เฉินจินในตอนนี้เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและเป้าหมายที่ชัดเจน
ในตอนเช้าเฉินจินได้เดินทางไปย่านใจกลางเมือง เพราะเขาได้ตัดสินใจที่จะเริ่มต้นธุรกิจร้านขายเครื่องประดับ เขาเองในตอนนี้จำเป็นต้องหาเช่าสถานที่และทำการปรับปรุงร้านใหม่ให้ดูน่าดึงดูดลูกค้ามากขึ้น
เฉินจินได้แต่คิดในใจว่า ถ้าลองๆคิดดูแล้วพื้นที่แบบไหนกันถึงจะเป็นพื้นที่ๆดีที่สุดในการเริ่มทำร้านของฉัน แน่นอนว่าเป็นพื้นที่ที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจและมีฝูงชนพลุกพล่าน บางทีการทำตั้งร้านใกล้กับห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่น่าจะเป็นเรื่องที่ดี หรือจุดที่ดีที่สุดอาจจะต้องอยู่แถวๆย่านวอกกลิ้งสตีทที่มีคนเดินไปมามากมาย อย่างไรก็ตามมันต้องเป็นสถานที่ที่มีคนหนาแน่นที่สุด มันจึงทำให้ฉันทำกำไรจากการขายเครื่องประดับได้มากที่สุด
เฉินจินรู้ว่าเขาจะต้องมองหาพื้นที่แบบใดในตอนนี้ แต่อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้วางแผนที่จะเช่าร้านค้าในห้างสรรพสินค้าเนื่องจากสถานที่เช่นนั้นมักจะมีทางเดินที่ซับซ้อนมากและไม่มีความเป็นส่วนตัวมากนัก บวกกับขนาดของร้านค้าที่ไม่ใหญ่ดังนั้นจึงไม่ง่ายเลยที่จะทำการปรับปรุงร้านให้ดูน่าสนใจ
ในตอนนี้เฉินจินต้องการเช่าอาคารพาณิชย์ทั้งหลังที่มีขนาดอย่างน้อย 10,000 ตารางฟุตและมีราวๆสามหรือสี่ชั้น เพราะเขาต้องการร้านขายเครื่องประดับชินใหญ่และเป็นสินค้าที่มีคุณภาพดีที่สุดสำหรับลูกค้า ไม่ยากเกินไปที่จะหาอาคารพาณิชย์แบบนั้น พวกมันมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง แต่ค่าเช่านั้นก็สูงมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในย่านใจกลางเมืองเช่นนี้ เพราะค่าเช่าเฉลี่ย 10 ตารางฟุตต่อวันจะเท่ากับ 5 หยวน สำหรับอาคารที่ที่มีขนาดใหญ่ถึง 10,000 ตารางฟุตค่าเช่ารายปีจะเท่ากับ 44,000 – 60,000 หยวน หรือมันอาจสูงถึง 75,000 หยวน สำหรับพื้นที่ที่มีผู้คนหนาแน่น
เฉินจินถึงกับพูดไม่ออก “ ไม่น่าแปลกใจที่ทุกคนบนอินเทอร์เน็ตบอกว่าการเริ่มต้นร้านขายเครื่องประดับไม่ใช่เรื่องง่าย ใครกันจะสามารถสร้างธุรกิจขึ้นมาได้โดยต้องเสียค่าเช่าเป็นจำนวนเงินมหาศาลเช่นนี้?”
