ท่านเคยเห็นเสือขาวข่วนคนหรือ ?
เสือน่ะมีแต่ขย้ำเท่านั้นแหละ เข้าใจปะ ?
“นางมาแล้ว !”
นัยน์ตาของไป๋เสี่ยวเฉินพลันสว่างไสวขึ้นมาทันที เขาคลี่ม้วนภาพวาดซึ่งอยู่ในมือออกดู จากนั้นก็มองเทียบกับหญิงสาวที่อยู่ในชุดสีชมพูซึ่งกำลังเดินออกมาจากโรงเตี๊ยม พลางกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “โชคดีที่ท่านอาจารย์ตาทั้งสามรู้ว่า หม่ามี้จะต้องไม่ยอมให้ข้าเข้าไปยุ่งวุ่นวายในบ้านสกุลไป๋เป็นแน่ พวกท่านเลยมอบภาพวาดของคนพวกนั้นให้ข้าก่อนจากมา นั่นทำให้ข้าสามารถหาตัวคนพวกนั้นพบได้อย่างรวดเร็ว !”
หลังจากกล่าวจบ ไป๋เสี่ยวเฉินก็กอบขี้เถ้าจากพื้นขึ้นมาลูบหน้าลูบตาของตน ทำให้ใบหน้าที่ขาวผ่องน่าเอ็นดูพลันสกปรกมอมแมม
“นั่นท่านคิดจะทำอะไร ?” เสี่ยวมี่ทำหน้างง
“ก็ทำให้พวกเขาจำหน้าข้าไม่ได้ไงล่ะ”
ไป๋เสี่ยวเฉินปลอมตัวเสร็จ ก็รีบวิ่งไปทางไป๋จื่อที่เพิ่งเดินพ้นประตูโรงเตี๊ยมออกมา
เวลานั้นที่ประตูโรงเตี๊ยม ไป๋จื่อกำลังก้าวลงบันไดทีละขั้น ๆ นางเห็นร่างเล็ก ๆ ร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาหานาง แล้วก็ชนนางอย่างแรง
ไป๋จื่อตกตะลึง นางเผลอจะเหยียดมือออกผลักร่างของเด็กสกปรกนั่น
ทว่า …
ก่อนที่นิ้วมือของนางจะทันสัมผัสตัวเด็กน้อย นางก็เห็นเขาเหวี่ยงตัวไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เริ่มกลิ้งลงบันได
ไป๋จื่อนิ่งงัน
เหตุใดเด็กนั่นถึงกลิ้งตกบันไดก่อนที่นางจะทันแตะตัวเขาด้วยซ้ำ ?
“โอ๊ะ ! ฮือออออ ๆๆๆ”
หลังจากกลิ้งตกบันไดลงมาหลายขั้น ไป๋เสี่ยวเฉินก็เริ่มร้องไห้จ้าขึ้นทันที เสียงร้องไห้คร่ำครวญ ฟังดูน่าเวทนาราวกับพ่อตายของเขาสามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาได้เป็นอย่างดี
“เมี้ยว…”
ครั้นถึงตอนนี้ เสี่ยวมี่ที่ซุ่มซ่อนตัวอยู่ ก็ร้อง “เมี้ยว” เพื่อแสดงให้เห็นว่ามันกำลังปกป้องนายของมัน มันกระโดดกางกรงเล็บตะปบใบหน้าของไป๋จื่ออย่างรวดเร็ว
ทว่าไป๋จื่อเองก็มีปฏิกริยาตอบโต้ ทันทีที่เห็นกรงเล็บของเสือขาวซึ่งตอนนี้มีรูปร่างคล้ายแมว กำลังใกล้จะถึงใบหน้าของนาง นางก็รีบยกแขนขึ้นกันมันไว้
“อ๊า !”
กรงเล็บเสี่ยวมี่ขูดผิดเนื้ออ่อน ๆ ของนาง กระทั่งเลือดไหลทะลักออกมาจากบาดแผล ไป๋จื่อกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด น้ำตาของนางไหลรินไม่หยุด
“เกิดอะไรขึ้น ?”
ช่วงเวลานั้นเอง บุรุษผู้หนึ่งก็ก้าวออกมาจากโรงเตี๊ยม เขาขมวดคิ้วมองแขนของไป๋จื่อที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ก่อนจะหันกลับไปมองไป๋เสี่ยวเฉินที่กำลังร้องไห้พิรี้พิไร ใบหน้าของบุรุษผู้นี้แลดูถมึงทึงขึ้น
“องค์รัชทายาท” ไป๋จื่อเรียกเขา นางร่ำไห้อย่างน่าเวทนา
“หม่อมฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่าทันทีที่หม่อมฉันออกมาพ้นประตู เด็กผู้นี้ก็วิ่งมาชนหม่อมฉัน หม่อมฉันยังไม่ทันแตะต้องตัวเขาด้วยซ้ำ เขาก็ล้มหงายหลัง แล้วเจ้าแมวนั่นก็พุ่งเข้ามาข่วนหม่อมฉัน”
องค์รัชทายาท ?
นัยน์ตาของไป๋เสี่ยวเฉินที่กำลังจับจ้องอยู่ที่พื้น ขยับไปทางชายผู้มาใหม่ทันที
คนผู้นี้ก็คือคนสารเลวที่ร่วมมือกับไป๋รั่ว และทอดทิ้งหม่ามี้คนดีของเขาใช่มั้ย ?
ขณะเดียวกัน หนานกงอี้ก็กำลังจ้องมองไป๋เสี่ยวเฉิน ด้วยนัยน์ตาดำขลับเฉียบคม
หากสิ่งที่ไป๋จื่อพูดมาเป็นความจริง เด็กคนนี้ก็ล้ำลึกพอตัว …
“พวกเจ้าเป็นคนใจร้าย !”
ไป๋เสี่ยวเฉินกระโดดลุกขึ้นจากพื้น เช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าด้วยนิ้วมือสกปรก ๆ ของเขาพร้อมกับแสดงสีหน้าท่าทางให้น่าสมเพชเวทนา
“ข้าเพียงแค่หิว จึงอยากเข้าไปข้างในเพื่อหาอะไรกิน แต่เจ้าเห็นว่าข้าสกปรกมอมแมม เจ้าก็เรียกข้าว่าขอทานน้อยแล้ว ทั้งยังหาว่าข้าขวางทางเจ้า ไล่ข้าไปให้พ้น ๆ อีก ฮืออออออออ ข้าแค่หิว และข้าก็มีเงิน ท่านพ่อของข้ามอบเงินให้ข้าตั้งเยอะก่อนท่านจะสิ้นใจ”
เขาไม่กล้าแช่งมารดาของตน เช่นนั้นเด็กน้อยจึงอ้างบิดาที่เขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนแทน
“เจ้า … ” ร่างอันบอบบางของไป๋จื่อสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ
“เจ้าโกหก ! เจ้าให้ร้ายข้า !”
แม้ว่าไป๋จื่อ และพี่สาวของนางจะชอบรังแกไป๋หยาน ยามเมื่ออยู่ในบ้าน ทว่าทุกครั้งที่อยู่นอกบ้านพวกนางมักจะสวมหน้ากากเสแสร้งเป็นสาวงามที่แสนใจดีเสมอมา นี่ก็เป็นหนึ่งในหลาย ๆ เรื่องที่หยูหรงสั่งสอนพวกนาง
***จบบท ไป๋เสี่ยวเฉิน เด็กน้อยตีสองหน้า (2)***