I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลีวูด – ตอนที่ 134

Chapter 134 – โชว์อันเฉือดเฉือน

“ สวัสดี ทอม “ – เอริค ต้อนรับ ทอมแฮงค์ อย่างอบอุ่นตอนที่อีกฝ่ายเข้ามาในสตูดิโอ เทียบกับ ครูส ที่มักจะทำตัวสุภาพตอนที่คุยกับทีมงานแล้ว เอริค เลือกที่จะพูดดีๆกับ แฮงค์
“ สวัสดี เอริค ฉันไม่ได้มาสายใช่มั้ย ?” – แฮงค์ ถามออกมาพร้อมกับกอดทักทาย เอริค
“แน่นอนว่าไม่ “ – เอริค พูดขึ้นมาและพยักหน้าให้กับผู้ช่วยของ แฮงค์ และหันกลับไปหา แฮงค์ แล้วพูดขึ้นมา – “ มันต้องใช้เวลา 15 นาทีกว่าจะจัดฉาก มันน่าจะพอให้นายแต่งหน้าได้ “
ทั้งสองคนคุยกันพร้อมกับเดินไปที่ห้องแต่งตัวแต่ไม่นานพวกเขาก็หยุดให้ แฮงค์ ทักทายกับทีมงานคนอื่น
แฮงค์ มองไปรอบๆด้วยความสงสัยและกระซิบกับ เอริค – “ ครูส ไปไหน ? “
“ บางทีเขาอาจจะไปแต่งหน้า “ – เอริค ตอบกลับเบาๆ
ในการเจอกันก่อนหน้านี้ แฮงค์ ก็ไม่ได้ประทับใจในตัว ครูส เท่าไหร่ เขาพบว่าอีกหยิ่งทะนง  ครูส ทำตัวสุภาพแต่ในเวลาเดียวกันมันก็รู้สึกแค่ว่า ครูสน่ะแค่ทำท่าเป็นคนดี
แฮงค์ ไม่ได้แต่งหน้านานนัก เขาออกมาก่อนที่ทีมงานจะจัดฉากใหม่เสร็จด้วยซ้ำ
หลังจากที่จัดฉากในผับแล้ว ช่างภาพ นิโคล ก็ได้ไปหา เอริค ที่ซึ่งกำลังคุยกับ แฮงค์ และ ครูส อยู่ – “เอริค นายน่าจะมาดูนี่กับฉันหน่อย “
เอริค ขอตัวจากทั้งสองและตาม นิโคล ไปที่มุมหนึ่งของผับที่ซึ่งเป็นจุดวางกล้อง
“ เอริค นายดูนี่ ฉันต้องกวาดกล้องไปเร็วๆแต่ฉันทำได้แค่ยืนรออยู่กับที่ในการถ่าย  “- นิโคล บอกอย่างกระอักกระอ่วนให้ เอริค ฟัง – “ นายเห็นนิว่ามันยากในการถ่ายจากตำแหน่งนี้ “
แม้ว่า  เอริค จะไม่ได้เชี่ยวชาญเท่ากับ นิโคล แต่เขาก็ยังมีทักษะในการถ่ายอยู่บ้าง เขาจึงเดินไปข้างหน้าแล้วลองขยับกล้องดูเองและพบว่ามันยจากที่จะควบคุม  เอริค สรุปได้ว่าที่ที่ดีที่สุดในการวางกล้องนั้นมีกำแพงตั้งไว้อยู่แล้ว
“ นิโคล นายหมายความว่าไง ?” – เอริค ถามขึ้นมาตอนที่เดินออกจากกล้อง
“ ฉันลองทำดูไม่กี่ครั้ง นี่คือมุมที่สุดที่ฉันหาได้และมันก็ไม่ค่อยได้ผลด้วย “ – นิโคล ชี้ไปที่กำแพงด้านหลัง – “ งั้นเราเอากำแพงนั่นออกได้มั้ย “
“ ลองดูก่อน “ – เอริค พูด  เขาไม่ได้สนกับการทุบกำแพงทิ้ง ยังไงซะนี่ก็เป็นสตูดิโอไม่ใช่สถานที่จริงและ Columbia ก็ต้องยอมร่วมมือแน่ๆแต่พวกเขาก็ต้องเสียเวลาไปอย่างน้อยสัก 2-3 ชม.