จริงๆแล้วต้นทุนของการทำธุรกิจที่ต้องเสียนั้นมีหลายอย่างมาก อาทิ ค่าเช่าร้าน, ค่าจ้างพนักงาน, ภาษี, ค่าธรรมเนียมการทำความสะอาด, ค่าธรรมเนียมการจัดการ ฯลฯ ทุกอย่างล้วนแต่ต้องเสียเงินทั้งสิ้น แม้ว่ามันจะเป็นร้านขายทองที่ทำรายได้ ได้มากในการขายต่อครั้ง แต่ค่าเช่าที่จะต้องเจอนั้นก็อาจทำให้กำไรที่ควรจะได้นั้นลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
ตอนนี้เฉินจินเดินไปพบอาคารสามชั้นขนาด 10,000 ตารางฟุต เลขที่ 188 ถนนจินหลิงตะวันตก มันเคยเป็นร้านขายเครื่องประดับเหมือนกัน แต่พวกมันปิดมันเนื่องจากค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนทำให้กิจการขายเครื่องประดับแบกรับต้นทุนไว้ไม่ไหว
แต่เฉินจินตั้งใจจะเช่าอาคารแห่งนี้ เขาจึงได้โทรหาเจ้าของอาคารเพื่อสอบถามข้อมูลต่างๆ เจ้าของอาคารแห่งนี้ไม่ค่อยมีคนรู้จักเท่าไร เขานั้นเป็นชายไว้กลางคนที่ที่รูปร่างอ้วน เขาชื่อว่า“ เห่อลี่.” เขาได้เดินทางมาที่อาคารที่เขาเป็นเจ้าของแห่งนี้
“สวัสดีครับ คุณเห่อรึเปล่า. ผมอยากสอบราคาค่าเช่าอาคารสามชั้นของคุณต่อหนึ่งปีคุณจะคิดค่าเช่าเท่าไร?”
“ คุณต้องการเช่าที่นี้หรอ” เห่อลี่ถามเฉินจินด้วยท่าทางที่น่าสงสัย เขาแปลกใจว่าชายวัยรุ่นอายุเพียงเท่านี้จะหาเงินเช่าอาคารชุดขนาดใหญ่เช่นนี้มากจากไหน
“ ใช่ แต่ผมอยากรู้ราคาค่าเช่าก่อน” เฉินจินพยักหน้า
“ แปดแสนหนึ่งหมื่นห้าพันหยวน ต่อปี, หนึ่งล้านห้าแสนหยวนเป็นเวลาสองปี สัญญาเช่าขั้นต่ำคือหนึ่งปีและคุณจะต้องจ่ายค่าเช่าครึ่งหนึ่งเป็นเงินมัดจำหากคุณเช่าเป็นเวลาหนึ่งปี อย่างน้อยคุณต้องมีเงินค่าเช่าปีแรกก่อน?” เห่อลี่มองที่เฉินจินอย่างเหน็บแนม เป็นข้อตกลงที่ง่ายมากราคา หนึ่งแสนห้าหมื่นต่อเดือน เด็กๆอย่างนายจะมีปัญญาเช่าห้องนี้หรอ
“ ผมจะขอลดราคาลงกว่านี้จะได้ไหม หนึ่งแสนห้าหมื่นหยวนต่อเดือน นั้นมากเกินไปสำหรับผม…” เฉินจินขมวดคิ้วเล็กน้อย และมองไปที่พุงและผมที่มันวาวของเห่อลี่
เห่อลี่ปฏิเสธเฉินจิน ผ่านการโบกมือของเขา “ มันเป็นราคาที่กำหนดเอาไว้แล้ว ฉันคงลดให้ไม่ได้หรอก ” เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินไปที่ประตู
“ อย่างงั้นผมขอ 2 ล้านหยวนเป็นเวลาสามปี และคุณไม่สามารถเพิ่มค่าเช่าก่อนที่สัญญาเช่าของผมจะหมด หากคุณเห็นด้วยเราสามารถเซ็นสัญญาทันที” เฉินจินหยุดเขาไว้ก่อน
ชายวัยกลางคนลังเล เขาคิดเกี่ยวกับมันสักครู่แล้วพูดว่า“ งั้นผมขอ 2.2 ล้านหยวน แต่คุณจะต้องจ่ายเงินเจ็ดแสนสี่หมื่นห้าพันหยวนก่อน! หากคุณตกลง เราเริ่มทำสัญญาได้ทันที”
“ตกลง!”
