พระพักตร์ของหนิงไต้เปลี่ยนเป็นดำคล้ำทันที
“อ๋องคัง ข้ารู้ว่าฮ่องเต้ทรงไว้วางพระทัยท่านมาก ทว่าอย่างน้อยข้าก็เป็นผู้ดูแลตำหนักใน ยามนี้พระชายาถูกทำร้าย ท่านจะไม่ให้ข้าทำกระไรเลยหรือ ?”
ตี้คังเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย กิริยาของเขาเต็มไปด้วยอาการดูถูกเหยียดหยามฮองเฮาผู้ซึ่งกำลังเผชิญหน้าเขาอยู่
“เช่นนั้นข้าก็อยากรู้นักว่าผู้ใดให้สิทธิ์ท่าน สั่งสอนคนของข้า ?”
“ท่าน… ” หนิงไต้กริ้วจนตรัสคำใดไม่ออก นางหันกลับมาทอดพระเนตรไป๋หยานอย่างแค้นเคือง
ไป๋หยานก็ไม่ต่างกับมารดาของนาง นางจิ้งจอกนั่นรู้จักวิธียั่วยวนบุรุษทุกคนที่นางได้พบ ! หากแต่เหตุใดตี้คังจึงโง่เง่าถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงไม่สนใจองค์หญิงดี ๆ ทว่ากลับปกป้องหญิงสกปรกผู้นี้แทน !
“เสด็จแม่“ นางกำนัลช่วยพยุงไป๋รั่ว ผู้ซึ่งยามนี้สองมือของนางกำลังกุมท้อง ขณะเดินเข้ามาหาหนิงไต้พร้อมใบหน้าซีด ๆ “หม่อมฉันไม่เป็นไรแล้ว โปรดประทานอภัยให้พี่สาวของหม่อมฉันด้วยเถอะเพคะ นางคงไม่ได้ตั้งใจจะทำเช่นนี้“
ครั้นเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาของไป๋รั่ว หนิงไต้ก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายพระทัย ขณะที่ไป๋รั่วเองก็ยังเล่นละครต่อ การแสดงออกของนางเต็มไปด้วยความเมตตา และให้อภัย
“รั๋วเอ๋อ อย่ากังวลเลย แม่ต้องให้ความยุติธรรมกับเจ้าอย่างแน่นอน” ฮองเฮาตบหลังมือไป๋รั่ว ราวกับการกระทำนี้จะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของพระสุณิสาของนางได้ จากนั้นฮองเฮาก็หันพระพักตร์กลับไปจ้องไป๋หยาน และตี้คังด้วยแววพระเนตรดุร้าย “นางทั้งคู่ต่างก็เป็นบุตรสาวของบ้านสกุลไป๋ คนหนึ่งบริสุทธิ์อีกทั้งใจดี ในขณะที่อีกคนไม่รู้ดีรู้ชั่ว ซ้ำยังโหดร้าย ? “
ตี้คังเพิกเฉยต่อคำพูดพล่ามของฮองเฮาอย่างสิ้นเชิง เขาใช้นิ้วมือสางเรือนผมสีดำที่อ่อนนุ่มของไป๋หยาน การกระทำนี้ดูเหมือนสามีกำลังปลอบใจภรรยาของตน เป็นฉากที่อบอุ่น อีกทั้งผ่อนคลายเสียเหลือเกิน หากมิได้อยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจเช่นนี้
“เจ้าต้องการให้ข้าจัดการกับคนพวกนี้เช่นไร ? หยานหยานน้อยของข้า”
“ข้าได้จัดการกับไป๋รั่วแล้ว” ไป๋หยานปัดมือตี้คังออกด้วยความรำคาญ นางส่งสายตาย้ำจุดยืนของตน “เช่นนั้น ลืมมันเสียเถอะ“
ลืมมันเสียกระนั้นรึ ?