“ ได้  “- นิโคล พยักหน้า – “ มาเริ่มกันเลย “
ฉากในร้านอาหารนี้มีสามฉาก ฉากแรกคือการกินมื้อเช้าแยกกันทีเหมือนกับคนแปลกหน้า แน่นอนว่าตามเนื้อเรื่องแล้วตอนนี้ แอนดี้ เริ่มสนใจ ชอร์น ที่ซึ่งไม่รู้ตัว  ฉากที่สองนั้นคือทั้งสองเดินผ่านกันที่ซึ่ง แอนดี้ ได้เขียนเลข 13 บนกระดาษทิ้งไว้ให้กับ ชอร์น  ฉากที่สามเป็นฉากยาวที่สุด เขาต้องใช้เวลามากกว่านาทีในการกล่อม ชอร์น เพื่อให้ตำรวจนี้ร่วมมือกับเขาในการจับกุมคนร้ายแทนที่จะบอกว่าแก้แค้นให้กับการตายของพ่อ
“ Running Out of Time ฉาก 12  แอ็คชั่น ! “
ชอร์น มองไปที่หนังสือพิมพ์พร้อมกับกินเค้กไปด้วย เมื่อได้ยินเสียงประตูร้านเปิด ชอร์น ก็เงยหน้าขึ้นมาตามธรรมชาติและกลับมามองที่หนังสือพิมพ์ของตัวเอง
“ ดี ! “ – เอริค ชูนิ้วโป้งให้กับ แฮงค์  ส่วนต่อมาคือส่วนที่ ครูส กินบางอย่างอยู่พร้อมกับมองไปที่ทีวีด้วยสีหน้าสับสน ฉากนี้ไม่ได้ยากมากมายสำหรับ ครูส ดังนั้น เอริค จึงชม ครูส ไปด้วย
ในฉากเดิม ทีวีนั้นกำลังฉายการ์ตูนอยู่ซึ่งเป็นการ์ตูนที่เขาชอบในตอนเด็กแต่เพราะเขามีเวลาแค่ 4 อาทิตย์กับชีวิตที่เหลือ ทุกครั้งที่เขาเห็นภาพคุ้นเคย เขาจะเศร้าและรู้สึกสลด
ในฉากนี้ เอริค ไม่ตั้งใจจะเอาการ์ตูนอะไรก็ได้มาฉายบนทีวี เขาตั้งใจจะใช้ฉากจากเรื่อง Friends แทน
แม้ว่า Friends จะยังไม่มีแต่ เอริค วางแผนที่จะถ่ายมันหลังจากที่ The Others และ Scent of a Woman ออกฉายแล้ว บางทีอาจจะในเดือนเมษายน ตราบใดที่เขาสามารถหานักแสดงหลักทั้งหกของเรื่อง Friends ได้ เขาก็มีเวลามากมายในถ่ายตัวอย่างละครนี้
การประชาสัมพันธ์หนังใหม่นี้ Firefly จะปล่อยข่าวให้กับสื่อว่าหนังนี้ถ่ายโดย เอริค ซึ่งปรากฏในเรื่อง Running Out of Time  นี่จะเป็นการโฆษณาที่ดีซึ่งเป็นการโปรโมตหนังและละครไปด้วยซึ่งมีแต่ผลประโยชน์ให้กับทั้งสองเรื่อง
หลังจากถ่ายฉากทั้งสองเสร็จแล้ว ส่วนที่ยากที่สุดก็เริ่มขึ้น
เอริค มองไปที่มอนิเตอร์  นิโคล ที่อยู่ประจำกล้องได้ถ่ายไปที่หน้าของ แฮงค์ จากนั้นก็เหวี่ยงกล้องไปที่ ครูส อย่างรวดเร็ว   เอริค ที่จ้องมอนิเตอร์นั้นรู้สึกได้อย่างชัดเจนจึงความพร่ามัวของกล้อง
แม้ว่า นิโคล จะสามารถทำให้กล้องจับไปที่หน้าของ ครูส ได้อย่างแม่นยำแต่  เอริค ที่ซึ่งไม่พอใจก็ได้ตะโกนคัทออกมา
หลังจากนั้น นิโคล ก็ได้ลองใหม่ถึง 6 รอบติดแต่ผลลัพธ์ก็ยังล้มเหลวเหมือนเดิม  เอริค รู้เหตุผลว่าทำไม นิโคล ทำไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงให้ นิโคล ลองใหม่อีกรอบโดยไม่ได้ว่าอะไร