ถึงแม้ว่าเห่อลี่จะขอเพิ่มเงินมาสองแสนหยวน เฉินจินก็ไม่ต้องการโต้เถียงกับเขาอีก ดังนั้นเขาจึงรีบทำสัญญากัน อย่างไรก็ตามเช่นเดียวกับที่พวกเขาเซ็นสัญญาเฉินจินได้เพิ่มข้อตกลงอีกหนึ่งข้อเพราะเขากังวลว่าชายชราผู้นี้จะคิดไม่ซื่อในอนาคต “ หากเจ้าของบ้านไม่ปฏิบัติตามและเพิ่มค่าเช่าในระหว่างการเช่าเขาจะต้องคืนเงินมัดจำให้ผู้เช่าพร้อมกับค่าตอบแทน 7.5 ล้านหยวน”
“ 7.5 ล้านหยวน! ไม่มีทาง ผมจะไม่คืนเงินมัดจำให้คุณหรอก ไม่มีทาง” ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโกรธและปฏิเสธที่จะยอมรับข้อตกลงใหม่
“ ผมเองก็ไม่เชื่อใจคุณ ขึ้นอยู่กับคุณแล้วว่าจะยอมรับข้อตกลงนี้ไหม” เฉินจินไม่ยอมแพ้ในเรื่องนี้
“ นาย…” เห่อลี่ตะโกนใส่หน้าเขาอย่างท้าทาย
“ เดียวนี้อาคารพวกนี้พุดขึ้นมาอย่างดอกเห็ด ถ้าคุณไม่ตกลงเดียวผมก็จะไปหาเช่าที่อื่นแทน”
“ อย่างงั้นมาทำความเข้าใจใหม่กัน” เห็นได้ชัดว่าเห่อลี่ไม่พอใจกับสัญญาฉบับใหม่ การไม่สามารถเพิ่มค่าเช่าได้มันน่าผิดหวัง แต่ 2.2 ล้านเป็นเวลาสามปีนี้ก็เป็นเงินจำนวนมหาศาล มันเป็นเงินที่สูงกว่าผู้เช่ารายอื่นที่ต้องก่อนจ่ายถึง 50% มันหายากที่จะหาใครสักคนที่เป็นพ่อบุญทุ่มเหมือนกับเฉินจินที่สามารถจ่ายค่าเช่าได้ นอกจากนี้อาคารแห่งนี้ก็ว่างมาตั้งสามเดือนแล้ว การที่ต่อรอต่อเถียงกับผู้เช่าที่มีเงินถุงเงินถังเช่นนี้อาจทำให้เขาเสียโอกาสในการทำข้อตกลงกับผู้เช่ารายนี้ได้
เฉินจินได้รับกุญแจจากเจ้าของอาคารหลังจากเซ็นสัญญาและโอนเงิน เจ็ดแสนสี่หมื่นหยวน
ตอนนี้ในที่สุดเฉินจินก็ได้รับสิทธิ์ในการเข้าถึงและสิทธิ์ตามกฎหมายสำหรับอาคารพาณิชย์ที่เลขที่ 188 ถนนจินหลิงตะวันตก ซึ่งหมายความว่าเขาจะต้องหาคนดูแลการปรับปรุงอาคารและแน่นอนว่าต้องมีคนทำงานและจัดการร้านค้าแห่งนี้ด้วย
เฉินจินเองจะไม่มีเวลาจัดการกับเรื่องนี้อย่างแน่นอนดังนั้นเขาจึงต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญมาช่วยเขา เป็นผลให้เขาต้องจ่ายเงินให้กับ บริษัทล่าค่าตัวพนักงานเป็นเงิน 7,500 หยวน เพื่อหาคนที่เหมาะกับงาน พวกเขาส่งผู้หญิงวัยกลางคนให้เขาภายในสามวัน เธอชื่อชิววันติง เธออายุ 43 แต่งงานและมีประสบการณ์มากกว่า 20 ปีในอุตสาหกรรมเครื่องประดับ เป็นผู้จัดการร้านมานานกว่า 10 ปีแสดงให้เห็นว่าเธอมีความรู้ที่จำเป็นในการจัดการร้านขายเครื่องประดับและจะมีคุณสมบัติเป็นผู้ดูแล “อาวุโส” แน่นอน
