เล่ม 9 ตอนที่ 1 : มีชีวิต (2)
‘ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ก็ได้เวลาจัดระเบียบหน้าต่างทักษะกันแล้วสินะ’
อาร์คต้องจัดแจงรายการทักษะให้ดี นี่เป็นเพราะเขาได้รับฟังข้อมูลบางอย่างมาจากแชมบาร่าเมื่อไม่นานมานี้ ตอนที่อาร์คพูดคุยว่าทักษะของตนอย่างการต่อสู้ด้วยดาบและมือมีความก้าวหน้า แชมบาร่าจึงกล่าวขึ้นโดยทันที
“ทักษะมีผลต่อเนื่องจะจัดแจงอัตราการเติบโตโดยทักษะหลักตามลำดับลดหลั่นกันลงไป”
“ทักษะหลัก?”
อาร์คถามด้วยสีหน้างงงวย แชมบาร่าถึงกับอุทานร้องออก
“ว่าอะไร? อย่าบอกนะว่านายลงทะเบียนพวกโจมตีพื้นฐานเป็นทักษะหลัก?”
“แล้วมันคืออะไรกันนั่น?”
“ช่างกล้าหาญและโง่เขลาในเวลาเดียวกัน… นายบอกว่าต่อสู้ด้วยดาบและมือเป็นขั้นสูงแล้ว? นั่นก็น่าประหลาดใจอยู่ ฟังนะเจ้าโง่จอมอวดดี เมื่อเปิดหน้าต่างข้อมูลขึ้นมามันจะแสดงรายการทักษะ ไม่ใช่ว่ามันมีออพชั่นให้เลือกจัดแจงที่ต้องการฝึกไว้ด้านบนหรือ? ทักษะจะแบ่งออกได้เป็นหลัก รอง และหยุดพัก”
“แล้วมันแตกต่างกันยังไงล่ะ?”
“ทักษะที่ลงทะเบียนไว้เป็นหลักจะได้รับอัตราการเติบโต 120% ทางด้านทักษะรองก็จะเป็น 80% ส่วนทักษะหยุดพักจะไม่เติบโตเลย เมื่อไหร่ที่นายจัดเรียกหน้าต่างเพื่อลำดับความสำคัญการฝึกฝน มันจะช่วยได้เยอะเลยทีเดียว”
แชมบาร่ากล่าวสรุปให้โดยสั้น ทักษะหลักสามารถลงทะเบียนได้ห้า ทักษะรองลงทะเบียนได้ยี่สิบ ส่วนทักษะหยุดพักไม่มีข้อจำกัดด้านจำนวน… จำนวนของทักษะที่จะเติบโตได้มีการกำหนดไว้ อาร์คลังเลไปพักหนึ่งหลังได้รับฟังข้อมูลนี้ นอกจากทักษะพิเศษแล้วอาร์คไม่เคยใส่ใจเรื่องพวกนี้เลย เขามีทักษะทั้งสิ้นยี่สิบเจ็ดรายการ นอกจากห้าทักษะแรกแล้ว เขาก็สงสัยอยู่ว่าทำไมพวกมันถึงไม่ค่อยมีความคืบหน้าอะไร
‘การเติบโตของทักษะการโจมตีด้วยมือและดาบ และคมดาบวายุสามารถเพิ่มขึ้นได้ง่าย เมื่อไหร่ได้แต้มเพียงพอแล้วค่อยให้มันเป็นหยุดพักแทนแล้วกัน ในเมื่อมีให้เลือกเยอะ เราควรลงทะเบียนทักษะที่สามารถเติบโตได้เร็วเป็นทักษะหลักก่อน’
ตามปกติแล้วอาร์คมักจะใช้ การต่อสู้ด้วยมือและดาบ การทำอาหารเพื่ออยู่รอด คมดาบแห่งความมืด ร่ายรำแห่งความมืด และวิ่งเร็ว เพราะงั้นแล้วเขาจึงลงทะเบียนพวกมันไว้เป็นทักษะหลัก ขณะส่วนที่เหลือเป็นทักษะรอง พวกทักษะที่เขาไม่ได้ใช้งานอย่างขับขี่ หรือทักษะพิเศษอย่างกลยุทธ์ก็จะลงทะเบียนเป็นหยุดพัก ส่วนแต้มทักษะที่เพิ่งได้รับมาคงต้องใช้เวลาอยู่บ้าง [M] นั้นหมายถึงทักษะหลัก ขณะที่ [m] หมายถึงทักษะรอง
‘แต้มทักษะที่ได้มาเราจะหน้ามืดใช้โดยไม่คิดไม่ได้’
อาร์คที่จัดเรียงเรียบร้อยแล้วจึงปิดหน้าต่างข้อมูลไปด้วยสีหน้าพึงพอใจ ภูมิความรู้นักผจญภัย ตั้งแคมป์… เหล่านี้เป็นทักษะที่วิเศษ นอกจากนี้ เขายังได้รับค่าประสบการณ์อีก 50,000 หน่วยจึงทำให้เลเวลเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ตอนนี้เขาเลเวล 190! นั่นหมายความว่าสามารถใช้งานดาบแห่งกิลซาลได้แล้ว ตั้งแต่ที่เข้ามายังต่างมิติแห่งนี้ บรรยากาศโดยรอบของมันชวนผ่อนคลายเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งความรู้สึกนี้ก็ไม่ใช่มีแต่อาร์คเพียงคนเดียว
“ฮ่าฮ่าฮ่า วิเศษเลย! เจ้านายดูนี่สิขอรับ!”