แต่หลังจากที่พลาดมา 11 ครั้ง ในที่สุด ครูส ก็หมดความอดทน  เขากินเค้กไปหลายก้อนแล้ว เขารู้สึกว่านี่เป็นฉากง่ายๆ ดังนั้นเขาจึงไม่เข้าใจว่าทำไมต้องถ่ายใหม่ซ้ำเยอะแบบนี้
ในตอนที่ทีมงานได้เอากล้องกลับไปที่เดิม ครูส ก็ได้ลุกขึ้นยืนและมองค้อนไปที่ นิโคล ที่ซึ่งตอนนี้เหงื่อชุ่มไปทั้งตัวและพูดกับ เอริค – “เอริค ฉันแนะนำตากล้องที่เก่งกว่านี้ให้นายได้นะ “

ครูส ไม่ได้พูดเบา เขาพูดมันออกมาต่อหน้าทุกคนราวกับว่าพยายามทำให้ นิโคล ต้องอาย
เพราะสถานที่ที่มันแย่และการถ่ายอย่างต่อเนื่องถึง 10 ครั้ง นิโคล จึงเริ่มปวดข้อมือขึ้นมา เขาไม่คิดว่าหลังจากที่เขาพยายามอย่างหนักแล้วเขาจะได้รับผลตอบรับแบบนี้ เขาต้องการมองไปที่ ครูส แต่เขากลัวว่าการทำแบบนั้นมันจะทำให้ เอริค ต้องตกที่นั่งลำบาก ดังนั้นเขาจึงได้แต่ยืนอยู่กับที่อย่างหมดหนทาง
ทีมงานจำนวนมากต่างก็ไม่พอใจกับท่าทีของ ครูส  พวกเขาร่วมงานกับ นิโคล มาหลายปี และรู้ว่า นิโคล เก่งแค่ไหน
แม้ว่าจะผ่านการถ่ายหนังที่ล้มเหลวมาสิบเรื่องแต่พวกเขาเข้าใจว่ามันยากแค่ไหนที่ นิโคล จะถ่ายจากตำแหน่งนั้น ดังนั้นพวกเขาจึงอดทนให้ นิโคล ลองถ่ายใหม่
ในสายตาของทุกคน  เอริค รู้ว่าเขาต้องรับมือกับสถานการณ์นี้ด้วยความระวัง ไม่งั้นแล้วสถานการณ์ทั้งหมดคงกระอักกระอ่วนสำหรับทีมงานและนักแสดง  มันจำเป็นที่ต้องสนใจความรู้สึกของ ครูส และในเวลาเดียวกันก็ต้องไม่ให้ทีมงานไม่พอใจเขาด้วย
หลังจากที่คิดสักพัก  เอริค ก็ลุกขึ้นยืนและเดินไปที่กล้อง เขาอธิบาย กับครูส ว่าทำไมมันถึงยากนัก
ในตอนที่ ครูส ฟังคำอธิบาย เขาก็ตระหนักได้ว่าตัวเขาเข้าใจ นิโคล ผิด  เขายักไหล่แล้วยิ้มให้กับตากล้องและพูดขึ้นมา – “ ฉันขอโทษ มาถ่ายต่อกันเถอะ “ – จากนั้นเขาก็กลับไปที่นั่งของตัวเอง
เอริค ตบไหล่และกระซิบกับ นิโคล – “ ลองดูอีกสัก 2-3 รอบ ถ้านายทำไม่ได้ งั้นก็ค่อยพังกำแพงนั้นทิ้ง “
นิโคล รู้ว่า เอริค ได้อธิบายเหตุผลกับ ครูส เป็นการส่วนตัวไม่ใช่ต่อหน้าทุกคน ยังไงซะ ครูส ก็เป็นดาราดัง เมื่อเห็นว่า เอริค ปกป้องเขา เขาก็รู้สึกซาบซึ้งกับ เอริค  เขาไม่ได้รังเกียจกับคำขอโทษที่ไม่จริงใจของ ครูส เลย
นิโคล พยักหน้าตอบรับ – “ ฉันจะทำให้ดีที่สุด “
แม้ว่าเรื่องบาดหมางเล็กๆนี่จะแก้ปัญหาไปแล้วแต่ในใจคนก็มีความขุ่นเคืองกันแล้ว  ตอนแรกทีมงานอยากที่จะร่วมงานกับ ครูส แต่หลังจากเรื่องนี้แล้วส่วนมากไม่คิดจะทำงานกับเขาอีก
บางทีเพราะโชครึบางเหตุผล ในความพยายามครั้งที่สอง นิโคล ก็ทำมันได้สำเร็จ ตอนที่ เอริค ตะโกนบอกว่าดี คนจำนวนมากอดไม่ได้ที่จะปรบมือ
