“ใครก็ได้ครับที่อยากทำ แต่ตอนนี้ผมไม่ไหว” ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แล้วถ้าผมเปลี่ยนกะล่ะ?”
“แล้วนายรู้ไหมมันจะเป็นยังไง? พื้นที่ลาดตระเวนของนายคือเขตริมทะเลสาบ มันเป็นที่ที่ต้องดูแลให้เข้มงวดที่สุด ถ้าหยุดพักไป งั้นใครจะมาแทนที่นายล่ะ?” ผู้กองเริ่มรู้สึกโกรธเล็กน้อย จากนั้น เขาก็หันไปหาคนอื่น “ไหน?! ใครอยากลาดตระเวนกะกลางคืนแทนไอ้หมอนี่บ้าง?”
ทว่า อีกสี่คนรีบส่ายหัวทันที
ตำรวจสายตรวจที่ขอวันหยุดชี้ไปที่รอยฟกช้ำบนใบหน้าและกล่าวคำพูด “ดูสิ คนพวกนี้กล้าทำร้ายตำรวจในที่สาธารณะ แถมยังสร้างปัญหาทุกวันเลยด้วย! เมื่อคืนก็มีแต่ผู้คนเข้ามาร้องเรียนกันไม่หยุดหย่อน บางคนก็ขู่ว่าจะทำให้ผมโดนไล่ออก ไอ้คนพวกนั้น… พวกมันคิดว่ามีเงินแล้วจะทำอะไรก็ได้หรือยังไงกัน!”
ผู้กองพลันถอนหายใจ เขาเดินไปตบบ่านายตำรวจคนนั้นพร้อมกล่าวคำพูด “ฉันเข้าใจว่ามันยาก แต่นายก็รู้ว่าพวกวัยรุ่นมันก็เป็นแบบนี้ เป็นพวกหัวรุนแรง ไม่มีมารยาท ไม่มีเหตุผล ก็แค่ทนหน่อยอีกสักสองสามวัน ฉันจะไปขอให้ผู้อำนวยการแล้วก็คณะกรรมการบริหารส่งคนมาช่วยเอง”
ทันทีที่เห็นรอยฟกช้ำบนใบหน้าของนายตำรวจคนนั้น ทุกคนก็ต่างรู้สึกกลัวและไม่อยากที่จะเปลี่ยนกะด้วย ทั้งนี้ ดูเหมือนว่าซ่างเฉิงคงจะเป็นเมืองที่ไม่เคยหลับใหลของจริง
ทันใดนั้น เสี่ยวเฉิงก็พูดขึ้น “อยากให้ผมเปลี่ยนกะกับเขาไหมล่ะ?”
ตำรวจสายตรวจที่มีรอยฟกช้ำเบิกตากว้างและตอบกลับทันที “ท่านครับ ถ้ามีคนเต็มใจที่จะเปลี่ยนกะกับผม ก็ขอให้จัดการตอนนี้เลยนะครับ”
“ไม่ได้ เสี่ยวเฉิงเพิ่งจะเข้ามาทำงานวันนี้วันแรก เขายังคงไม่คุ้นเคยกับพื้นที่ ตอนนี้ให้เขาดูแลเรื่องโลจิสติกส์ไปก่อน” ผู้กองพลันขมวดคิ้ว
“แต่แผลแบบนี้ ผมต้องไปโรงพยาบาลนะ”
“ท่านครับ ไม่เป็นไรเลย ยังไงผมก็ต้องจัดการกับเรื่องนี้เหมือนกันไม่ช้าก็เร็ว ผมจะเปลี่ยนกะกับเขาเอง” เสี่ยวเฉิงกล่าว
ตำรวจสายตรวจคนนั้นรู้สึกตื้นตันใจไม่น้อย เขาเดินเข้ามาตบไหล่เสี่ยวเฉิงพร้อมกล่าวคำพูด “ขอบใจมากไอ้น้องชาย ถ้าฉันดีขึ้นเมื่อไหร่ เดี๋ยวพาไปเลี้ยงข้าวก็แล้วกันนะ”
เสี่ยวเฉิงเผยยิ้มและพูดกับผู้กอง “แค่นี้สบายมากครับท่าน อีกอย่าง ผมไม่ใช่คนเดียวที่อยู่กะกลางคืนหรอกใช่ไหม? ผมไม่มีปัญหาอะไรกับคนอื่นอยู่แล้ว”
“ก็ได้” ผู้กองตอบกลับ ทว่า เขาก็ยังคงหันไปเตือนตำรวจสายตรวจคนอื่นที่มีประสบการณ์บนท้องถนนมากกว่า “เสี่ยวเฉิงยังคงเป็นน้องใหม่ที่เพิ่งจะเข้ามา เขายังไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมากนัก ยังไงก็เถอะ ช่วยดูแลหมอนี่ด้วย”
ทุกคนพยักหน้าพร้อมกัน
จากนั้น คนกลุ่มนั้นก็ถูกไล่ออกมา คนที่ง่วงก็กลับไปนอน คนที่หิวก็เดินไปหาซื้อข้าว ทว่า เสี่ยวเฉิงทำเพียงแค่นั่งสูบบุหรี่เท่านั้น
ในตอนนั้นเอง ตำรวจคนหนึ่งในทีมโลจิสติกส์ก็เดินเข้ามาและมองเสี่ยวเฉิงราวกับเขาเป็นตัวประหลาด “เฮ้ย! เสี่ยวเฉิง นี่นายโง่จริงหรือแกล้งโง่กันแน่? ในเมืองอย่างซ่างเฉิงที่ซึ่งทุกตารางฟุตสามารถวัดเป็นทองคำและมีผู้คนอาศัยอยู่มากมาย พูดตามตรงเลยนะ คนพวกนี้อาจจะไปทำงานหรืออยู่บ้านและแสร้งทำตัวเป็นคนดีในระหว่างวัน แต่พอตกกลางคืน พวกเขาก็มักจะเผยธาตุแท้ออกมาทีละคน บางทีอาจจะเป็นพวกคนที่มีเงิน ลูกเศรษฐี หรือไม่ก็พวกผู้มีอำนาจ เราทำอะไรคนพวกนั้นไม่ได้หรอก นั่นแหละคือสาเหตุที่กะกลางคืนเป็นอะไรที่เลวร้ายที่สุด ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายคิดบ้าอะไรอยู่ ทำไมนายถึงอาสาที่จะลาดตระเวนกะกลางคืนด้วย?”