Chapter 140 – ฉันอยากได้สาวใช้
ในห้องทำงาน เอริค ชื่นชมความสวยของเธออยู่สักพัก ตาของเขาเริ่มพร่าวมัวและอดไม่ได้ที่จะคิดถึงการหย่าในชีวิตที่แล้ว มันน่าจะเป็นปีต่อไป แม้ว่า เอริค ตอนนั้นไม่ได้สนใจข่าวพวกนี้แต่ ทอมครูส กับ นิโคลคิดแมน ก็โด่งดังจริงๆ เมื่อเขาอยู่ในแวดวงนี้แล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ได้ยินเรื่องข่าวแบบนี้
แต่จนกระทั่งที่ทั้งสองหย่ากันอย่างเป็นทางการ เหตุผลเบื้องหลังของการหย่านั้นไม่ได้ถูกเปิดเผยออกมาและก็มีข่าวลือออกมาเต็มไปหมด
สิ่งที่น่าสนใจที่สุดที่ เอริค ได้ยินมาคือทั้งสองหย่ากันเพราะ คูบริค ในหนังเรื่อง Eyes Wide Shut เพราะ คูบริค ได้ให้ นิโคล เล่นกับนักแสดงที่ชื่อ แกรี่คูบ้า ในหนัง ความสัมพันธ์ของทั้งสองได้ทำให้เกิดความบาดหมางขึ้นมา ด้วยนิสัยของ คูบริค เอริค คิดว่ามันน่าจะเป็นแบบนั้นแต่ คูบริค แค่คนโง่ไม่ใช่คนบ้า จากความจริงเรื่องนี้ไม่น่าเปิดเผยกับ ครูส ได้ และข่าวนี้ค่อยเป็นที่พูดถึงหลังจากการหย่าด้วย
สองปีก่อนที่จะหย่ากัน สาวใช้ของครูสได้บังเอิญเผยกับสื่อว่าทั้งสองคนเข้ากันไม่ค่อยได้ตอนที่อยู่ที่บ้านและไม่ค่อยได้พูดคุยกันนัก หลังจากที่สาวใช้คนนี้โดนฟ้อง ทั้งสองคนก็แสดงตัวกับสื่อเพื่อรักษาภาพลักษณ์แต่สองปีต่อมาทั้งสองก็กลับหย่ากัน
สื่อตอนนั้นพากันเดาเหตุผลในการหย่า ตอนแรกบางคนคิดว่า นิโคล นั้นได้อนุญาตให้ ครูส นอกใจเธอได้และลูกในท้องสามเดือนของเธอน่ะก็ไม่ใช่ลูกของ ทอม เอริค คิดว่ามันน่าจะเป็นแบบนั้นเพราะทิ้งไว้แต่เสื้อผ้าที่บ้านและตามธรรมเนียมของยุโรปเธอจะได้ทรัพย์สินไปครึ่งหนึ่ง ตามกฎแคลิฟอร์เนียบอกว่าหลังจากที่แต่งงานมา 10 ปี เธอจะได้รับทรัพย์สินครึ่งหนึ่งแต่ นิโคล กลับเซ็นใบหย่าก่อนวันครบรอบสิบปี ในตอนที่ จอร์จลูคัส หย่ากับภรรยา เขาได้เสียเงินไปจำนวนมากและต้องขาย Pixar อันที่จริงแล้ว นิโคล ควรที่จะได้เงินครึ่งหนึ่งจาก 360 ล้านที่ ครูส มีแต่บอกกันว่าเธอได้ย้ายออกมาพร้อมภาพเขียนเพียงใบเดียว
ในตอนนั้นที่ออฟฟิศ นิโคลคิดแมน เห็นสีหน้าเศร้าของ เอริค และเกิดความไม่พอใจเล็กน้อย ฉันไม่น่าดึงดูดรึไง ? ชายที่อ่อนกว่าเธอถึงสามปีถึงไม่ได้สนใจ
หลังจากที่เงียบไปไม่กี่นาที นิโคล ก็อดทนไม่ไหวแล้วพูดขึ้นมา – “ เอริค ? “
“ โอ้ โทษทีนะ นิโคล ฉันนึกบางอย่างอยู่ “ – ในที่สุด เอริค ก็ได้สติ เขายิ้มขอโทษ นิโคล และถามออกมา – “ นิโคล เอกสารบอกว่าเธอเป็นไปได้ด้วยดีในออสเตรเลีย ทำไมเธอถึงได้ย้ายมาฮอลลีวูดล่ะ ?”
