บทที่ 165 : องค์หญิงผู้โชคร้าย (3)
”พระชายา…นาง… ”
”เกิดอะไรขึ้นกับพระชายา”
หนานกงหยวนขมวดพระขนงเขาพอพระทัยไป๋รั่วพระสุณิสาผู้นี้ของเขามาก น่าเสียดายที่นางอบรมบุตรชายของนางได้ไม่ดีเท่าที่ควร
”พระชายาถูกโบยเพียงไม้เดียวก็สลบ ทว่าเนื่องจากการลงทัณฑ์ยังไม่เสร็จสิ้น พวกเขาจึงไม่ยอมให้ผู้ใดเข้าไปดูแลนาง”
หนานกงหยวนขมวดพระขนงพระเนตรของเขาฉายแววโกรธแค้น
หลานเฉาหลิงสามหาวยิ่งนักเพียงได้รับการสนับสนุนจากตี้คัง ก็ไม่เคารพยำเกรงราชสำนัก กล้าทำร้ายกระทั่งพระชายา เราจะดูสิว่าวันใดที่อ๋องคังเลิกหลงใหลในตัวไป๋หยาน บ้านสกุลหลานจะทำเช่นไรต่อไป !
”ฝ่าบาทเกิดเรื่องใหญ่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ก่อนที่หนานกงหยวนจะทันได้ตรัสคำใดก็มีขันทีอีกคนวิ่งกระหืดกระหอบเช่นเดียวกับขันทีคนก่อนหน้า เขารีบกราบบังคมทูลก่อนที่ฮ่องเต้จะมีรับสั่งถาม
”วังหลวงถูกวางเพลิงคลังหลวงกำลังถูกไฟไหม้ ฝ่าบาท รีบเสด็จหนีก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ…”
”อะไรนะ”
หนานกงหยวนกริ้วจัด“ผู้ใดกล้าเผาคลังหลวงของเรา ?”
”หามิได้พ่ะย่ะค่ะ…ฝ่าบาท มีคนวางเพลิงตำหนักองค์รัชทายาท ทว่าเนื่องจากไฟโหมแรง สุดท้ายก็ไหม้ลามไปกระทั่งถึงท้องพระคลัง”
”ตำหนักโอรสของข้าหรือ”พระพักตร์ของหนานกงหยวนมืดมน “เป็นฝีมือของหลานเฉาหลิงอีกหรือไม่ ?”
”หามิได้พ่ะย่ะค่ะ… ” ขันทีปาดเหงื่อบนหน้าผาก “เป็นฝีมือของเด็กสาวที่คุณหนูหลานเป็นผู้พามาพ่ะย่ะค่ะ หญิงสาวผู้นั้นเห็นดอกไม้ที่สวนหลังวังกำลังเบ่งบาน นางจึงย้ายดอกไม้ทั้งหมดออก ก่อนจะจุดไฟ … ”
ในขณะที่บทสนทนายังคงดำเนินไปเกี่ยวกับเรื่องนี้หนานกงหยวนพลันรู้สึกได้ถึงความร้อนระอุของเปลวเพลิงที่กำลังลุกลามใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ฮ่องเต้กัดพระทนต์พลางตรัสว่า “คุ้มกันเรา หลบหนี !”
โชคดีที่เขาเก็บของมีค่าสำคัญ ๆ ไว้ในวงแหวนมิติของเขา หาไม่แล้วผู้ใดจะรู้ว่า เขาจะต้องเจอกับความสูญเสียสักเพียงไร…
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นไป๋หยานก็กำลังพักผ่อนอยู่ในคฤหาสน์โบราณ นางไม่รู้เลยว่าภายในวังเกิดเหตุการณ์ใดขึ้นบ้าง
ไป๋หยานเอนกายสบายๆ อยู่บนก้อนหิน นางหลับตาพักผ่อนอย่างสงบ ทันใดนั้นเอง นางก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมาที่ลานหน้าบ้าน นางจึงลืมตาขึ้นมอง ไป๋หยานเลิกคิ้วพลางถามว่า “อีอี้ เจ้ากลับมาแล้วหรือ ?”
ครั้นฉู่อีอี้เห็นหญิงสาวนอนเอนกายอยู่บนก้อนหินนางก็ถอยหลังไปสองก้าวด้วยความสำนึกผิด
“ไป๋หยานไยเจ้าจึงมานอนอยู่ที่นี่ล่ะ ?”
“ข้ารอเจ้าอยู่”ไป๋หยานกระโดดลงมาจากก้อนหิน นางกวาดตามองทั่วร่างของฉู่อีอี้พลางเอ่ยถาม “เจ้าไปก่อเรื่องใดมาหรือไม่ ?”
ฉู่อีอี้ไอแค่กๆ “ไม่ ไม่แน่นอน !”
ชัดเจนว่าไป๋หยานไม่เชื่อถ้อยคำของฉู่อีอี้เลยนางก้าวเข้าใกล้ฉู่อีอี้มากขึ้น มากขึ้น พร้อมรอยยิ้มคุกคาม “เจ้าคิดว่าหากเจ้าไม่พูด ข้าก็จะไม่รู้งั้นรึ ?”
“ข้า…”ฉู่อีอี้ถอยหลังไปอีกหลายก้าว นางเอ่ยเสียงอ่อย ๆ “ข้าเพียงแอบหยิบไม้กระบองของพี่เฉาหลิงมาฟาดไป๋รั่ว แต่ข้าไม่ทันควบคุมพลังตนเอง เลยทำให้นางสลบ…”
ดีที่หลานเฉาหลิงแย่งไม้กระบองกลับคืนได้ทันหาไม่แล้วนางคงฟาดอีกครั้ง ไป๋รั่วก็คงกระอักเลือดตาย
”แค่นี้หรือไม่มีอะไรอีกแล้ว…แน่นะ ?”
”ข้า…ข้า…เผาวัง แต่ข้าไม่ได้ฆ่าผู้บริสุทธิ์นะ”
แน่นอนว่านางเว้นเรื่องขนย้ายต้นไม้ดอกไม้ออกมาจากสวนไว้
หางตาของไป๋หยานกระตุกนางรู้ดีว่า การปล่อยหญิงร้ายกาจผู้นี้เข้าวังย่อมจะต้องสร้างปัญหาอย่างแน่นอน
”น่าเสียดายที่ไฟลุกลามไปถึงท้องพระคลัง ข้าได้ยินมาว่าในท้องพระคลังมีเงินทองมากมาย หากเจ้าจะเผา ก็ควรขนย้ายทรัพย์สินเหล่านั้นออกมาเสียก่อน”
เมื่อคิดถึงเงินทองที่ต้องสูญเปล่าไปไป๋หยานก็ไม่อดไม่ได้ที่จะเสียดาย แม้ว่าเงินพวกนั้นจะเป็นจำนวนน้อยนิดสำหรับนางก็ตามที
แต่เงินก็คือเงินจะน้อยจะมากก็เป็นเงิน ?
ครั้นเห็นว่าสหายของนางไม่ได้โกรธนัยน์ตาของฉู่อีอี้ก็เปล่งประกายสว่างไสว นางยิ้มหวานให้ไป๋หยาน