สิ่งที่ดียิ่งกว่านั้นคือมันอยู่ที่นี่ในอาคารพาณิชย์แห่งนี้ซึ่งเธอทำงานเป็นผู้จัดการที่ร้านเครื่องประดับหลิวฟูมาเป็นเวลาหกปีก่อนที่พวกมันจะปิดตัวลง เธอรู้จักสถานที่นี้ดีพอกับหลังมือของเธอ เธอเองนั้นไม่ค่อยมีโชคสำหรับการหางานใหม่ เพราะเธอตกงานมาหลายเดือนแล้วตั้งแต่บริษัทปิดตัวลง
“เหมาะสมมาก! เธอดูเหมาะสมที่สุด!” เช่นเดียวกับที่เธอเป็นผู้สมัครที่ดีที่สุดสำหรับงานนี้ แม้ว่าเฉินจินจะไม่ได้พบเธอด้วยตัวเอง แต่ก็ได้แจ้งสถานที่ทำงานไว้อย่างชัดเจน
จากข้อมูลการติดต่อที่ บริษัท จัดมาให้นั้น เฉินจินได้โทรไปที่ชิววันติ่งและนัดสัมภาษณ์ที่ร้านกาแฟท้องถิ่น
เฉินจินรู้สึกพึงพอใจมากขึ้นหลังจากได้พบเธอด้วยตนเอง เห็นได้ชัดว่าเธอเตรียมตัวเองสำหรับการสัมภาษณ์สวมใส่เครื่องสำอางในปริมาณที่เหมาะสมและเธอเซตผมมาอย่างสวยงาม สำหรับชุดของเธอเธอเป็นเสื้อเบลเซอร์สีดำอยู่ด้านบนและบริเวณกระโปรงที่ด้านล่างโดย เธอนั้นขายาวของเธอในถุงน่องสีเนื้อ รูปร่างหน้าตาของเธอแค่ปานกลาง แต่ดูเป็นผู้สูงส่งสติปัญญาและความสง่างามของเธอทำให้เธอเป็นผู้หญิงที่ดูน่าคนหา
ผู้หญิงวัยกลางคนที่มีเสน่ห์…เฉินจินกล่าวทิ้งท้าย
นอกจากนี้ประสบการณ์ในที่ทำงานทำให้เธอสามารถแสดงความมั่นใจได้ เธอมีอารมณ์ขันที่ยอดเยี่ยมทำให้เฉินจินหัวเราะ เธอดูเป็นคนตลกเฮฮาและพูดเก่ง มันทำให้เฉินจินค่อนข้างมั่นใจว่าเธอจะมาทำงานให้กับเขาได้
แต่ในความจริงแล้ว ชิววันติง รู้สึกประหลาดใจมาก กับเจ้านายที่ยังหนุ่มของเธอ เขานั้นดูจะแก่กว่าลูกชายของฉันไปไม่เท่าไรเอง และ เขาจะมีเงินหลายล้านหยวนสำหรับการลงทุนเช่นนี้ได้อย่างไร สิ่งเดียวที่ลูกชายของฉันทำได้ดีคือเล่นวิดีโอเกมตลอดวัน ชายหนุ่มคนนี้รู้ตัวเองแล้วสินะว่าเป้าหมายในชีวิตของเขาคืออะไร
เธอถึงกับทำตัวไม่ถูก เพราะสำหรับลูกชายของเธอไม่สามารถตีหรือด่าว่าเขา บางครั้งเธอก็ต้องร้องไห้! เมื่อเปรียบเทียบกับหัวหน้าของเธอที่ มันดูต่างกันอย่างมากมาย
เฉินจินถามว่า“ เอาล่ะ ป้าชิวมีสองทางเลือกเกี่ยวกับการจ่ายเงินให้คุณ หนึ่งป้าจะได้รับเงิน 9,000 หยวนต่อเดือนพร้อมกับประกันและโบนัส อย่างไรก็ตามเปอร์เซ็นต์ของค่าคอมมิชชันจะน้อยมากและขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของป้า สองป้าจะได้รับ 4,500 หยวนต่อเดือนพร้อมกับประกันและโบนัสเช่นกันและค่าคอมมิชชั่น 1% แต่ก็ยังขึ้นอยู่กับผลกำไรที่ร้านของเราทำ ป้าต้องการเลือกแบบไหน”
“ ข้อแรก!” ชิววันติง บอกเขาโดยไม่ลังเล วันนี้ไม่มีธุรกิจที่ทำได้ดีเนื่องจากค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นรวมถึงอุตสาหกรรมเครื่องประดับ รายได้สุทธิจะไม่เกิน 10% แม้ว่ารายได้จากการขายจะมากกว่า 15 ล้านหยวนยิ่งกว่านั้นด้วยค่าใช้จ่ายทั้งหมดเช่นค่าเช่าภาษีและค่าใช้จ่ายหักและส่วนแบ่งกำไรของเจ้านายสิ่งที่พนักงานมอบให้มีน้อยมาก มันอาจจะยากที่จะเชื่อ แต่ที่งานก่อนหน้านี้ของเธอเธอจะได้รับค่าแรงขั้นต่ำและค่าคอมมิชชั่นจากการขายของเธอ แต่เงินเดือนเฉลี่ยของเธอต่อเดือนน้อยกว่า 2,200 หยวน บางครั้งก็ต่ำถึง 1,200 หยวน… สำหรับตำแหน่งผู้จัดการร้าน!
แน่นอนว่าเธอต้องการตัวเลือกที่มีค่าตอบแทนรายเดือนที่สูงขึ้นโดยไม่ต้องคิดเลย อย่างไรก็ตามในฐานะพนักงานอาวุโสเธอเริ่มอยากจะพูดกับเขาเกี่ยวกับการทำธุรกิจนี้ ไม่เพียง แต่เขาจะไม่ทำเงินมาก แต่เขาอาจสูญเสียเงินทั้งหมดที่เขาลงทุนด้วย! แต่การได้เห็นเจ้านายหนุ่มผู้นี้ด้วยวิสัยทัศน์และความคิดที่ยอดเยี่ยมเธอก็เปลี่ยนใจ เพราะเธอเป็นเพียงแค่พนักงาน
“ เอาล่ะป้าชิวมาเริ่มวันแรกของป้ากันเถอะ นี่คือกุญแจ ผมจะโอนเงิน หนึ่งแสนห้าหมื่นหยวนไปยังบัญชีของป้า เพื่อไปจ้างทีมเพื่อปรับปรุงสถานที่นี้และดำเนินการให้เสร็จภายในสองสัปดาห์ ส่วนเรื่องเงินไม่มีปัญหา”
“ …หนึ่งแสนห้าหมื่นหยวน?” มันทำให้ชิววันติงถึงกับพูดไม่ออก เธอเพิ่งเริ่มทำงานให้เขาและเขาก็สบายใจแล้วที่จะให้เธอจัดการกับเงิน หนึ่งแสงห้าหมื่นหยวน?
“เอ่อ. มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่ ไม่.”
“ จากนั้นเราจะทำตามแผนของผม หวังว่าเราจะมีการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในปลายเดือนนี้!”
“ เข้าใจแล้ว ฉันจะพยายามอย่างถึงที่สุดค่ะ” เธอพยักหน้า
เฉินจินพยักหน้าด้วย เขาเพิ่มเพื่อนเธอในวีแชท เพื่อติดต่อกันและโอนเงินหนึ่งแสนห้าหมื่นหยวน ไปยังบัญชีธนาคารของเธอ เพื่อให้เธอรับผิดชอบในการปรับปรุงร้านให้ดูน่าดึงดูดลูกค้ามากยิ่งขึ้น