยังคงเป็นเด็กและยังไม่คิดถึงเรื่องแต่งงาน แม้แต่ครอบครัวเขาก็ค้านที่เขาจะแต่งงานกับเธอ
หลังจากที่ฝันนั้นพังทลาย บรูกชีลล์ ก็วางแผนอนาคตของตัวเอง เทียบกับความเด็กของ แจ็กสัน แล้ว บรูกชีลล์ นั้นเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากในหลายปีมานี้และเธอรู้ว่าข้อดีที่สุดของเธอคืออะไร
เมื่อได้ยินคำตอบของเธอ ครูส ก็ยังพูดด้วยท่าทีขอบคุณ – “ ไม่มีปัญหา หวังว่าจะได้ยินข่าวดีนะ “
หลังจากที่พูดคุยกันไม่นาน พวกเขาก็ได้ยินบอกให้เตรียมพร้อม
—- —-
เอริค ที่นั่งอยู่หน้ามอนิเตอร์มองไปยัง บรูก ที่เช่นเป็น โยโย่ เธอยิ้มและพูดขึ้นมา – “ นายชื่ออะไร ?”
เมื่อไม่ได้คำตอบ โยโย่ ก็ไม่ได้โกรธและแนะนำตัวเองก่อน – “ ฉันชื่อ โยโย่ “
“ หยุด ! “ – เอริค ส่งเสียงหงุดหงิดออกมาแล้วลุกขึ้นยืนชี้ไปที่ บรูก และพูดขึ้น – “ สงสัย สงสัย ฉันบอกเธอหลายครั้งแล้ว เธอสงสัยเรื่อง แอนดี้ ทำตาให้เบิกกว้างไว้ ลองอีกครั้ง ! “
ทุกคนในสตูดิโอต่างก็รู้สึกว่า เอริค กำลังจะระเบิด ตากล้องที่กลัวเริ่มกล้องใหม่และมองไปที่ บรูกชีลล์ ด้วยความเป็นห่วงหวังว่าสาวสวยจะไม่ทำผิดแบบเดิมอีก
“ นายชื่ออะไร ?….ฉันชื่อ โยโย่ “
“ รู้แค่ว่าฉันไม่ได้ดีสำหรับเธอก็พอ “
“ ฉันอ่านหนังสือพิมพ์วันนั้นมาและรู้สิ่งที่นายทำ “
“ ขอบคุณ “
“ ไม่เป็นไร “
“ โชคร้ายที่ฉันไม่มีเวลา “ – แอนดี้ พูดขึ้นเศร้าๆพร้อมกับพยายามจิบน้ำจากแก้ว เขาเริ่มที่จะไอออกมาอย่างแรง
“ เราเจอกันตอนอื่นก็ได้ถ้านายไม่มีเวลาตอนนี้ “- เธอพูดขึ้นมาพร้อมกับอาการไอของ แอนดี้ที่นักขึ้นและเลือดก็เริ่มออกมาจากปากเปื้อนแก้วของเขา ตาของ บรูก เบิกกว้างและปากของเธออ้าออกราวกับว่าเธอช็อกและโชคดีที่ครั้งนี้เธอไม่ได้คิ้วขมวด
“ หยุด นี่เกือบจะสมบูรณ์แบบแล้วแต่โชคร้ายที่สีหน้ากลัวของเธอน่ะยังไม่เป็นธรรมชาติพอ มันยังมีเวลา มาทำมันอีกรอบ “ – เอริค พูดขึ้นมาพร้อมกับสีหน้าที่ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
หลังจากที่ถ่ายอีกรอบ เอริค ก็ยังไม่พอใจเพราะครั้งที่แล้ว บรูก ได้คิ้วขมวดออกมา มันชัดสำหรับเขาแล้วว่ามันคงยากที่ บรูก จะเอาชนะท่าทางตอบโต้ทางธรรมชาติของเธอได้ เอริค ยอมแพ้และสั่งพักเพื่อจะได้ลองใหม่หลังจากมื้อเที่ยงแล้ว
ในตอนที่เขาลุกขึ้นเพื่อไปกินมื้อเที่ยง อลัน ก็เดินเข้ามาและพูดขึ้น – “ เอริค คุณจูเลียจ รอนายอยู่ด้านนอก เพราะเธอไม่มีบัตร เธอเลยเข้ามาไม่ได้ “
“ จูเลีย ? “ – เอริค ถามออกมาอย่างสงสัย – “ จูเลียโรเบิร์ต ?”
“ ใช่ “ – อลัน ตอบกลับ
“ ไม่ใช่ว่าเธออยู่หลุยเซียน่ารึไง ?”
