บทที่ 184 : นางเป็นหัวหน้าหอบุปผา (1)
หนานกงอี้หัวเราะเยาะ
เขามาช้าไปหน่อยจึงพลาดฉากการต่อสู้ระหว่างไป๋เฉิงเซียงกับผู้คุ้มกฏซ้าย เช่นนั้นเขาจึงคิดว่าไป๋เฉิงเซียงโกรธไป๋หยานกระทั่งกระอักเลือด
เมื่อได้ยินถ้อยคำดังกล่าวเขาก็ยิ่งดูถูกนาง “เจ้าเป็นเพียงนางโลมชั้นต่ำ กล้าทำตัวกระด้างกระเดื่อง หากไม่มีอ๋องคังให้การหนุนหลัง เจ้าจะสามารถทำตัวยโสเช่นนี้หรือ ? รอให้อ๋องคังรู้ความจริงเรื่องเจ้าเป็นหญิงคณิกาก่อนเถิด เจ้าคิดว่าเขายังจะต้องการเจ้าอีกกระนั้นรึ ?”
ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดอยากจะรับสตรีผู้นี้เป็นพระสนม ทว่าหลังจากที่ได้เห็นนางทำตัวต่ำ ๆ ทั้งไม่รักศักดิ์ศรีตนเองเช่นนี้ อย่าว่าแต่เป็นพระสนมเลย เป็นนางกำนัลของเขา นางก็ยังไม่มีคุณสมบัติพอ
”โอ้! ข้าไม่รู้เลย นี่ท่านรู้ได้อย่างไรว่าหอบุปผาของข้ามีคณิกาดาวเด่นด้วย ? เหตุใดตัวข้ายังไม่รู้เลยว่าข้ามีคณิกาดาวเด่นด้วย ?”
น้ำเสียงที่มีเสน่ห์ดังขึ้นจากด้านหลังเสียงนั่นฟังเย็นเยือก กระทั่งทำให้ทุกคนใจสั่นสะท้าน
ไป๋หยานยิ้มเมื่อหลายปีก่อน ครั้งที่นางเข้าครอบครองหอบุปผา ภายหลังจากช่วยชีวิตฮัวหลัวไว้ นางตั้งกฎว่าสาว ๆ ในหอบุปผาทุกคนต่างเท่าเทียม ไม่มีใครดีเด่นไปกว่าใครทั้งสิ้น เช่นนั้นตำแหน่งคณิกาดาวเด่นจึงหายไปจากหอบุปผา
ฝูงชนต่างเปิดทางให้กลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังเดินเข้ามาทันที
ผู้ที่เดินนำหน้ามาเป็นหญิงสาวแสนสวยสองคน
ทั้งสองนางต่างก็เป็นหญิงสาวทรงเสน่ห์พูดถึงความแตกต่างระหว่างหญิงสาวทั้งสองแล้ว หญิงที่เดินนำหน้ามีเสน่ห์ทว่าเย็นชา ส่วนอีกคนมีเสน่ห์แพรวพราว
”มาม่าฉู่? นั่นมาม่าฉู่จากหอบุปผามิใช่หรือ ? นางมาทำอะไรที่นี่ ? ”
”แล้วหญิงสาวที่เดินนำมาม่าฉู่ผู้ที่กล่าวว่าไม่มีคณิกาดาวเด่นในหอบุปผานั่น นางหมายถึงอะไร ?”