“ นักแสดงทุกคนต่างก็อยากพิสูจน์ตัวเองในฮอลลีวูดและฉันก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ฉันหวังว่าฉันจะพัฒนาตัวเองในฮอลลีวูดได้ดีขึ้น “
“ มันไม่ใช่เรื่องง่าย เธอยังไม่เคยถ่ายหนังฮอลลีวูดมาก่อนและถ้าเธอต้องการพิสูจน์ตัวเอง เธอก็ไม่ควรมาออดิชันบทในละครทีวี “
“ ฉันแค่…หาบทที่เหมาะไม่ได้ “ – นิโคล หาเหตุผล – “ ฉันคิดว่ารายการทีวีน่าจะดี ดังนั้นฉันเลยมาลองดู “
นิโคล อาจจะต้องการบทในหนังแต่เธอไม่มีโชค เธอมาที่ฮอลลีวูดตอนต้นปี มันก็เหมือนกับนักแสดงใหม่คนอื่นๆ เธอมาที่ศูนย์กลางของการถ่ายทำภาพยนต์ หลายเดือนต่อมาเธอได้เข้าร่วมการออดิชันหลายที่แต่ได้แค่บทในหนังเรื่องเดียว มันเป็นบทตัวประกอบที่เธอนับเป็นแจกันไม่ได้ด้วยซ้ำ สุดท้ายเธอก็หันมาสนใจละคร จากทีวีพัฒนาไปหนัง มันคือเส้นทางของดาราฮอลลีวูดหลายคน
อยู่ๆ เอริค ก็คิดถึงหนึ่งอย่างและถามออกมาด้วยความสงสัย – “ นิโคล เธอมาฮอลลีวูดคนเดียวเหรอ ?”
“ ใช่ “ – นิโคล ตอบกลับและรู้สึกสับสนเล็กน้อย
เอริค พยักหน้า
หลังจากเงียบไปไม่กี่วินาที นิโคล ก็อดไม่ได้ที่จะถามคำถามในหัวออกมา – “ งั้น คุณผู้กำกับ ฉัน….ฉันจะได้บท ฟีบี รึเปล่า ?”
“ โทษทีนะ ไม่ บทนั้นเอาให้คนอื่นแล้ว “ – เอริค ส่ายหน้าและตอบตามความจริง
นิโคล อึ้ง นี่มัน…เกิดอะไรขึ้น ถ้าเป็นคนอื่นจะบอกว่ากำลังคิดรึไม่ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถ งั้นเธอก็ยังพอเข้าใจได้ว่าควรทำยังไงแต่เธอไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะบอกเธอมาตรงๆว่าบทนี้ยกให้กับคนอื่นไปแล้ว
เอริค เปลี่ยนท่านั่งให้สบายกว่าเดิมและอธิบาย – “ ฉันตัดสินใจเรื่องนี้กับโปรดิวเซอร์ เพราะเธอ เอิ่ม สวยเกินไป “
“ อ่ะ ?” – นิโคล อึ้งไป เธอไม่รู้ว่าต้องตอบยังไง
“ เมื่อเป็นแบบนั้น “ – เอริค นั่งหลังตรงและอธิบาย – “ ตามเรื่องแล้ว ฟีบี เป็นผู้หญิงขี้หงุดหงิด เธอถูกทิ้งโดยพ่อแม่ตั้งแต่ยังเล็ก หลังจากนั้นแม่เลี้ยงของเธอก็ฆ่าตัวตายและตอนอายุแค่ 14 เธอก็เดินทางมาที่นิวยอร์คและดิ้นรนก่อนที่จะมากลายเป็นหมอนวด “
“ มันเกี่ยวกับหน้าตาฉันด้วยเหรอ ?”
