ความเฉลียวฉลาดของไป๋เสี่ยวเฉินดูอย่างไรก็ไม่เหมือนเด็ก 5 ขวบ !
“หม่ามี้” ไป๋เสี่ยวเฉินกระพริบตาที่แลดูไร้เดียงสาของเขา “เมื่อครู่ป้าฉู่ไปที่นั่นทันเวลาพอดี หม่ามี้สั่งให้ป้าฉู่ไปใช่มั้ย ?”
ไป๋เซียวตกตะลึง เขาหันมามองมาม่าฉู่อีกครั้ง
มาม่าฉู่ เป็นคนของหอบุปผา เหตุใดเฉินเอ๋อจึงใช้คำว่า “สั่ง ?”
“เสี่ยวมี่รีบกลับมาแจ้งจุดประสงค์ทั้งหมดของเจ้า เช่นนั้นแม่เลยให้ป้าฉู่ไปที่นั่นเพื่อเป็นพยาน” ไป๋หยานย่นหน้าผากลงเล็กน้อย “แม้ว่างานนี้เจ้าจะจบมันได้อย่างสวยงาม ทว่าต่อไปในภายหน้าแม่ไม่อนุญาตให้เจ้าเสี่ยงชีวิตเช่นนี้อีก เจ้าเข้าใจที่แม่พูดหรือไม่ ?”
ไป๋เสี่ยวเฉินเบ้ปาก “เฉินเอ๋อไม่อยากให้โลกเข้าใจหม่ามี้ผิด”
เฉินเอ๋อไม่อยากให้โลกเข้าใจหม่ามี้ผิด
ไป๋หยานรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ไหลเอ่อเข้าสู่หัวใจ นางอุ้มซาลาเปาน้อยขึ้นจากพื้นมานั่งบนตัก
“แต่…” ไป๋เสี่ยวเฉินเอียงศีรษะเล็ก ๆ ของตน “แต่ว่าหม่ามี้ส่งคนตระกูลเฉียนไปที่นั่นด้วยเหรอ ?”
คนตระกูลเฉียน
ไป๋หยานหรี่ตาลง นางหวนคิดถึงเรื่องราวในค่ำคืนนั้น คืนที่นางต้องหนีจากที่นี่อีกครั้ง พลันนัยน์ตาของนางก็เปล่งประกายเย็นชา
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?”
ตระกูลเฉียนไปปรากฏตัวในช่วงเวลาสำคัญนั้นได้อย่างไร ?
หรือว่า …
ทันใดนั้นเองใบหน้าหล่อเหลา และทรงพลังก็ปรากฏขึ้นในใจของนาง นั่นทำให้นางตกอยู่ในภวังค์ชั่วขณะ
นี่เป็นฝีมือของเขางั้นหรือ ?
นอกจากเขาแล้ว ไม่มีผู้ใดสามารถบังคับบ้านสกุลเฉียนให้ทำเช่นนั้นได้ เพราะตระกูลเฉียนก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลหลักของที่นี่
“พี่ใหญ่”
นัยน์ตาของไป๋เซียวเต็มไปด้วยความสับสน “พี่รู้จักกับหอบุปผาได้อย่างไร ?”
ยิ่งไปกว่านั้น หอบุปผายังเชื่อฟังคำสั่งของนางอีกด้วย ?
ไป๋หยานรู้ว่าน้องชายของนางจะต้องถามคำถามนี้อย่างแน่นอน นางเองก็ไม่อยากปิดบังเขา เช่นนั้นนางจึงยกยิ้มพร้อมกล่าวว่า “หอบุปผาเป็นของข้ามาหลายปีแล้ว ! สตรีที่อยู่ข้าง ๆ ข้าผู้นี้เป็นหัวหน้าของหอบุปผามีนามว่า ฮัวหลัว “
ราวกับเกิดแผ่นดินไหวสนั่น ไป๋เซียวนิ่งงันไปในบัดดล
แม้ว่าชื่อเสียงของหอบุปผาจะมิได้ดีนัก หากแต่อิทธิพลของหอบุปผาก็อยู่ในระดับเดียวกับราชสำนัก หอบุปผาที่ทรงพลังเช่นนี้กลับกลายเป็นของพี่สาวของเขางั้นหรือ ?