นิโคล รู้สึกโล่งและเริ่มนวดแขนซ้ายที่ปวดของตัวเอง
—— ——
ฉากที่สองผ่านไปอย่างรวดเร็วและสุดท้ายการพูดคุยครั้งแรกของนักแสดงทั้งสองก็เริ่มถ่ายเป็นครั้งแรก
“ นายมาเร็วนะ นักสืบ “- สาวเสิร์ฟทักทาย ชอร์น อย่างอบอุ่นในตอนที่เธอเห็นเขาเดินเข้ามาในร้าน
“ ใช่ ฉันมีเดตน่ะ “ – ชอร์น ตอบกลับและเดินไปที่บาร์
แอนดี้ ยิ้มออกมาในตอนที่ได้ยินคำพูดของ ชอร์น เพราะหลายวันมานี้อดีตตำรวจผู้มีอำนาจนี้ไล่ตามจับเขาไปทั่วทั้งเมือง
แอนดี้จิบน้ำในแก้วและพูดขึ้นมา – “ นั่งสิ  “
ชอร์น นั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามกับ แอนดี้ และเอารูปออกมาจากกระเป๋าเสื้อก่อนจะว่างไปที่โต๊ะแล้วพูดขึ้นมา – “ นายคาดการณ์ได้แม่นดี คุณโลว์ “
“ นายไปเช็คมันดูรึยัง ? “ – แอนดี้ ถาม
“ นายได้ขโมยเพชรและนายแก้แค้นให้กับพ่อแล้ว ดังนั้นทำไมนายถึงต้องการอยากเจอฉันอีก ?”
“ ฉันบอกนายก่อนแล้ว เกมนี้กินเวลา 3 วัน นายลืมแล้วรึไง ?”
ชอร์น ตบที่ตราตรงกระเป๋าตัวเองแล้วพูดขึ้นมา – “ ไม่ใช่วันนี้ นายน่ะไม่ได้เป็นคนสั่งอีกแล้ว จำได้มั้ยว่าฉันเป็นตำรวจ “
… …
หลังจากที่การพูดคุยของนักแสดงทั้งสองจบลง เอริค ก็ตะโกนบอกให้หยุด
“ ครูส รอยยิ้มนายควรจะเหน็บแนมมากกว่านี้ “ – เอริค พูดถึง ครูส ก่อนและบอกความเห็นตัวเองและบอกถึงสิ่งที่เขาต้องการเห็นจาก ครูส
จากนั้นเขาก็หันไปหา แฮงค์  – “ แฮงค์ ตอนนายได้ยินคำเยาะเย้ยของ แอนดี้ นายต้องแสดงท่าทีอายแต่นายก็มีเกียรติของตัวเอง นายต้องเพิ่มภาษากายเข้าไป อย่างการพยักหน้าเพื่อปกปิดความอายของตัวเอง “
“ ได้ เอริค ฉันจะระวัง “ – แฮงค์ พยักหน้า

I’m in Hollywood ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลีวูด

I’m in Hollywood ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลีวูด

我就是好莱坞
Score 7.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2015 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง I’m in Hollywood ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลีวูดผู้กำกับหนังได้กลับมาเกิดในปี 1988 ที่ฮอลลีวูดในฐานะเด็กชายชาวตะวันตกวัย 18 ปีที่ชื่อ เอริควิลเลียม จากนั้นเขาก็เริ่มเขียนบนทหนัง เพลงและรายการทีวีขึ้น แล้วกลายเป็นผู้กำกับที่เก่งในทุกด้านของวงการบันเทิง ชนะใจของดาราสาวทุกคนและเข้าสู่เส้นทางตำนานผู้กำกับแห่งฮอลลีวูด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset