ครั้นได้ยินบรรดาแขกเหรื่อต่างพากันกล่าวหาหลานสาวของตนผิด ๆ อย่างไร้เหตุผล สุดท้ายหลานหยูก็ไม่สามารถระงับความโกรธของตนไว้ได้ เขาระเบิดอารมณ์ออกมาทันที “พวกเจ้าทุกคนหุบปากเดี๋ยวนี้นะ !“
เมื่อบรรดาฝูงชนได้ยินเสียงคำรามลั่นอย่างฉับพลันของหลานหยู ด้วยความตกใจ พวกเขาต่างก็ปิดปากเงียบเสียงลงอีกครั้งทันที
“พวกเจ้ากล่าวหาว่า หยานเอ๋อ หลานสาวของข้าหนีไปกับผู้ชาย ก็ไหนล่ะหลักฐาน ?” เขาเย้ยหยันด้วยท่าทางรังเกียจคนปากมากพวกนั้น “นอกจากคำกล่าวอ้างของไป๋เฉิงเซียงแล้ว พวกเจ้ายังมีสิ่งใดมาพิสูจน์อีกหรือไม่ ! ไยข้าต้องเข้าใจหยานเอ๋อผิด ๆ เช่นเดียวกับพวกเจ้าด้วย ? ผู้ที่บอกว่าหยานเอ๋อไม่บริสุทธิ์ ก็มีเพียงไป๋รั่ว หรือยังมีผู้ใดอีกที่เห็นเหตุการณ์ในครั้งนั้น ? ข่าวที่ว่าหยานเอ๋อตั้งครรภ์ก็มาจากปากของคนสกุลไป๋ สำหรับข้าแล้ว เรื่องนี้เป็นเพราะไป๋รั่วต้องการแย่งองค์ชายรองซึ่งเป็นคู่หมั้นของหยานเอ๋อ นางจึงวางแผนต่าง ๆ เพื่อให้ร้ายหยานเอ๋อ สุดท้ายแล้วไป๋รั่วก็ได้อภิเษกสมรสกับองค์ชายรองสมใจ ! “
“หลานหยู !” ไป๋เฉิงเซียงคำรามลั่นด้วยความโกรธ “ที่เจ้าพูดเช่นนี้หมายความอย่างไร ? ข้าในฐานะเจ้าบ้านสกุลไป๋อุตส่าห์มาร่วมงานเลี้ยงของเจ้าด้วยเจตนาดี ทว่าเจ้ากลับใส่ร้ายบุตรสาวของบ้านสกุลไป๋เราเช่นนี้ รั่วเอ๋อทั้งใจดี ทั้งมีเมตตา ไหนเลยจะคิดวางแผนแย่งองค์ชายรอง จนถึงกับทำเรื่องเลวทรามเช่นนั้น ? ข้าคิดว่าเรื่องเลวทรามเช่นนั้นจะมีก็เพียงไป๋หยานเท่านั้นแหละที่ทำได้ !
บุตรสาว ?
หลานหยูยิ้มเยาะ ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่า ในสายตาของไป๋เฉิงเซียง บุตรสาวของเขามีเพียงไป๋รั่ว และไป๋จื่อเท่านั้น ส่วนไป๋หยานมิใช่ !
“เจ้าบ้านหลาน ท่านทำเกินไปจริง ๆ” หนานกงอี้ย่นหน้าผาก ยามนี้สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำ “ชายาของข้าเตือนข้าแล้วในเรื่องนี้ หากแต่ข้าไม่คิดว่าจะเป็นจริง นางบอกข้าว่าไป๋หยานจะต้องโยนความผิดของตนให้ผู้อื่น ดูเหมือนว่าทุกสิ่งจะเป็นจริงดังนางว่า มีแต่เจ้าเท่านั้นที่เชื่อเรื่องไร้สาระของผู้หญิงอย่างไป๋หยาน“
หลานหยูกำหมัดแน่น เขาอยากจะโต้ตอบ ทว่าทันใดนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงกระแอมไอขึ้นเบา ๆ จากด้านนอก ครั้นมองไปยังต้นเสียง เขาก็เห็นท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมกับคนของเขา
“ท่านพ่อ” หลานหยูระงับความโกรธ ขณะเดินเข้าไปคารวะบิดาของตน
“อะ ฮึ่ม ! ข้ายินดีต้อนรับทุกท่านที่มาร่วมงานเลี้ยงต้อนรับหลานสาวของข้าที่นี่” ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านกระแอมไอ นัยน์ตาที่ดุดันของเขากวาดไปทั่วบริเวณโดยรอบอย่างปราม ๆ พลันสายตาของเขาก็หยุดลงที่ตี้คังด้วยความสงสัย จากนั้นจึงขยับไปมองสบตาหลานหยู
ราวกับกำลังพยายามไถ่ถามว่า “เหตุใดตี้คังถึงมาที่นี่ได้ล่ะ ?”
หลานหยูเข้าใจความงุนงงของบิดา เขารีบส่ายศีรษะ เป็นคำตอบว่าเขาเองก็ไม่รู้เช่นกัน
“เจ้าบ้านหลาน อาการของท่าน … ” แววตาของหนานกงอี้เปล่งประกายเต็มไปด้วยความประหลาดใจ และคาดไม่ถึง
ขณะที่อีกด้านหนึ่งนั้น ไป๋เฉิงเซียงก็ไม่สามารถระงับอารมณ์ของตนได้อีกต่อไป นัยน์ตาของเขาลุกวาวด้วยความโกรธแค้น เขาพุ่งสายตาไปยังท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้าน
เหตุใดตาแก่นี่ถึงยังไม่ตาย ?
ไม่สิ เหตุใดตาแก่นี่ถึงลุกออกจากเตียงได้มากกว่า ? นี่แสดงว่าตาแก่นี่คงดีขึ้นมากแล้วกระนั้นสิ ?
ภายใต้สายตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจของแขกผู้มีเกียรติ ท่านเจ้าบ้านหลานค่อย ๆ เดินอย่างช้า ๆ เขาก้าวไปหยุดลงตรงหน้าตี้คัง ใบหน้าเหี่ยว ๆ ของเขาเผยรอยยิ้มต้อนรับ “นับเป็นเกียรติยิ่งที่ท่านอ๋องคังมาเยือนสถานที่อันต่ำต้อยของเรา ทั้งยังเข้าร่วมงานเลี้ยงของสกุลหลานด้วยตนเอง”
สายตาของตี้คังที่ก้มลงมองชายชรายังเต็มไปด้วยความห่างเหินและเย็นชา “ข้าเพียงอยากรู้ว่า ไป๋หยานเป็นใคร แล้วนางสร้างเรื่องน่าอับอายใดให้กับอาณาจักรแห่งนี้ ?”
แท้ที่จริงเขาก็รู้เรื่องราวมาจากทหารองครักษ์บ้างแล้ว ครั้นหวนคิดถึงเรื่องที่ทหารองครักษ์รายงาน นัยน์ตาของตี้คังพลันหรี่ลงเล็กน้อยแลดูน่าอันตราย
นางสูญเสียความบริสุทธิ์เมื่อหกปีก่อน ทั้งนางยังตั้งครรภ์ก่อนแต่งงาน ?
ดี !
ดีมาก !
ข้าอยากจะเห็นนักว่าสตรีผู้นั้นจะปากแข็งไปได้สักเพียงใด !
มุมปากของเขายกโค้ง รอยยิ้มของเขาแลดูกระหายเลือด ใบหน้าหล่อเหลายังดูไร้ซึ่งอารมณ์ อาภรณ์สีม่วงเข้ม ยิ่งขับเน้นให้เขาแลดูกดดัน กระทั่งคนทั้งห้องแทบจะหายใจไม่ออก …
ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหัวใจเต้นแรง ในใจรู้สึกสังหรณ์ไม่ดีเลย ชายชราเริ่มเป็นกังวลว่าหลานสาวของตน อาจไปยั่วยุท่านอ๋องจอมกระหายเลือดผู้นี้โดยบังเอิญหรือไม่
***จบบท ช่างน่าทึ่งเสียนี่กระไร (2)***