ที่สำคัญ หยูหรงต้องการขายหลานชายของเขาให้กับหอบุปผาอีกด้วย !
นี่มัน …
“ดังนั้น” ไป๋หยานค่อย ๆ ลุกขึ้นจากที่นั่งของนาง จากนั้นก็เดินเข้าไปหาไป๋เซียวผู้เป็นน้องชาย “อย่างที่ข้าเคยพูดก่อนหน้านี้ อย่าว่าแต่บ้านสกุลไป๋เลย ต่อให้เป็นอาณาจักรนี้ หากเจ้าอยากบดขยี้ข้าก็สามารถจัดการให้เจ้าได้”
คำสัญญาของนางไม่อาจละเลยได้ !
ไป๋เซียวไม่ตอบ เขาก้มศีรษะลง ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเต็มไปด้วยความหม่นหมอง
หลังจากนั้นครู่ใหญ่ กว่าเขาจะตัดสินใจได้ เขาค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง “ของ ๆ พี่ก็คือของ ๆ พี่ ในฐานะผู้ชาย ข้าจะให้พี่คอยสนับสนุนข้าตลอดเวลาได้อย่างไร ?”
“ยิ่งไปกว่านั้น … ” เขาหยุด ก่อนจะค่อย ๆ กล่าวอย่างมาดมั่น “เป็นเพราะท่านแม่ของเรา บ้านสกุลไป๋ถึงแข็งแกร่งได้เช่นทุกวันนี้ ! ข้าต้องการบ้านสกุลไป๋ ข้าไม่ต้องการให้สิ่งที่ท่านแม่ต้องเสียสละถูกทำลายจนย่อยยับ !”
ยิ่งพี่สาวของเขาแข็งแกร่งมากเพียงไร เขาก็ต้องยิ่งเข้มแข็งมากขึ้นเพียงนั้น เพื่อที่ว่าในภายหน้าเขาจะสามารถปกป้องนางได้
“พี่ใหญ่” ไป๋เซียวก้าวมาข้างหน้า จากนั้นก็โอบกอดพี่สาวของเขาเบา ๆ นัยน์ตาของเขาเหมือนมีรอยยิ้ม “อย่าเป็นห่วงเลย ข้าไม่มีอันตรายใด ๆ หรอก อย่างไรเสียข้าก็ยังเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของบ้านสกุลไป๋ ไป๋เฉิงเซียงไม่กล้าทำอะไรรุนแรงกับข้าเป็นแน่“
ครั้นเห็นน้องชายยืนยันเจตนารมย์อย่างแน่วแน่ ไป๋หยานก็ไม่รบเร้าเขาอีก นางเพียงแค่ส่งคนคอยปกป้องเขาอย่างลับ ๆ เพื่อที่ว่าตนเองจะได้ไม่ต้องเป็นกังวลใด ๆ เกี่ยวกับความปลอดภัยของเขา
“หากเจ้าต้องการสิ่งใดอย่าลืมมาหาข้านะ” ไป๋หยานตบไหล่ของไป๋เซียว “เซียวเอ๋อ จำไว้นะ…ในโลกนี้ข้ามีเจ้าเป็นน้องชายแต่เพียงผู้เดียว“
ไป๋เซียวพยักหน้ารับคำพี่สาวพร้อมรอยยิ้ม “พี่ใหญ่ ข้ารู้สึกราวกับว่า ข้าคงติดหนี้บุญคุณพี่มาแต่ชาติปางก่อน ชีวิตนี้ข้าจึงต้องมาชดใช้ความเมตตาของพี่ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในภายหน้า ข้าก็จะยืนอยู่ข้างเดียวกับพี่เสมอ !”
พี่ใหญ่… ข้าเสียใจที่ครานั้นข้าไม่เชื่อมั่นในตัวพี่ ทั้งยังกล่าวโทษพี่ที่จากไปแต่เพียงลำพัง…ข้าไม่รู้เลยว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาพี่ต้องทนทุกข์ทรมานมากมายเพียงใด !
นับแต่นี้ต่อไป ข้าจะไม่มีวันให้เกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นอีก
***จบบท ข้าคงติดหนี้พี่มาแต่ชาติปางก่อน !***