กรั่ก กรั่ก กรั่ก!
ทั้งเดดริคและดีมอสต่างกระโดดโลดเต้นไปมาท่ามกลางทุ่งหิมะอย่างสนุกสนาน เจ้างูเองก็เช่นเดียวกัน มันแทงหางเข้าใส่หิมะและดึงออกอย่างรวดเร็วราวพบเจอของเล่นชิ้นใหม่ แต่พอผ่านไปสักพักหนึ่ง ทั้งเจ้างูและอีกสองตัวที่เหลือต่างก็กลิ้งเล่นไปมาบนหิมะ อาร์คจึงรับชมการเล่นสนุกของสมุนปีศาจทั้งสามด้วยท่าทีเอ็นดู
‘ครั้งสุดท้ายที่หิมะตกมันตอนไหนกันนะ…’
ณ ปัจจุบัน เพราะโลกร้อนขึ้นจึงทำให้ความผันผวนของสภาพอากาศมีมากขึ้นตาม เพราะงั้นแล้วโอกาสที่หิมะจะตกในกรุงโซลมีไม่มากจนแทบไม่เคยตกอีกเลย นับตั้งแต่เขาเกิดมา นี่ก็เป็นครั้งแรกที่อาร์คได้เห็นหิมะ อาร์คไม่ได้คิดรู้สึกอยากเร่งร้อน เขาเพียงแค่อยากรับชมภาพอันงดงามตรงหน้านี้ หัวใจของเขาพลันอบอุ่นขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มที่ปรากฏ แต่แล้วทันใดนั้นเองเขาก็โดนแรงปะทะจากทางด้านหลังโดยบอลหิมะ เดดริคที่เปลี่ยนร่างเป็นเด็กน้อยใบหน้าชวนกวนโอ๊ยกำลังปั้นบอลหิมะอยู่
“หึหึหึ เจ้านาย รับนี่ไปขอรับ!”
“เอางั้น? อยากลองใช่ไหม?”
ก่อนจบคำพูด บอลหิมะอีกลูกก็พุ่งปะทะด้านหลังศีรษะของเขาแล้ว ดีมอสที่อยู่ด้านหลังเป็นผู้ปาบอลหิมะในครั้งนี้
“อา พวกนายนี่นะ… อยากเล่นนักใช่ไหม?”
อาร์คหัวเราะออกขณะเริ่มปั้นบอลหิมะบ้าง จากนั้น ศึกปาบอลหิมะจึงเริ่มขึ้นโดยอาร์คและสมุนปีศาจทั้งสอง
“กล้านักนะที่ท้าฉันคนนี้… เดี๋ยวฉันจะทำให้พวกแกเป็นตุ๊กตาหิมะเลยคอยดู ร่ายรำแห่งความมืด!”
“หือ หา? เจ้านายใช้ทักษะกระทั่งในศึกปาบอลหิมะ?”
“ไม่มีกฎห้ามไว้สักหน่อยนี่!”
อาร์คเคลื่อนตัวอย่างพลิ้วไหวขณะโยนบอลหิมะเข้าใส่อีกฝ่าย
“แค่ก แค่ก… เย็น! จะเอาแบบนั้นสินะขอรับ? ดีมอส ใช้แผน A-3 เลย!”
กรั่ก กรั่ก กรั่ก!