“ มันมีความสัมพันธ์ที่เยอะ “ – เอริค พูดต่อ – “ เธอคิดว่าถ้าเด็กสาวสุดสวยวัย 14 ปีอยู่บนท้องถนนนิวยอร์คโตมาและมีชีวิตธรรมดา เธอว่าผู้หญิงคนนั้นจะยังมีเพื่อนที่ดีอยู่รึเปล่า ?”
แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะ นิโคลคิดแมน เกิดมาในชนชั้นกลาง เธอจึงไม่ได้เห็นด้านมืดของสังคม ถ้า ฟีบี นั้นสวยมากๆ, มีโชค เธอก็จะหาผู้ชายดีๆแต่งงานและเป็นแม่บ้าน ยังไงซะความสวยก็ไม่ใช่ว่ามีอยู่ทั่วทุกที่ แต่ถ้าโชคร้าย คนเราจะจบลงด้วยความน่าอนาถ
“ เอริค ถ้าแบบนั้นทำไมนายถึงให้ฉันมารอที่นี่ ?”
“ เพราะ….ฉันสงสัย ฉันสงสัยเรื่องเธอ ฉันเลยอยากคุยกับเธอ “
“ แค่นั้น ? “ – เด็กสาวมองไปที่ เอริค เพราะเหตุผลนี้มันเกินกว่าที่จะรับได้
เอริค ยักไหล่แล้วลุกขึ้นยืน – “ แค่นั้น ฉันแค่ต้องการคุยกับเธอแต่มันดึกแล้ว นิโคล ฉันขอโทษที่ให้เธอรอนานแบบนี้ งั้นฉันเชิญเธอไปกินมื้อเย็นก็แล้วกัน “
“ ได้ “ – นิโคล ลุกขึ้นยืนด้วยความผิดหวัง เธอใส่ส้นสูงของเธอแล้วเดินออกจากออฟฟิศไปพร้อมกับ เอริค กอ่นจะเดินไปที่ชั้นล่างภายใต้สายตาของยาม
ในตอนที่กำลังกินอาหารที่ร้านใกล้ๆ เด็กสาวดูสีหน้าจริงจัง ดูเหมือนว่าเธอจะคับข้องใจ เอริค ยังคงกินและพูดคุยกับเธอราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลังจากที่ออกมาจากร้านอาหาร เอริค ก็ไปขึ้นรถของเขา นิโคล มองไปที่ เอริค หวังที่จะบอกราแต่สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะเปิดประตูไปนั่งฝั่งข้างคนขับ เธอเข้าใจดีว่าถ้าเธอพลาดโอกาสนี้ไป เธอจะต้องกลับไปออสเตรเลียแบบมือเปล่า
ในช่วงที่อยู่ที่นี่เธอได้เห็นการแข่งขันที่ดุเดือดมากมาย คนที่มีตำแหน่งสูงสุดที่เธอทำงานด้วยก็เป็นแค่ผู้กำกับที่ไม่ได้มีชื่อเสียงในฮอลลีวูด ความสามารถของเธอทำให้เธอได้รางวัลในออสเตรเลียมาแต่นั่นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฮลลลีวูด
“ นิโคล…” – เอริค มองเธอด้วยความสงสัย
“ คุณวิลเลียม ฉันต้องทำยังไงเพื่อให้ได้บท บอกฉันมาตรงๆได้มั้ย ? “- ในตอนที่เธอพูด ลมหายใจเธอเริ่มสั้นลลงและตาของเธอก็มองไปที่ เอริค อย่างโหยหา ตาของเธอดูมั่นคงแต่ก็ดูพร้อมที่จะเสียบางอย่าง
“ แต่บทมันถูกเลือกไปแล้ว” – เอริค ตอบกลับด้วยท่าทีแบบเดิม
“ งั้นทำไมนายต้องทำเรื่องพิเศษพวกนี้ อย่างการให้ความหวังฉัน งั้นก็บอกมา นายไม่คิดว่า….มันเกินไปหน่อยเหรอ ?”