ตี้คังหรี่ตาลงเล็กน้อย เขามองหญิงสาวในอ้อมแขนอย่างสงสัยจากนั้นก็ดูเหมือนเขาจะเข้าใจบางสิ่ง ริมฝีปากของเขาโค้งขึ้นเผยให้เห็นรอยยิ้มที่น่ากลัว แลดูอันตราย
เขารู้จักหญิงสาวผู้นี้ดี นางไม่มีวันปล่อยศัตรูของนางไปง่าย ๆ เป็นแน่
“ไป๋หยาน เรื่องนี้จะจบหรือไม่ มิได้ขึ้นอยู่กับเจ้า ทว่าขึ้นอยู่กับข้า !” หนิงไต้กำพระหัตถ์แน่น กระทั่งเห็นเส้นพระโลหิต นางผงกพระเศียรเป็นสัญญาณเรียกทหารองครักษ์เข้ามา “พาหญิงผู้นี้ไปที่ห้องลงอาญาเดี๋ยวนี้ ! “
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
ถึงตอนนี้ ไป๋รั่วไม่พยายามยับยั้งแล้ว นางหลบอยู่หลังฮองเฮา พร้อมด้วยรอยยิ้มที่น่ากลัว แววตาของนางเต็มไปด้วยเจตนามุ่งร้าย
ต่อให้เจ้ามีอ๋องคังคอยปกป้อง ทว่าในอาณาจักรหลิวฮั่วนี้ ฮ่องเต้และฮองเฮาเท่านั้นที่ทรงอำนาจสูงสุดมิใช่อ๋องคัง !
ทว่า…
องครักษ์เหล่านี้ต่างตระหนักดีถึงชื่อเสียงของอ๋องคัง ทั้งด้านความแข็งแกร่ง และความโหดร้าย เห็นได้ชัดว่าอ๋องคังกำลังปกป้องสตรีผู้นี้ หากแต่พวกเขาก็ไร้ซึ่งทางเลือก จำต้องลงมือตามพระราชเสาวนีย์ของฮองเฮา
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเหล่าคนเขลาที่กำลังดาหน้าเข้ามา กลิ่นอายสังหารก็แผ่ออกมาจากร่างของตี้คัง ปกคลุมไปทั่วอุทยานด้านหลังวังหลวงทันที
“ออกไป !“
ภายใต้เสียงตะคอก องครักษ์ที่พุ่งตัวเข้าหาต่างก็รู้สึกว่าหน้าอกของตนถูกแรงอัดกระแทกจนแทบหายใจไม่ออก ราวกับถูกทุบด้วยพลังที่มองไม่เห็น อึดใจถัดมาร่างของพวกเขาก็ลอยละลิ่ว ก่อนจะตกกระทบพื้นโดยไม่มีโอกาสได้ตอบโต้ เลือดไหลทะลักออกมาจากปากของพวกเขา ทำให้สถานที่อันเงียบสงบแห่งนี้เต็มไปด้วยกลิ่นคาวคละคลุ้ง
สีหน้าของหนิงไต้เปลี่ยนเป็นดำคล้ำ ที่ผ่านมานางเพียงกลัวพลังของบุรุษผู้นี้ แต่นั่นก็เพียงความแข็งแกร่งของตี้คังเท่านั้น มิใช่อำนาจของเขา เช่นนั้นนางจึงคิดว่าอย่างน้อยที่สุดนางก็เป็นหนึ่งในแผ่นดินเช่นกัน ตี้คังไม่น่าที่จะกล้าต่อต้านนาง
ทว่าทั้งหมดทั้งมวล ล้วนเป็นเพราะนังหญิงสกปรกผู้นี้ !
หากแต่สิ่งที่คาดไม่ถึงที่สุดก็เกิดขึ้น …
“เพื่อเห็นแก่ หยานหยานน้อย วันนี้ข้าจะเมตตาไว้ชีวิตคนพวกนี้ เอาล่ะหากข้านับถึงสาม แล้วพวกเจ้ายังขืนอยู่ที่นี่ ก็อย่าตำหนิว่าข้าเป็นคนโหดร้าย !“
***จบบท ฮองเฮาทำตัวเองให้ดูโง่ (1)***