เล่ม 9 ตอนที่ 9 : อัศวินพิสุทธิ์ (1)
“ระเบิดมานา! เวทมนตร์กลมกลืน! รับไป พายุหิมะ! เพลิงนรก!”
ฟึบ ฟึบ ตู้ม
เมื่อจีเวลใช้ทักษะ ทั้งไฟและน้ำแข็งต่างปรากฏขึ้นจากมือทั้งสองข้าง ชาวนาคูจักด้านหนึ่งพลันโดนน้ำแข็งเข้ากลืนกิน ขณะที่อีกด้านโดนเปลวเพลิงโอบล้อมเอาไว้ ช่างเป็นภาพอันตระการตาของเวทมนตร์เลเวลสูงที่เข้าปกคลุมทั่วทั้งพื้นที่!
“ศรเวทมนตร์ ศรโปรยปราย!”
ดุ๊คเองก็เริ่มยิงลูกธนูเวทมนตร์ออกมาอย่างต่อเนื่องขึ้นสู่ท้องฟ้า สายฝนลูกธนูตอนนี้สามารถเห็นได้อย่างกระจ่างชัดเปรียบดั่งภาพยนตร์อันตระการตาฉากหนึ่งที่โปรยปรายเข้าใส่ชาวนาคูจักซึ่งโดนเปลวเพลิงโอบล้อมเอาไว้ เพราะเป็นทักษะโจมตีพื้นที่อันแข็งแกร่ง ชาวนาคูจักในพื้นที่จึงเสียพลังชีวิตไปถึง 50% อย่างรวดเร็ว จากนั้น นักรบทั้งหกคนพลันเคลื่อนกายเข้าใส่พร้อมดาบในมือที่โบกสะบัด
“ฟาดฟันสะบั้น!”
“พลังแห่งนักรบ!”
ชาวนาคูจักเริ่มโรยรากันไปทีละคนเพราะคลื่นการโจมตีที่โหมซัดอย่างไม่หยุดหย่อน ที่จริง กิลเฮอร์มีสค่อนข้างมีพละกำลังและการจัดการรับมือที่ดีเยี่ยม ทว่ากับคู่ต่อสู้ถึงสองร้อยคน จีเวลและดุ๊คเป็นนักบุกเบิกเพียงสองคนในกลุ่ม ทั้งสองต่างใช้ทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาจึงสังหารคู่ต่อสู้โดยรอบได้ราวสามสิบคน ทว่าชาวนาคูจักก็มีจำนวนมากพอที่จะถมช่องว่างที่สูญเสียไปได้อย่างรวดเร็ว
“ฆ่าพวกมัน!”
“มอบความตายแด่เหล่าคนต่างถิ่นผู้ซึ่งบังอาจรบกวนพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์”
ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามมากเพียงใด จำนวนของอีกฝ่ายก็แทบไม่ลดลงเลย
“อั่ก… บ้าบอสิ้นดี…”
“ต้องมาตายทั้งแบบนี้ แถมยังล้างแค้นให้กิลด์ไม่ได้… น่าอับอายนัก!”
ทั้งชาร์แมนและนักบวชต่างใช้เวทมนตร์ฟื้นฟูออกมาอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งพลังมานาหมดสิ้น ท้ายที่สุด นักรบทั้งสองก็ไม่อาจยืนหยัดได้ไหวเพราะบาดแผลที่รุมเร้าจนต้องล้มลง นักรบที่เหลือจึงตัดสินใจเพ่งไปที่การโจมตี โดยการยกเลิกใช้งานโล่ ทว่าสถานการณ์ก็ไม่ได้ดีขึ้นแต่อย่างใด
“จงรับรู้ถึงความพิโรธแห่งความมืดมิด! สัมผัสแห่งความมืด!”
ขณะนั้น มืออันดำมืดพลันร่วงหล่นจากท้องฟ้าเข้าใส่นักรบคนหนึ่ง ใบหน้าของนักรบคนนั้นพลันแห้งเหี่ยวราวมัมมี่ขณะสูญพลังชีวิตทั้งหมดไปจนสิ้น ทามูระที่รับชมอยู่นานท้ายที่สุดจึงตัดสินใช้เวทมนตร์ออกมา ด้วยกำลังเสริมจากเวทมนตร์ของทามูระ คณะของจีเวลจึงเริ่มล้มตายกันไป
“บัดซบ เราจะตายแบบนี้ไม่ได้ ภูเขาไฟปะทุ!”
