เสียงที่ดังอึงอลจากนอกประตู ทำให้ไป๋เสี่ยวเฉินที่กำลังน้อยใจพี่น้องตระกูลหวังถึงกับต้องขมวดคิ้วนิ่วหน้า ขณะกล่าวว่า
“เสี่ยวมี่ เหตุใดข้างนอกจึงเสียงดังจัง ?
ฟิ้ว !
ลำแสงสีขาวพุ่งลงมาจากท้องฟ้า ตกลงมาด้านหน้าของเด็กชาย “นายน้อยหนีเร็ว บิดาของท่านกำลังตามหาท่านอยู่ !”
อะไรนะ ?
ไป๋เสี่ยวเฉินตกใจมาก กระทั่งแทบพลัดหล่นจากภูเขาจำลองที่เขากำลังนั่งอยู่ ใบหน้าเล็ก ๆ น่ารักเปลี่ยนเป็นซีดเผือดไร้สีเลือด “จอมวายร้ายนั่นหาข้าพบได้อย่างไร ?”
“เลิกสนใจเรื่องนั้นเถอะ ตอนนี้ท่านต้องรีบออกไปจากที่นี่ก่อน ! ยาเม็ดที่นายหญิงมอบให้ท่านใช้ระงับกลิ่นอายอยู่ที่ใด ! รีบกินไว ๆ !“
จบกัน !
หากชายคนนั้นพบนายน้อย เขาต้องพรากนายน้อยไป ถึงตอนนั้น นายหญิงคงต้องเจ็บปวดมาก !
ไป๋เสี่ยวเฉินตื่นเต้นจนสับสน เขาหยิบขวดยาออกมา ไม่สนว่ามันเป็นยาที่เขาต้องการหรือไม่ เขารีบเปิดจุกเทยาออกมากินหนึ่งเม็ดทันที
“เสี่ยวมี่ แล้วเราควรทำอย่างไรต่อดี ? ต่อให้ข้ากินยาเข้าไป หากชายคนนั้นเห็นข้า เขาก็ต้องรู้อยู่ดีว่าข้าเป็นใคร”
ตอนนี้เขาอยากจะร้องไห้เสียเหลือเกิน หากหม่ามี้อยู่ที่นี่ นางจะต้องมีวิธีซ่อนตัวเขาอย่างแน่นอน
ดวงตาเสี่ยวมี่แลกราดไปมาอย่างรวดเร็ว ครั้นมองไปที่สระน้ำใกล้ ๆ พลันประกายความคิดก็เปล่งออกมาจากดวงตา “นายน้อยไปซ่อนตัวในน้ำนั่นก่อน ! ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็อย่าได้แสดงตัว ไว้ท่านค่อยออกมาหลังจากชายคนนั้นจากไปแล้ว”
“ได้ !“
ไป๋เสี่ยวเฉินพยักหน้ารับอย่างเคร่งขรึม ร่างของเด็กน้อยค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสุนัขจิ้งจอกสีเงิน จากนั้นเขาก็พุ่งตัวลงสระน้ำเขียว ๆ โดยไม่ลังเล
หลังจากร่างของเด็กน้อยจมหายไป เสี่ยวมี่ก็รู้สึกโล่งอก ทันใดนั้นเองร่าง ๆ หนึ่งก็พุ่งเข้ามาในลานบ้านราวพายุ
บุรุษผู้นั้นหล่อเหลา สง่างาม มีเอกลักษณ์ ดวงตาและคิ้วของเขาเต็มไปด้วยความองอาจภาคภูมิ ราวกับทุกย่างก้าวของเขาทำให้เกิดสายลมกรรโชกแรงตามมา
ฮัวหลัวเดินตามมาติด ๆ นางกวาดตามองทั่วลานบ้าน ครั้นไม่เห็นไป๋เสี่ยวเฉิน นางก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้าง
“ท่านอ๋อง คฤหาสน์โบราณของเราไม่มีผู้ที่ท่านตามหาหรอก ท่านกลับไปเสียจะดีกว่า“
ไม่มีงั้นเหรอ ?
ตี้คังเลิกคิ้ว “ในเมื่อข้ามาแล้ว ข้าย่อมจะไม่จากไปง่าย ๆ !”
แววตาของฮัวหลัวทวีความวิตกกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนหน้านี้นางได้ให้คนไปแจ้งนายหญิงของนางแล้ว หากแต่ไม่รู้ว่านายหญิงจะกลับมาทันหรือไม่ ?
“ท่านอ๋อง แม้ว่าท่านจะเป็นถึงอ๋อง หากแต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า ท่านจะสามารถบุกรุกสถานที่ส่วนตัวของผู้อื่นได้ ?” น้ำเสียงของฮัวหลัวเย็นชาเล็กน้อย “ยิ่งไปกว่านั้น หอบุปผาของข้าก็หาใช่ที่ที่ใครจะมารังแกกันได้ง่าย ๆ ! “
ตี้คังหยุดเดิน เขาแผ่แรงกดดันมหาศาลออกจากร่าง น้ำเสียงของเขาราบเรียบและเย็นชา
“หากมิใช่เป็นเพราะไป๋หยานเคยช่วยชีวิตเจ้าแล้วล่ะก็ คำพูดประโยคเดียวนั่น ก็มากเพียงพอที่จะทำให้เจ้าตายได้แล้ว“
ฮัวหลัวเบิกตากว้างอย่างประหลาดใจ
เหตุใดชายผู้นี้จึงรู้ว่านายหญิงเคยช่วยชีวิตข้าด้วย ? หรือว่าในหอบุปผาของข้ามีคนทรยศ ? ผู้ใดกันนะที่กล้าเปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับนายหญิง ?
“เมี้ยว…“
ครั้นเสี่ยวมี่เห็นฮัวหลัวดื้อด้านต่อต้านตี้คังอย่างโง่เขลารนหาที่ตายเช่นนั้น เสี่ยวมี่ก็รีบหาทางดึงดูดความสนใจของชายหนุ่มทันที
“ในฐานะทายาทของเผ่าพันธุ์เสือขาว เจ้าแสร้งทำตัวเป็นแมวน้อยที่อ่อนแอได้เช่นนี้ นับว่าเก่งมาก ดู ๆ แล้วการเป็นแมวน่าจะเหมาะกับเจ้ามากกว่า”
อ๊ะ …
เสี่ยวมี่รู้สึกว่า มันมาผิดทางเสียแล้ว
หากชายผู้นี้เป็นบิดาของนายน้อย แน่นอนว่าตัวตนของเขาย่อมไม่ธรรมดาเช่นกัน มันดันแกล้งทำตัวเป็นแมวน้อยต่อหน้าเขา ช่างน่าขันเสียจริง …
“ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าอีกครั้ง เด็กคนนั้นอยู่ที่ใด !“
***จบบท หนีเร็ว ! บิดาของท่านมาแล้ว !***