“ต้องทำอย่างไร ท่านจึงจะเลิกตามตื๊อข้า ?”
นัยน์ตาของไป๋หยานเปล่งแสงเย็นยะเยียบ น้ำเสียงที่นางใช้ถามก็แสนเย็นชา
คำถามของนางราวกับหมัด ที่ต่อยตรงเข้าหัวใจของเขา กระทั่งทำให้เขารู้สึกใจอ่อนล้า ขณะที่แขนทั้งสองกลับโอบกระชับร่างของนางแน่นขึ้น
หญิงผู้นี้ เหตุใดถึงอยากจะหลบเลี่ยงข้าเสียเหลือเกิน ?
“ไป๋หยาน เจ้าโชคไม่ดีเอาเสียเลย ในเมื่อเจ้าตกอยู่ในกำมือของข้า ก็มิใช่เรื่องง่ายที่คิดจะหลบหนี !
“อืมมมม … ”
ไป๋หยานอยากจะแสดงความโกรธเกรี้ยวออกมาอีกครั้ง ทว่าบุรุษที่อยู่เบื้องหน้าพลันกดริมฝีปากที่เย็นชาปิดกั้นถ้อยคำทั้งหมดของนางเสียก่อน
ภายใต้ร่างของนางคือม้านั่งอันเย็นเยียบ ทว่าไป๋หยานไม่รู้ว่าแผ่นหลังของนางเปียกโชกไปด้วยเหงื่อตั้งแต่เมื่อใด นางรู้สึกได้ถึงลิ้นอุ่น ๆ ของชายหนุ่ม จากนั้นไป๋หยานก็ไม่ลังเลใด ๆ อีก นางกัดลิ้นของเขาทันที
เลือดไหลออกมาเต็มปาก ชายหนุ่มเพียงส่งเสียงคำรามต่ำในลำคอ พร้อมกับขมวดคิ้ว หากแต่ก็ไม่ยอมปล่อยสตรีที่อยู่ในอ้อมกอดอันแข็งแกร่งของตน
รสชาติของนางนั้นดีงามเสียเหลือเกิน เช่นเดียวกับเมื่อหกปีก่อน คืนแห่งความอับอายของเขา !
“อ๊า… ! ! ! ”
ทันใดนั้นเอง เสียงกรีดแหลมของเด็กสาวผู้หนึ่งดังขึ้นจากนอกศาลา คิ้วของตี้คังพลันเลิกขึ้น เขาย่นหน้าผากเล็กน้อย นัยน์ตาเรียวคมของเขาฉายประกายเย็นยะเยือก
เวลานั้นภายนอกศาลา เด็กสาวกำลังยกมือปิดปาก ทีท่าไม่อยากจะเชื่อ นัยน์ตาของนางตื่นตะลึง ร่างบอบบางของนางสั่นเทา
เป็นที่รู้กันดีว่าอ๋องพระราชทานผู้นี้เป็นโรครักความสะอาด และไม่เคยให้สตรีใดใกล้ชิด เดิมทีนางเพียงแค่แตะปลายแขนเสื้อของเขา ก็ยังเกือบถูกตัดมือ
ทว่าตอนนี้ เขากำลังจูบผู้หญิง ?
ไม่ !
นางไม่เชื่อสิ่งนี้ ….
“ออกไปซะ ! “
เสียงข่มขู่เย็นเยือกนั่นทำให้เด็กสาวสะดุ้ง และกลับคืนสู่ความเป็นจริง นางเงยหน้าขึ้นจึงพบกับนัยน์ตากระหายเลือดของชายหนุ่ม เขากำลังจ้องมองนางอยู่
ในเวลานั้นเอง ภาพบุรุษเลือดเย็นที่สั่งการให้องครักษ์ตัดมือของนางพลันปรากฏขึ้นในใจ ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นซีดด้วยความหวาดกลัว นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจจ้องมองไปที่ใบหน้าของไป๋หยาน ซึ่งยามนี้มีเส้นผมของชายหนุ่มบดบังไว้ นางกัดริมฝีปากหมุนตัวเดินกลับไปตามทางที่มา
ครั้นองค์หญิงหกจากไปแล้ว ไป๋หยานก็ดันตัวลุกขึ้นจากม้านั่ง นางเลียเลือดบริเวณริมฝีปากล่าง
“ท่านคงมีรสนิยมชอบให้ผู้อื่นเห็นฉากรักของตนเองล่ะสิ แต่มิใช่ข้า“
“ไป๋หยาน” ตี้คังเชยคางไป๋หยานขึ้น ริมฝีปากของเขาขยับเข้าใกล้อีก เขากล่าวด้วยน้ำเสียงคุกคามว่า “ตลอดชีวิตนี้ อย่าหวังว่าจะพ้นมือข้าไปได้ ! เพราะต่อให้เจ้าหนีข้าไปสุดขอบโลก ข้าก็จะตามหาเจ้าจนกว่าจะเจอ ! “
จากนั้นข้าก็จะปราบพยศให้เจ้าสิ้นฤทธิ์ !
รอยยิ้มของไป๋หยานแข็งค้าง ก่อนที่นางจะตั้งสติได้ ชายหนุ่มตรงหน้าก็จากไปแล้วอย่างรวดเร็ว
‘ตี้คัง กำลังสงสัยเรื่องการมีตัวตนของเฉินเอ๋อ …’ ความรู้สึกอุ่น ๆ จากนิ้วของเขายังคงอยู่ที่ปลายคางของนาง นั่นทำให้สีหน้าของไป๋หยานดำคล้ำลง ‘เช่นนั้นข้าต้องหาทางส่งเฉินเอ๋อออกจากอาณาจักรหลิวฮั่วโดยเร็วที่สุด’
เพราะหากตี้คังต้องการตรวจสอบอย่างจริงจัง ย่อมมิใช่เรื่องยากเลยที่จะพบที่พักอาศัยของเฉินเอ๋อ ทว่าตอนนี้เขาเพียงแค่สงสัย หากข้าส่งเฉินเอ๋อออกไปจากที่นี่ย่อมเป็นการดีกว่า ….
ไม่ควรรีรอ !
ข้าต้องรีบกลับไปจัดการ !
คิดมาถึงตรงนี้ ไป๋หยานไม่มัวรีรอ นางรีบผลุนผลันลุกขึ้น จัดแจงเสื้อผ้า จากนั้นก็เดินไปที่ทางออก
*****
ณ พระตำหนักเฟิงหลวน
หนิงไต้รีบกลับไปที่ตำหนักของนางพร้อมความโกรธที่ยังคงคุกรุ่น พระพักตร์ของนางเขียวคล้ำจากความโกรธเกรี้ยว
“เสด็จแม่ … ” ไป๋รั่วตามเข้ามา สีหน้าของนางเจ็บปวด “ทั้งหมดเป็นความผิดของเรา หากมารดาของหม่อมฉันอบรมนางดีกว่านี้ นางก็คงไม่ดื้อด้านถึงเพียงนี้”
หนิงไต้หายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ของตน “เรื่องนี้หาใช่ความผิดของเจ้าไม่ เจ้าต้องทนทุกข์ทรมานมามากแล้ว ยามนี้ฮ่องเต้ไว้วางพระทัยในตัวอ๋องคังมาก หากแต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป รอให้ฮ่องเต้สูญเสียความไว้วางพระทัยในตัวอ๋องคังก่อนเถิด แล้วราชสำนักของเราจะคิดบัญชีกับเขารวบยอดทั้งเก่าทั้งใหม่พร้อมกันเลยทีเดียว !”
***จบบท ฮองเฮาทำตัวเองให้ดูโง่ (3)***