“ ได้ ฉันขอโทษ ฉันทำมันเพราะ…เพราฉันสงสัย “
“ นายให้ผู้หญิงคนหนึ่งรอในห้องทำงานตั้งหลายชั่วโมงเพียงเพราจะพูดคุยเรื่องเล็กๆ 5-6 เรื่อง มันตลกเกินไปแล้ว นายคิดว่าใครจะเชื่อ ? “
“ อะไรนะ ? “ – เอริค เริ่มหมดความอดทนนิดๆ
เธอลังเลไปสักพักก่อนที่จะดึงแขนของ เอริค มาวางไว้ที่ต้นขาเธอ – “ คุณวิลเลียม ฉันรู้จักดีว่านายเป็นใคร นายคือผู้กำกับหนุ่มที่มีแววที่สุดในฮอลลีวูด ฉันได้ยินเรื่องนั้นมา….เรื่อง จูเลียโรเบิร์ต ดังนั้นนายจะให้โอกาสฉันได้มั้ย ? “
เอริค มองไปที่มือตัวเองที่วางไว้ที่ตักของเธอ เอริค รู้สึกได้ถึงความอุ่นที่ส่งผ่านมาที่มือเขา
“ หลังจาก Running Out of Time มันมีหนังที่เธอจะลองเล่นได้ มันเหมือนกับ Pretty Woman เป็นหนังรักตลก “ – สุดท้าย เอริค ก็พูดขึ้นมา
เธอจับมือ เอริค ไว้แน่นและแสดงสีหน้าตื่นเต้นออกมา
“ เธอรู้มั้ย ฉันยุ่งอยู่ตลอดเลย หนังจะเริ่มในอีก 7-8 เดือนรึอาจจะนานกว่านั้น “
“ ไม่มีปัญหา ฉันรอได้ “ – นิโคล ไม่ลังเลเลยสักนิด
เอริค ส่ายหน้า – “ นั่นไม่ใช่ที่ฉันจะสื่อ ฉันหมายถึงช่วงนี้ฉันยุ่ง ฉันเลยต้องการสาวใช้ในบ้าน “
“ อ่ะ “ – นิโคล อ้าปากขึ้นมาเล็กน้อย
ปากของ เอริค เปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม – “ ฉันยุ่งมาก ฉันต้องการคนช่วยฉันเตรียมอาหารแต่ปกติฉันไม่อยู่บ้านในตอนบ่าย ดังนั้นอาหารสองมื้อต่อวันก็พอแล้ว ยิ่งกว่านั้นครอบครัวฉันก็ต้องการคนมาทำความสะอาดห้องให้ ถ้าเธอต้องการ เธอมาเป็นสาวใช้ฉันจากเดือนพฤษภาคมจนถึงกันยายนได้ “
“ อ่ะ ! “ – นิโคล นิ่งไปสักพักก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นและถามออกมา – “ เอริค ฉัน…ฉันจะได้เป็นตัวหลักรึเปล่า ?”
เอริค เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา – “ แน่นอน ถ้าเธอทำได้ดี มันจะเป็นเหมือน จูเลีย แม้แต่ในบรรดานักแสดงชั้น A โอกาสดีๆแบบนี้ก็สามารถยกระดับพวกเขาขึ้นได้อีก “
“ ฉันต้องคิดเรื่องนี้ดูก่อน “ – นิโคล บอกออกมา
“ แน่นอน เธอต้องไปคิดทบทวนแต่ติดต่อฉันให้เร็วที่สุด ถ้าเธอตกลง เธอจะมาอยู่ที่บ้านฉันใน 2-3 เดือนนี้ “
“ ทำไม ? “ – นิโคล เริ่มกลัวขึ้นมานิดๆ มีบางอย่างที่น่าอายกับคำพูดในหัวของเธอ
“ ฉันมีแฟนแล้ว ดังนั้นฉันไม่ต้องการให้ผู้หญิงมาเข้าออกบ้านและถ้าเธอต้องการดังในอนาคต เธอคงไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ว่าเธอได้บทมายังไงใช่มั้ย ?”