อลัน ตอบกลับด้วยน้ำเสียงกวนๆ – “ บางทีเธออาจจะกลับมาเพราะนายได้รับบาดเจ็บก็ได้ “
เอริค ยักไหล่และไม่สนใจก่อนจะเดินออกจากสตูดิโอไป
และในตอนที่ เอริค เข้าไปใกล้ ประตูรถก็เปิดออกและ จูเลีย ที่ใส่ชุดกับแว่นดำก็เดินออกมาตามมาด้วยผู้ช่วยของเธอกับผู้ชายสองคนที่ดูเหมือนคนคุ้มกันที่ตามเธอลงมา
เกือบจะพร้อมกันนักข่าวเจ็ดคนที่รออยู่นานด้านนอกก็เริ่มถ่ายรูป จูเลีย และถามคำถามกับเธอ
“ สวัสดี แม่ดารา ! “ – เอริค ตะโกนออกมาตอนที่ไปใกล้ซึ่งทำให้คนรอบๆหัวเราะออกมา
“ สวัสดีผู้กำกับใหญ่ ! “ – จูเลีย ค้อนกลับ
จากนั้นทั้งคู่ก็กอดทักทายกันซึ่งทำให้เสียงกล้องของนักข่าวดังขึ้นมา จากนั้นก็พากันแห่เข้ามาแล้วเอาเครื่องอัดเสียงมาจ่อที่หน้า จูเลีย กับ เอริค พร้อมถามว่าทำไมเธอถึงกลับมา LA และหนังเรื่องใหม่ไปถึงไหน แน่นอนว่าพวกนั้นไม่ลืมถาม เอริค เรื่อง Running Out of Time
เธอมองไปยังบอร์ดี้การ์ดและผู้ช่วยเพื่อขอความช่วยเหลือ จูเลีย เลือกจะไม่ตอบคำถามและรีบกลับไปในรถพร้อมกับ เอริค แล้วขับออกไป นักข่าวต่างก็รีบขึ้นรถของตัวเองแล้วตามไปทันที
ที่ประตูสตูดิโอ บรูกชีลล์ ที่ออกมากินข้าวเที่ยงในร้านอาหารฝั่งตรงข้ามเห็นทั้งคู่ออกไป เธอรู้สึกอิจฉาอยู่ลึกๆ บรูก นั้นโด่งดังมานานแต่เธอกลับไม่ได้โดนนักข่าวไล่ตามแบบนี้ จูเลีย นักแสดงที่เพิ่งเป็นที่รู้จักแค่ไม่กี่เดือนกลับได้รับความสนใจแบบนั้นได้ง่ายๆ
บรูก ที่รู้สึกพ่ายแพ้ได้มองไปรอบๆยังที่ที่มักจะมีนักข่าวรออยู่ด้านนอกเพื่อสัมภาษณ์การแสดง Running Out of Time แต่เมื่อ จูเลีย กับ เอริค ออกไป ที่นี่ก็ไม่เหลือนักข่าวเลยสักคน
คนเดียวที่เหลืออยู่ก็แค่นายอ้วนที่มองมาที่ขาของเธอซึ่งทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดและรังเกียจแต่หลังจากที่คิดถึงชื่อเสียงของ จูเลีย แล้ว เธอก็มีแรงกระตุ้นขึ้นมาอีกรอบ
“ บางทีฉันน่าจะอดทนมากกว่านี้ “ – บรูก พึมพำออกมาเบาๆและตัดสินใจที่จะปฏิเสธคำเชิญของ ครูส แม้ว่า ทอมครูส จะเป็นดาราดังแต่ยังไงซะเขาก็แค่นักแสดง เทียบกับ เอริค ที่เป็นผู้กำกับหนุ่มแล้ว ครูส นั้นให้โอกาสแบบเดียวกันนั้นกับเธอไม่ได้
บวกกับถ้ามีข่าวลือของเธอกับ ครูส การได้รับชื่อเสียงคงเป็นไปไม่ได้เพราะ ครูส นั้นแต่งงานแล้ว ข่าวลือพวกนั้นมีแต่จะส่งผลเสียกับเธอ ถ้า เอริค ยังทำตัวแบบเดิมตอนที่เธอถ่ายหนังจบ บรูกชีลล์ ได้ตัดสินใจว่าจะยอมแพ้ในตัวเขา
—- —-
“ สองคนนี้คือ ฮันเตอร์ กับ คริส “ – จูเลีย ที่นั่งเบาะหลังได้แนะนำ เอริค ให้รู้จักคนขับและบอร์ดี้การ์ดของเธอด้วยน้ำเสียงภูมิใจ อลิสันกรีน ที่ทำงานเป็นผู้ช่วย จูเลย นั้นอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมากับนิสัยเด็กๆของ จูเลีย
จูเลีย เคาะหน้าผากผู้ช่วยเพราะความอายและพูดขึ้นมา – “ อลิสัน ฉันสาบานว่าฉันจะหักเงินเดือนเธอ “
เอริค หัวเราะและยื่นมือไปกดปุ่มกระจกกั้นระหว่างส่วนหน้ากับส่วนหลัง จากนั้นเขาก็เริ่มพูดขึ้นมา – “ ฉันรู้แล้วว่าเธอน่ะเป็นดาราดังแต่เราจะไปไหน ? “
“ ไม่ไกล ฉันได้จองร้านอาหารเอาไว้ อีก 5-6 นาทีเราก็ถึง นายสบายใจได้ว่านายจะไม่พลาดงานในตอนบ่าย “
จากนั้นเธอก็ชี้ไปที่ผ้าพันแผลที่พันรอบหัวของเขาแล้วถามออกมา – “ ตอนได้ยินข่าว ฉันช็อกมาก เกิดอะไรขึ้น ? “
เอริค มองไปที่สาวๆทั้งสองก่อนแล้วพูดขึ้นมา – “ ก่อนที่ฉันจะพูดอะไร อลิสัน ฉันต้องการให้เธอรับปากว่าจะไม่เผยเรื่องนี้ให้คนนอกรู้ ถ้าเธอทำ เธอต้องโดนดีแน่ “
อลิสัน พยักหน้าและพูดขึ้น – “ แน่นอน ฉันไม่ทำแน่ คุณไว้ใจฉันได้ “ – เธอรู้แล้วว่ามีอะไรระหว่าง จูเลีย กับ เอริค และในใจเธอนั้นเธอเองก็หวังว่าทั้งสองจะลงเอยกัน เธอหวังว่าทั้งคู่จะใกล้ชิดกันมากกว่าเดิม