เป็นเพราะสมุนปีศาจของเขาได้รับการสอนยุทธวิธีการต่อสู้ เดดริคจึงเปลี่ยนร่างเป็นค้างคาวขณะบินโฉบไปมาจากทางด้านบน ดีมอสตั้งโล่เพื่อคอยป้องกันบอลหิมะ พวกมันใช้สิ่งที่เจ้านายสอนย้อนกลับ จนเป็นอาร์คเสียเองที่กลายเป็นตุ๊กตาหิมะ
“ช่างเป็นเด็กที่น่ารังเกียจจริง ๆ …”
“ฮ่า ข้าคือสมุนของใครขอรับ? ทุกสิ่งล้วนเรียนมาจากเจ้านาย จบเกม!”
“โง่เง่า ฉันไม่อ่อนข้อให้หรอกนะ!”
อาร์คเริ่มปาบอลหิมะที่แข็งเปรียบดั่งหินออกไป ถ้าหากศึกปาหิมะก่อนหน้านี้คือการยิงปืนใหญ่ใส่กัน ครั้งนี้ก็คงเป็นจรวดที่ยิงใส่กันแล้ว เดดริคถึงกับบินพุ่งลงพื้นใช้หิมะกลบฝังตัวเองหลบเลี่ยงการโดนโจมตีเช่นนี้ อาร์คและสมุนปีศาจต่างเล่นสนุกลืมเหนื่อยกันแบบนี้กว่าชั่วโมง
“แค่ก!”
หลังโดนหิน(?)โจมตีเข้าใส่ เดดริคจึงร่างหล่นลงกับพื้นทุ่งหิมะ จนอาร์คมีโอกาสวิ่งเข้าใส่อีกฝ่าย
“หึหึหึ เตรียมใจไว้แล้วใช่ไหม รับนี่ไปไอ้เจ้าค้างคาวน้อย!”
“อั่ก ยังไม่จบหรอกขอรับ! ดีมอสคุ้มกัน… หือ? เจ้านาย ดูนั่นขอรับ”
เดดริคมองไปอีกด้านด้วยดวงตาเบิกกว้างแตกตื่น
“ให้ดูอะไร? คิดเหรอว่าฉันจะลงลูกไม้ตื้น ๆ แบบนี้?”
“ไม่ขอรับ ดูโน่น”
“ว่าอะไร? ไม่เห็นมีอะไรนี่”
“นั่นแหละปัญหาขอรับ ประตูที่พวกเราผ่านทางมาหายไปแล้ว”
“หือ? พอมาคิดดูแล้ว…”
อาร์คชะงักการกระทำขณะมองไปรอบ คำพูดของเดดริคนั้นถูกต้องแล้ว ระหว่างที่เล่นสงครามบอลหิมะ ประตูมิติได้หายวับไป โดยทันทีเขาแทบรู้สึกใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม
“ประตูนั่นไม่ใช่ว่าจะอยู่ตลอดเมื่อเปิดแล้วหรือไง?”
เขาไม่รู้เรื่องของสถานที่แห่งนี้เลยสักนิด อย่างน้อยก็ต้องมีมอนสเตอร์อยู่ แถมเขายังไม่ทราบว่าหมู่บ้านใกล้สุดอยู่ตรงไหน อีกทั้งยังไม่รู้ว่าจะกลับโลกกลางได้ยังไง ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ มันไม่มีทางที่จะกลับไปได้ไม่ว่าเขาจะเคร่งเครียดสักเพียงใด ทว่า อาร์คกลับส่ายศีรษะ
‘ไม่หรอก คงไม่ใช่เรื่องน่าห่วงถึงขนาดนั้น’
ถ้าหากประตูในกระท่อมนั่นเชื่อมต่อมายังต่างมิติและเป็นการเดินทางแบบทางเดียว ชัดเจนว่ามันจะต้องมีประตูอีกฝั่งอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน และในต่างมิติมีเพียงเจ็ดคนที่มาถึงก่อนหน้าอาร์ค รวมอาร์คด้วยแล้วก็เป็นแปดคนที่เป็นผู้เล่น ไม่ใช่หมายความว่าเขาสามารถครอบครองภารกิจและไอเทมมหาศาลได้หรือไร? นอกจากนี้ ห้องทดลองลับของนักแปรธาตุอัจฉริยะสมควรมีรางวัลชิ้นใหญ่ซุกซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่ง กระทั่งว่าเขาทราบแต่แรกว่าประตูจะหายไป เขาก็คงไม่มีทางหันกลับไปอยู่แล้ว สิ่งเดียวที่เขากังวลตอนนี้คือกระเป๋าที่เต็มเปี่ยมหลังเดินทางผ่านป่าสีแดงมาต่างหาก
‘แต่ต่อให้เรากลับไป เราก็ต้องกลับไปที่กระท่อมนั่น’
จากป่าสีแดงกลับหมู่บ้านใกล้สุดต้องใช้เวลาค่อนข้างมากเลยทีเดียว กระทั่งว่าเขาจัดระเบียบกระเป๋าและข้ามป่าแดงไปมา สถานการณ์ก็คงไม่ต่างกันสักเท่าไหร่นัก เพราะงั้นแล้วรีบหาหมู่บ้านในละแวกใกล้เคียงแถบนี้น่าจะเร็วกว่าหรือไม่ใช่?