“ ฉันเข้าใจ “ – นิโคล พยักหน้า
ทั้งสองคุยกันต่ออีกไม่นานก่อนที่จะจอดที่ข้างทาง ในตอนที่ เอริค กลับบ้าน เขารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาหลังจากคิดเรื่องที่ชั่วร้ายนี้ เขามั่นใจว่า นิโคล จะไม่ปฏิเสธ ถึงกับคิดว่าจะใช้คำขอนี้อีกในอนาคต แบบนั้นเขาก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการทำความสะอาดบ้านและทำอาหาร ยิ่งกว่านั้นอะไรจะดีไปกว่าการมีดารามาอยู่ด้วย ? ดาราที่โด่งดังนั้นกลับมาเป็นสาวใช้
ต้นอาทิตย์หน้า Running Out of Time ได้เริ่มถ่ายทำช่วงสุดท้ายและด้วยการที่ฉากใหญ่ๆเสร็จสมบูรณ์แล้ว ฉากด้านนอกที่เหลือก็เป็นแค่เรื่องเล็กน้อย 5 วันต่อมาบนท้องถนนใน LA ทีมงาน Running Out of Time ได้เริ่มถ่ายทำฉากสุดท้ายกัน แม้ว่าทีมงานจะทำงานกันอย่างหนักกว่าหนึ่งเดือนครึ่งแต่พวกเขาต่างก็พากันแสดงสีหน้าโล่งกันออกมา
—————————————
บนรถบัส ชอร์น ได้อยู่หลังหนังสือพิมพ์และถือถังป๊อปคอร์นแล้วมองไปที่สร้อยมรกตที่อยู่ด้านหลังเขาหลังจากที่นั่งลงไปแล้ว หลังจากที่ลังเลเขาก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปดูและมองไปที่สร้อยคอบนคอของเด็กสาวไม่กี่วินาที ในตอนที่เด็กสาวแสดงสีหน้าระวังออกมา เขาก็ได้พูดขึ้น – “ โทษทีนะ ฉันจำผิดคน “
“ ไม่เป็นไร “ – โยโย่ ตอบกลับเบาๆ พร้อมกับหันไปมองที่หน้าต่าง
“ สร้อยคอนั้นสวยมากๆ เธอซื้อมันมาจากไหน ? “ – ชอร์น อดไม่ได้ที่จะถามออกมา
“ เพื่อนส่งมันมาให้น่ะ มันเป็นของปลอม ของถูกๆ “ – โยโย่ หันไปอีกด้านและยกสร้อยคอขึ้นมาด้วยสีหน้าเศร้านิดๆ
ชอร์น ยิ้มและพูดขึ้น – “ แฟนงั้นเหรอ ? “
โยโย่ ส่ายหน้า – “ ฉันไม่ได้เห็นเขานานแล้ว “
“ เก็บมันไว้ดีๆ “ – ชอร์น พูดแล้วหันกลับมา – “ บางทีเขาอาจจะโผล่มาสักวันแล้วทำให้เธอกลัว “
โยโย่ ยิ้มออกมาเล็กน้อยราวกับว่าเธอตั้งตารอมัน บางทีเธอรู้สึกว่าความหวังเล็กๆของเธอนั้นน่าอายแต่เธอก็ยังคงมาขึ้นรถบัสทุกวันเพื่อที่จะได้พบกับ แอนดี้ อีกครั้ง
—————————————
รถบัสหยุดพร้อมกับเสียงตะโกนขึ้นด้วยความพอใจ – “ ฉากนี้จบแล้ว เหลือฉากสุดท้ายฉายเดียว ทุกคนควรเตรียมพร้อม โยโย่ โอ้ไม่สิ บรูก มากับฉันในห้องออดิชัน ฉากนี้เธอแสดงด้วยและแม้ว่าจะเหลือหลายชั่วโมงแต่ฉันหวัง่วาเธอจะทำให้เสร็จเร็วที่สุดเพราะคืนนี้มีงานเลี้ยง “
“ ฉันจะพยามให้ดีที่สุด เอริค “ – บรูกชีลล์ ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
ฉากสุดท้ายเริ่มต้นขึ้น : ผ่านไปหลายวันแต่ โยโย่ ก็ยังไม่ได้พบกับ แอนดี้ เธอลงจากรถบัสมาด้วยความผิดหวัง กล้องหลายตัวจับไปที่ใบหน้าของเธอตอนที่เธอลงมาจากรถ
แม้ว่าจะฝึกหลายครั้งในห้องออดิชันแต่ บรูก ก็ทำสำเร็จในครั้งที่ 4 รึ 5
หลังจากที่ เอริค ตะโกนบอกว่า ‘ ดี ! ‘ ทุกคนก็พากันปรบมือ
เอริค ตะโกนออกมาผ่านโทรโข่ง – “ ฉันขอประกาศว่า Running Out of Time ได้ถ่ายเสร็จอย่างเป็นทางการ รีบเก็บของและเย็นนี้ที่ฮิลตัน ทุกคนต้องมา ห้ามใครหาย ! “
“ เย้ ! “
เสียงโห่ร้องพร้อมกับที่ทีมงานหลายคนพากันโยนหมวกตัวเองขึ้นไปบนฟ้า
เอริค ยิ้มออกมาแล้วเดินไปที่รถบ้านใกล้ๆ
คนคุ้มกันสี่คนได้ยืนอยู่ข้างรถหุ้มเกราะ ชายวัยกลางคนอายุประมาณ 40 กำลังเก็บสร้อยคอที่ บรูกชีลล์ ใส่ตะกี้ใส่ในเซฟ
“ คุณเดเร็ก ขอบคุณที่เป็นสปอนเซอร์ให้ “ – ในตอนที่ เดเร็ก เก็บสร้อยเสร็จ เอริค ก็ทักทายอีกฝ่ายพร้อมกับยื่นมือออกไปจับ
“ ไม่เป็นไร เอริค นี่ก็ได้ทั้งสองฝ่าย “ – เดเร็ก จับมือกับ เอริค อย่างสุภาพ – “ งั้น เอริค ฉันต้องกลับแล้ว สร้อยมันยังอยู่ด้านนอก ถ้าช้าไปสักนาทีฉันคงดูไม่น่าเชื่อถือ “
“ ได้ ไม่เป็นไร “ – เอริค ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม ในรายชื่อสปอนเซอร์หนัง สร้อยนี้ถือว่าเป็นส่วนสำคัญสำหรับหนังอย่างมาก
ไม่เคยมีใครใช้ของแบบนี้ในการถ่ายทำเพราะพวกเขาหาสร้อยที่ราคาไม่กี่ร้อยดอลลาร์มาแทนแต่หลังจากที่ เอริค คิด เขาก็ตัดสินใจที่จะเอาของจริงเข้ามาถ่ายแต่เขาไม่ค่อยมีเส้นสายเท่าไหร่ หลังจากที่ติดต่อไปยัง Columbia เอมี่ปาสคาล ก็ได้ส่งข้อความหาหลายคนที่ซึ่งมีสร้อยเพชรราคา 10 ล้านดอลลาร์ บอกกันว่าร้อยนี่เป็นของสะสมในอังกฤษและเขาตั้งใจที่จะเอามันออกประมูลผ่านทางการประมูลในฤดูใบไม้ร่วงแต่ทาง Columbia และคนสะสมนั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันและหลังติดต่อกันเล็กน้อย อีกฝ่ายก็ตกลงที่จะให้พวกเขายืมสร้อยนี่มา
แต่กระบวนการนั้นก็ไม่ใช่ง่าย ทุกครั้งที่สร้อยถูกเอาเข้าถ่ายทำ มันจะมีคนคุ้มกันสี่คนที่คอยระวังสร้อยนี้ให้ พวกเขามักจะอยู่ในระยะ 5 ม.จากสร้อย แม้แต่ตอนที่ทีมงานทำงานอยู่ก็ตาม เพราะคนพวกนี้กังวล โชคดีที่มันไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นระหว่างการถ่ายทำ