สีหน้าท่าทางของผู้คนเต็มไปด้วยความสับสนสายตาของพวกเขาต่างจ้องมองกลุ่มคนที่เดินเข้ามาอย่างตื่นตะลึง
ความจริงที่ว่าหอบุปผาได้ยกเลิกตำแหน่งคณิกาดาวเด่นนั้นเป็นที่รู้กันเฉพาะแวดวงผู้ที่ทำงานที่นั่น มิได้แพร่หลายสู่คนทั่วไป ว่าการแข่งขันชิงตำแหน่งคณิกาดาวเด่นประจำปีไม่มีอีกต่อไปแล้ว
เรื่องนี้เป็นผลมาจากความคิดของไป๋หยานนางประสงค์ให้หอบุปผาเป็นองค์กรสายลับระดับโลก เช่นนั้นจึงไม่สมควรเสียเวลากับการแข่งขันงี่เง่านั่น นับแต่นั้นเป็นต้นมาหอบุปผาจึงยกเลิกการแข่งขันคณิกาดาวเด่น
ผู้คุ้มกฏซ้ายหยุดมือที่กำลังตบหยูหรงเขาก้าวช้า ๆ เข้าไปหาฮัวหลัว จากนั้นก็คุกเข่าลงอย่างนอบน้อม “ผู้น้อยขอคารวะท่านหัวหน้า !”
บูม!
หัวหน้าหอบุปผา?
ทุกคนต่างตกตะลึงพวกเขาพร้อมใจกันหันไปมองฮัวหลัวเป็นตาเดียว
นี่นางเป็นเจ้าของหอบุปผาผู้ซึ่งมีฐานะเทียบเท่าฮ่องเต้ในอาณาจักรนี้กระนั้นรึ ?
อายุยังน้อยอยู่เลย!
ใบหน้าของฮัวหลัวเย็นชา”ข้าสั่งให้เจ้าอารักขาคุณชายเซียว เหตุใดเจ้าถึงปล่อยให้เขาได้รับบาดเจ็บ”
ผู้คุ้มกฏซ้ายตัวสั่นเทา“ข้าน้อยรับผิด ยินดีรับโทษทัณฑ์”
”ผู้ที่จะลงโทษเจ้าหาใช่ข้าไม่หากข้าเชื่อว่ายามนี้นางคงยุ่งเกินกว่าจะจัดการเจ้า” ฮัวหลัวยิ้ม พลันสายตาเย็นยะเยือกของนางก็หันไปหาไป๋เฉิงเซียง ผู้ซึ่งกำลังตกตะลึง “ไป๋เฉิงเซียง ในชีวิตนี้ ข้าไม่เคยเห็นผู้ใดโง่เง่าเช่นเจ้ามาก่อนเลย ข้าจะช่วยเปิดตาให้เจ้าเอง”
ไม่มีหลักฐานใดแม้แต่น้อยเพียงแค่การคาดเดาเท่านั้น เจ้ากลับกล่าวหาว่าแม่นางไป๋หยานเป็นคณิกาดาวเด่นของหอบุปผา เจ้ากล้าดียังไงที่ออกมาประกาศเรื่องนี้ต่อหน้าสาธารณชน ?
”ท่าน..ท่านเจ้าหอบุปผา…” ครั้นเห็นฮัวหลัว ไป๋เฉิงเซียงก็กล่าวคำตะกุกตะกักลิ้นพันกันยุ่งเหยิงไปหมด
นางคือคนที่เขาพยายามเข้าไปประจบสอพลอทว่ากลับไม่เคยได้พบหน้าเลย
ตอนนี้นางกำลังยืนอยู่เบื้องหน้าเขา
แต่ก่อนที่เขาจะหายจากอาการตกใจนั้นน้ำเสียงเย็นชาของไป๋หยานก็ดังขึ้นอีกครั้ง “ฮัวหลัว เจ้ามาจัดการคนตระกูลหยูนี่ก่อนเลย !”
นี่นาง…สั่งเจ้าหอบุปผาเลยกระนั้นรึ ?
เมื่อไป๋เฉิงเซียงเห็นว่าไป๋หยานกล้าสั่งฮัวหลัวนั่นมิเท่ากับนางรนหาที่ตายหรอกรึ เขาคิดว่านี่เป็นโอกาสของเขาแล้ว เขาจึงรีบลุกขึ้นพร้อมกับตะโกนออกมาทันที “ไป๋หยาน ผู้ใดใช้ให้เจ้ากล้ากล่าววาจาเช่นนั้นกับท่านเจ้าหอบุปผา ?”
***จบบทนางเป็นหัวหน้าหอบุปผา (1)***