‘ต่อให้ประตูจะหายไป ทางเลือกของเราก็ยังเป็นแบบนี้อยู่ดี’
อาร์คเมินเฉยต่อการที่ประตูหายไป
“ยังไงก็ตาม นี่ไม่ใช่เวลามาเล่น ลงจากเขาแห่งนี้เพื่อไปหาหมู่บ้านก่อนอะไรจะสายเกินไปดีกว่า”
“รับทราบขอรับ”
เช่นนั้นแล้ว อาร์คจึงเริ่มออกนำพวกเขาเดินลงจากภูเขาหิมะ
…ในตอนนั้น อาร์คไม่เคยคิดเลยว่าจะมีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นบ้าง
สิ่งแรกที่ทำอาร์คสับสนคือภูมิประเทศ ตอนที่มองจากบนเขาลงไปด้านล่างเหมือนจะไม่มีอะไรซับซ้อนเท่าไหร่นัก แต่พอเขาได้ลงมาเดินด้วยตัวเองแล้วจึงกลับความคิด นี่มันเขาวงกต! ภูมิประเทศที่ราบสลับพื้นที่ลาดชัน ตามปกติแล้วก็ควรที่จะมีรอยแยกน้ำแข็งในภูเขาปรากฏขึ้นขวางเส้นทาง
“บ้าจริง ทางนี้ก็ไม่ได้?”
บ่อยครั้งที่เขาต้องปีนกลับขึ้นภูเขา และในเมื่อภูเขาแห่งนี้มันเต็มไปด้วยหิมะสุดลูกหูลูกตา อาร์คจึงสูญเสียสัมผัสด้านการกะระยะทิศทาง กับสถานที่แห่งนี้แผนที่ไม่อาจช่วยอะไร ในเมื่อเขามายังต่างมิติ แผนที่มีการอัพเดทนั่นก็ใช่ ตั้งแต่ที่อาร์คออกตระเวนไปทั่วภูเขาหิมะแห่งนี้ แผนที่ก็ปรากฏพื้นที่เพียงแค่เศษเสี้ยวเท่านั้นเอง สิ่งเดียวที่เขาพบจากแผนที่คือชื่อของภูเขาซึ่งถูกเรียกว่า ‘อีสต์มูน’
“นี่ไม่ดีแล้ว เดดริค ไปดูสภาพภูมิประเทศจากด้านบนหน่อย”
“ขะ-ขอรับ”
เดดริคที่ตัวสั่นเทิ้มเริ่มออกบินขึ้นสู่ท้องฟ้า แต่แล้วครั้งนี้การสอดแนมพื้นที่ของเดดริคไม่อาจช่วยอะไร อีกฝ่ายไม่อาจคาดเดาอะไรได้เลยเพราะมันเป็นภูเขาหิมะที่คล้ายกันแทบทั้งสิ้น นอกจากนี้ ลมแรงเย็นเยือกยังทำให้เดดริคไม่อาจอยู่บนท้องฟ้าเป็นระยะเวลานานได้
“อา ปีกข้าแข็งแล้วขอรับ บินไม่ได้แล้ว…”
‘เรื่องราวแย่กว่าที่คิดไว้มาก…’
ความร้อนใจเริ่มปรากฏที่ใบหน้าของอาร์ค อาหารก็เป็นอีกปัญหา ในป่าสีแดงยังมีมอนสเตอร์จำนวนมากที่แข็งแกร่งพอให้อาร์คนำมันมาทำอาหารได้ทุกครั้งที่การต่อสู้เสร็จสิ้น แน่นอนว่ารอบบริเวณยังมีวัตถุดิบจำนวนมากกระจัดกระจายอยู่รอให้เก็บเกี่ยว แต่ในเมื่อกระเป๋าแทบจะเต็มเขาจึงไม่ได้เก็บพวกมันมาแต่อย่างใด
‘ต่างมิติก็น่าจะมีวัตถุดิบให้เก็บเพิ่มเติม เพราะงั้นแล้วสิ่งของขายได้พวกนี้สำคัญกว่า’
ในเมื่อเขามักจะทำอาหารได้เสมอ อาร์คจึงไม่กังวลเรื่องนี้มากนัก ทว่าภูเขาแห่งนี้ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะและน้ำแข็งแทบทั้งหมด กระทั่งกระต่ายธรรมดาหรือว่ากวางยังไม่อาจพบเจอ ในเมื่อเขาต้องต่อสู้กับความหนาวเย็นและปีนป่ายภูเขา ค่าความหิวจึงลดน้อยลงอย่างต่อเนื่อง
