ทหารองครักษ์รับคําด้วยความเคารพนบนอบ จากนั้นพวกเขาก็รีบวิ่งตรงเข้าหาเด็กชาย
ทว่าในขณะที่พวกเขากําลังจะเข้าถึงตัวไป๋เสี่ยวเฉินนั้น จู่ ๆ เสียงตะโกนทึกก้องก็ดังลอยมา ” พระชายา เฉินเอ๋อเป็นแขกของข้า ผู้ใดอนุญาตให้เจ้าแตะต้องเขา ? ”
ไป๋รั่วหน้าเปลี่ยนสี
ยายแก่คนนี้มาทําอะไรที่นี่ ?
นางเม้มริมฝีปากแน่น ขณะจ้องมองผู้ที่กําลังปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้า ครั้นเห็นไป๋หยานเดินมาข้าง ๆ ไทเฮา สายตาของนางก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้น
ตอนนี้นางไม่มีแม่สามีคอยให้การสนับสนุนแล้ว นางจําเป็นต้องพึ่งพาใบบุญของพระสวามีและพระโอรสของนางเท่านั้น
” หม่อมฉัน ถวายพระพรไทเฮา”
ไป๋รั่วถอนสายตาที่จ้องมองไป๋หยาน ก่อนจะย่อกายเล็กน้อยถวายบังคมไทเฮา
” พระชายา เจ้าเห็นว่าข้าแก่แล้วใช่หรือไม่ ? เจ้าถึงกล้าออกคําสั่งที่ตําหนักในนี่”
ไทเฮาเปล่งสุรเสียงแหลม บ่งบอกให้เห็นถึงความไม่พอพระทัยกับพฤติกรรมของไป๋รั่วอย่างชัดเจน
“หามิได้เพคะ ไทเฮา” นางรีบลากตัวอันธพาลน้อยออกมาจากด้านหลัง “เป็นเพราะบุตรชายของไป๋หยานให้แมวของเขาข่วนโอรสของหม่อมฉันก่อน ในฐานะมารดา หม่อมฉันจะทนอยู่เฉยได้อย่างไร โปรดประทานอภัยให้หม่อมฉันด้วยเพคะ”
ไทเฮาทอดพระเนตรรอยขีดข่วนบนตัวของเด็กน้อย พร้อมกับขมวดพระขนง
“เฉินเอ๋อ” ไป๋หยานรู้จักนิสัยของบุตรชายดี นางหันไปทางไป๋เสี่ยวเฉินเอ่ยถามว่า “บอกแม่สิว่าเกิดอะไรขึ้น ?”
” หม่ามี้” ไป๋เสี่ยวเฉินทําปากจู๋ “หลานฮ่องเต้คนนี้ตะคอกใส่เฉินเอ๋อ เรียกเฉินเอ๋อว่าเด็กน่ารังเกียจก่อน เขาขู่ว่าจะทุบตีเฉินเอ๋อด้วย เพื่อปกป้องเฉินเอ๋อเสี่ยวมี่ก็เลยข่วนเขา”
สีหน้าของไป๋หยานเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นทันที นางกวาดสายตาไปทางไป๋รั่ว ” ทุบตีบุตรชายของข้ากระนั้นหรือ ? ข้าไม่เคยแตะต้องเขาแม้ปลายเล็บ บุตรชายของเจ้ากล้าดีอย่างไรถึงจะมาทุบตีบุตรชายข้า ?”
“เจ้า…” ไปรั่วกัดริมฝีปาก นางหันไปหาไทเฮา พร้อมกับแสดงออกอย่างน่าสงสาร “ไทเฮา แม้ว่าโอรสของหม่อมฉันจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่หม่อมฉันรู้ดีว่า อีกฝ่ายจะต้องยั่วยุเขา โอรสของหม่อมฉันไม่ใช่เด็กที่จะตะคอกผู้ใดโดยไร้เหตุผล ขอไทเฮาโปรดให้ความเป็นธรรมกับหลินเอ๋อด้วย”
ด้วยคราบน้ำตา “ใช่แล้ว เป็นเพราะเด็กน่ารังเกียจนี่ยั่วยุข้าก่อน ทั้งยังให้แมวของเขาข่วนข้า ข้าก็เลยโมโหจึงตะคอกใส่เขา”
ไป๋รั่วลอบยิ้ม นางหลุบตาซ่อนประกายที่เย็นเยียบในแววตา
ไป๋หยาน มาถึงตอนนี้ ข้าจะดูสิว่าไทเฮาจะปกป้องเจ้าได้อย่างไร ?
ไทเฮาขมวดพระขนง นางรู้นิสัยเหลนชายอันธพาลของนางผู้นี้เป็นอย่างดี เขาชอบข่มขู่ทุบตีผู้อื่น นางรู้ทุกอย่าง ทว่าเพราะนางชราแล้ว นางจึงคร้านจะใส่ใจ ปล่อยเขาไปตามเรื่องตามราว
“เฉินเอ๋อ บอกยายทวดสิว่า เหตุใดแมวน้อยของเจ้าถึงทําร้ายเขา ?” สุรเสียงของไทเฮาอ่อนลง ขณะมีรับสั่งถาม
สีหน้าของไป๋รั่วเปลี่ยนเป็นเขียวทันที นี่ขนาดบุตรชายของนางบอกเหตุผลไปแล้ว ยาแก่นี่ก็ยังไม่ไว้หน้าเขาอีก ทั้งยังให้เด็กชั่วนั่นเรียกตนเองว่ายายทวดอีก !
“เขาเตะหนานกงซุ่น เฉินเอ๋อเป็นห่วงหนานกงซุ่น ก็เลยให้เสี่ยวมีกระโจนใส่เขา” หลังจากกล่าวจบ ไป๋เสี่ยวเฉินก็เดินเข้าไปหาหนานกงซุ่น พร้อมกับยกแขนของหนานกงซุ่นที่เต็มไปด้วยบาดแผลให้ดู ยามนี้สีหน้าของเด็กน้อยเต็มไปด้วยความโกรธเคือง “เสด็จยายทวดไทเฮา ดูนี่สิ หนานกงซุ่นได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ก็เพราะพวกเขา”
ไทเฮาทอดพระเนตรรอยแผลบนแขนของหนานกงซุ่น แล้วนางก็นิ่งอึ้ง นางรีบสาวพระบาทไปประทับยืนข้าง ๆ เด็กน้อย
“เสี่ยวเหม่ย มานี่ รีบมาดูบาดแผลของเขาซิ”
ครั้นไทเฮามีรับสั่ง แม่นมชราที่ชื่อเสี่ยวเหม่ยก็รีบเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว นางเปิดเสื้อคลุมผ้ากระสอบของหนานกงซุ่นออก เผยให้เห็นร่องรอยของบาดแผลแทบทุกตารางนิ้ว
” ทูลไทเฮา บาดแผลขององค์ชายน้อยหลายแห่งเป็นแผลเก่า ยากที่จะระบุว่าได้รับมานานเพียงใด ทว่าก็มีบางแห่งที่ยังเป็นแผลเปิด รอยแผลยังใหม่ ทั้งมีรอยช้ำเขียวที่บริเวณหน้าอกคาดว่าน่าที่จะเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้”
***จบบท โจรฟ้องโจร (2)***