“เด็กน้อย” ไทเฮาทอดพระเนตรใบหน้าเล็ก ๆ ที่แลดูดื้อรั้น พร้อมกับตรัสถามอย่างปวดร้าวพระทัย “ไหนบอกยายสิ เจ้าเป็นโอรสขององค์ชายใด ?
หนานกงซุนนิ่งอึ้ง แต่ครั้นเห็นว่าไทเฮาเป็นห่วงเขาจริง ๆ เขาก็ยอมเปิดปาก
” ท่านแม่ของข้าเป็นนางกํานัลในวัง นางเสียชีวิตไปแล้ว”
“ถ้าเช่นนั้นผู้ใดทําให้เจ้าได้รับบาดเจ็บถึงเพียงนี้หรือ ?”
ทันทีที่ไทเฮาทรงมีพระดําริว่ามีคนกระทําสิ่งโหดร้ายเช่นนี้กับเด็กเล็ก ๆ พระทัยของนางก็เดือดพล่านด้วยความกริ้ว
ครั้นหนานกงซุ่นได้ยินคําถาม เขาก็เผลอหันไปมองอันธพาลน้อย จากนั้นก็หลุบตาต่ํา “บางแผลก็มาจากองค์ชาย และองค์
หญิง บางแผลก็มาจากพระมารดาขององค์ชายองค์หญิงเหล่านั้น บางแผลก็มาจากขันทีซึ่งชอบรังแกข้า เพราะข้าตัวคนเดียวไม่มีใคร…”
“เสี่ยวเหม่ย” สีพระพักตร์ของไทเฮาเคร่งเครียดขึ้นทันที นางมีรับสั่งสุรเสียงเข้ม “ไปตรวจสอบเรื่องนี้ให้ละเอียด ข้าอยากรู้ว่าขันที่คนไหนกล้าทําร้ายองค์ชายน้อย ! ลากตัวพวกเขามาให้ข้า
อย่างไรเสียเด็กน้อยผู้นี้ก็เป็นสายเลือดโดยตรงของราชวงศ์ ตัวนางเองอาจไม่เคยรู้ว่าเด็กผู้นี้มีตัวตนมาก่อน ทว่าเมื่อรู้แล้ว นางก็จะไม่ปล่อยให้ขันที่มารังแกองค์ชายน้อยผู้นี้อีก !
“เพคะ ไทเฮา”
แม่นมชราย่อกายรับพระเสาวนีย์ก่อนจะถอยหลบไป
ครั้นนางกํานัลคนสนิทจากไปแล้ว พระเนตรที่เต็มไปด้วยความกริ้วของไทเฮาก็กวาดมาทางอันธพาลน้อย
“ข้าเคยคิดว่า อย่างมากเจ้าก็แค่รังแก และสร้างปัญหาเล็ก ๆ น้อยให้ผู้อื่น ไม่คาดคิดเลยว่าเจ้าจะทุบตีผู้อื่นเช่นนี้ ! พระชายา เจ้าช่างอบรมสั่งสอนโอรสได้ดีจริง ๆ ! เขากล้าทําร้ายกระทั่งพระบิตุลา(อา)ของตนเอง ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก !”
สีหน้าของไปรั่วเปลี่ยนเป็นซีดขาว นางรีบดึงโอรสของนางก้มลงคุกเข่าพร้อมกับนาง “ไทเฮาต้องมีอะไรเข้าใจผิดแน่ ๆ หลินเอื้ออาจจะดื้อรั้นไปบ้าง ทว่าเขาเป็นเด็กจิตใจดี เขาไม่เคยทําร้ายเด็กคนอื่น”
“เจ้าหมายความว่า ซุ่นเอ๋อโกหกใช่หรือไม่ ?” พระพักตร์ของไทเฮายิ่งแลดูดุดันด้วยความพิโรธ
ไปรั่วพยายามดึงแขนเสื้อพระโอรส เพื่อให้เขาช่วยแก้ต่าง
หากแต่ผู้ใดจะรู้ว่าอันธพาลตัวน้อยจะสะบัดมือของไปรั่วออก จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนเท้าสะเอว ” ข้าไม่ผิด ! แม่ของมันก็แค่นางกํานัลกระจอก ๆ มันก็เป็นทาสของข้า ! เหตุใดข้าจึงตีมันไม่ได้ ? ข้าไม่เคยมีอาเช่นนี้ !”
“หลินเอ๋อ !”
ยามใช้มือปี
ไปรั่วนิ่งอึ้งด้วยความหวาดกลัว หลังจากนางได้สติ นางก็พยายามใช้มือปิดปากอันธพาลตัวน้อย หน้าผากของนางชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ
“ไทเฮา ทรงพระเมตตาด้วย” ไปทั่วโขกศีรษะคํานับหลังจากหยุดปากโอรสของนางได้แล้ว “เป็นเพราะหม่อมฉันสั่งสอนอบรมพระโอรสได้ไม่ดีพอขอทรงโปรดประทานอภัยให้หม่อมฉันด้วย”
“เจ้าก็รู้ตัวด้วยหรือว่าอบรมสั่งสอนเขาไม่ดีพอ ?” ไทเฮาตรัสเยาะ “ดูเฉินเอ๋อสิ เขาก็มีอายุห้าขวบเท่ากับโอรสของเจ้า ทว่าเหตุใดพฤติกรรมของเขา ทัศนคติของเขาถึงได้แตกต่างกับโอรสของเจ้าราวฟ้ากับดิน”
ริมฝีปากของไปรั่วสั่นระริก ใบหน้าของนางแลดูน่าเกลียด
เพราะโอรสของนางเป็นความภาคภูมิใจของนางเสมอมา
แต่ยายแก่ไทเฮานี่กลับบอกว่าบุตรชายของนางด้อยกว่าบุตรชายของไป๋หยานได้อย่างไร ?
” หลินเอ๋อ รีบขอประทานอภัยซะ”
ไปรั่วกลืนความโกรธแค้น และความขัดข้องหมองใจไว้ นางตวาดเสียงต่ํา ๆ ว่า “บอกเสด็จ ยายทวดสิว่าจากนี้ไปเจ้าจะไม่ทุบตีผู้ใดอีก”
” ข้าไม่ขอโทษ !” อันธพาลตัวน้อยเชิดริมฝีปาก เขามองไปที่ไปเสี่ยวเฉินกับหนานกงซุนพร้อมคํารามออกมา “วังหลวงแห่งนี้เป็นของข้า อาณาจักรทั้งหมดก็เป็นของข้า ที่สุดโลกทั้งโลกก็จะเป็นของข้าเช่นกัน ข้าเกิดมาภายใต้การกราบกรานจากเหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลายในโลก เจ้าเด็กน้อยสองคนนี้ต่างหากที่ต้องขอโทษข้า นางแม่มดเฒ่า เจ้ามันจุ้นจ้านเป็นที่สุดหากข้าโตขึ้นข้าจะไล่เจ้าออกจากวังนี้ !”
”เจ้า
” พระวรกายไทเฮาสั่นด้วยความพิโรธ นางหายพระทัยขัดแทบจะประชวรพระวาโย
***จบบทไทเฮาทรงกริ้ว (1)***