‘บ้าจริง ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันที่ต้องมากังวลเรื่องอาหาร แถวนี้ไม่มีมอนสเตอร์หรือสัตว์ป่าเลย มีแค่พวกวัชพืชที่เอามาทำอาหารได้’
ตามปกติแล้ว สมุนปีศาจของเขาก็ต้องกินเพื่อดำรงชีพเช่นกัน เป็นเพราะวัตถุดิบมีจำกัด อาร์คจึงคิดส่งเดดริคและดีมอสกลับไปยังโลกใต้พิภพ ไม่สิ เขาพยายามแล้วต่างหาก
=====
คำสั่งยกเลิกอัญเชิญล้มเหลว (พื้นที่จำกัดการใช้งาน)
=====
‘อะ-อะไรกัน?’
ช่างเป็นข้อความเกินคาดคิด ที่จริงอาร์คไม่เคยกังวลว่าตนเองจะประสบปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบเพราะสามารถส่งเดดริคและดีมอสกลับไปได้ เมื่อขาดไปสองปาก เขาก็สามารถประหยัดการกินจนอยู่รอดได้สักหลายวัน แต่ตอนนี้กลับเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น?
‘ยกเลิกอัญเชิญไม่ได้? อีกทั้ง ค่าสถานะยังจะลด 10% ถ้าตายอีก?’
ท้ายที่สุด พวกเขาจึงต้องร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกัน อยู่ก็อยู่ด้วยกัน ถ้าจะตายก็คือตายไปด้วยกัน ในกรณีเลวร้ายที่สุด ค่าความหิวของเขาหากลดต่ำกว่า 50% ค่าสถานะจะลดต่ำลงไปเรื่อยจนกระทั่งตายตก อาร์คที่สามารถใช้ทำอาหารเพื่ออยู่รอดจนถึงเลเวล 190 ตอนนี้กลับกลายมีสภาพน่าเวทนาต้องมากังวลเรื่องค่าความหิว ถ้าหากเขาตาย ไอเทมสวมใส่กี่ชิ้นต้องดร็อปไป? ด้วยสภาพภูมิประเทศแบบนี้ กว่าจะหาไอเทมที่ตกแล้วจมลงในพื้นหิมะได้ไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร และนั่นจะทำให้เขาไม่อาจนอนหลับด้วยดีได้ไปหลายวันเลยทีเดียวหากปล่อยให้เกิดขึ้น
‘อาหารที่เหลือก็พอแค่วันนี้วันสุดท้ายแล้ว ถ้าหากไปถึงสถานที่ที่มีพวกสัตว์อยู่อาศัยก่อนอาหารจะหมดลง แบบนั้นคงพอรอดชีวิตไปได้บ้าง’
อาร์คเร่งร้อนคิดหาทางลงจากภูเขา ทว่า อาร์คไม่ทราบถึงความน่ากลัวแท้จริงของภูเขาหิมะ สถานการณ์ในอีกหลายชั่วโมงถัดจากนั้นเริ่มทำให้เรื่องราวแย่ลง
หวิว!
อย่างกะทันหัน พายุหิมะได้โหมกระหน่ำ ลมที่คล้ายพัดพามาจากทั่วทั้งหุบเขาทำเอาหิมะปลิวว่อนไปทั่ว ภูมิประเทศภูเขาหิมะเริ่มเกิดความเปลี่ยนแปลงแทบทุกไม่กี่นาที และมันยิ่งแย่ไปอีกเมื่อต้องเหยียบย่างเท้าไปบนหุบเขาที่ไม่รู้ว่าจะมีอะไรบ้างเพราะโดนความมืดเข้าปกคลุมอย่างเต็มเปี่ยม