จีเวลที่เข้าตาจนจึงตัดสินใจใช้งานคาถาที่ทรงพลังที่สุดออกมา พื้นดินเริ่มเกิดรอยแยกขณะเผยออกซึ่งก้อนหินพุ่งปะทุออกมา มันเข้าโจมตีใส่ชาวนาคูจัก เป็นอีกครั้งที่ชาวนาคูจักต้องสังเวยชีวิตจำนวนมากไป ทว่าการกระทำครั้งนี้ก็เป็นผลให้จีเวลมีพลังมานาเหลือน้อยเต็มที ขณะเดียวกัน ดุ๊คก็โดนปิดล้อมเอาไว้โดยชาวนาคูจักจนท้ายที่สุดต้องตายไป
“อั่ก… ถ้ายังมีรองเท้าจิตวิญญาณวายุอยู่ล่ะก็…”
เขาตายไปพร้อมทั้งความเสียใจอย่างมหาศาลที่ไม่อาจล้างแค้น
“ดุ๊ค! บัดซบที่สุด อาร์ค… แกมันสารเลว!”
“จีเวลนิม พวกเราพลังมานาหมดกันแล้ว…”
“อดทนไว้ พวกเราจะตายแบบนี้ไม่ได้!”
“วิ๊ง!”
ทั้งเสียงของดาบปะทะกันและโลหิตที่ไหลเจิ่งนอง เสียงกรีดร้องและคร่ำครวญ เปลวเพลิงที่ปะทุไปทั่วพื้นที่ นับเป็นภาพฉากศึกนองเลือดอันตระการตาอย่างแท้จริง
“ล๊า ลา ลา…”
ทว่าอาร์คกลับไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก ขณะที่ทุกคนจ้องมองไปยังสมรภูมิรบ อาร์คกลับฮัมเพลงขณะแทรกตัวเข้าไปยังกรงขังแห่งหนึ่ง
“เฮ้ย แกเป็นใคร?”
หนึ่งในชาวนาคูจักที่ยืนอยู่ตรงหน้ากรงขังพลันเงื้อดาบขึ้นมา ขณะที่ชาวนาคูจักส่วนใหญ่ต่อสู้อยู่กับคณะของจีเวล จึงทำให้มีคนอยู่เฝ้ากรงขังเพียงแค่สิบคนเท่านั้น
“นักรบแห่งความยุติธรรมยังไงล่ะ”
อาร์คเผยเสียงแห่งความยินดีขณะกวัดแกว่งดาบแห่งกิลซาล และเข้ายึดครองพื้นที่ตรงนี้เอาไว้ได้สำเร็จ
“ทั้งมุมกล้องและตำแหน่งดีมากครับ… เริ่มได้!”
หลังจากบุคซิลให้สัญญาณ อาร์คและกูรันจึงวิ่งเข้าไปยังกรงขัง
“ลาริเอ็ตเต้นิม!”
“โบนานิม!”
“อาร์คนิม!”
ลาริเอ็ตเต้ที่ยืนอยู่ใกล้ลูกเกรงนั้นกำลังรับชมการต่อสู้อยู่
“รอเดี๋ยวนะ จะเปิดให้เดี๋ยวนี้แหละ”
อาร์คปลดล็อคกรงขังโดยกุญแจที่ได้รับมาจากป่าฮาเกล จากนั้นโบนาและพวกผู้ตายที่โดนกักขังเอาไว้ภายในกรงจึงกรูกันออกมา กูรันวิ่งเข้าหาขณะกอดโบนาเอาไว้แน่น
“โบนานิม!”
“กะ-กูรัน! ฮึก กูรันจริงด้วย! พวกมันน่ากลัวมาก”
“ข้าต้องขออภัยที่ไม่อาจปกป้องท่านเอาไว้ได้…”
ช่างเป็นฉากที่น่าประทับใจนัก แต่แล้วทำไมเขาจึงไม่ได้ยินเสียงบ่งบอกว่าภารกิจสำเร็จแล้วกันล่ะ?
ท้ายที่สุดจึงเป็นลาริเอ็ตเต้ออกจากกรงขังขณะเข้ามาใกล้อาร์ค เธอจ้องมองอาร์คอยู่พักหนึ่งด้วยอารมณ์อันหลากหลายก่อนที่จะเผยสีหน้าแดงก่ำและกล่าวออกมา
“อาร์คนิมมาจริงด้วย ฉันรู้อยู่แล้ว”
“แน่นอน ผมต้องมาอยู่แล้ว”
แม้ว่ากว่าครึ่งที่เขาตัดสินใจได้จะเป็นเพราะภารกิจ ทว่าอาร์คก็รู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่ควรเอ่ยออกมาในสถานการณ์แบบนี้ เขากำลังเล่นบทอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยเจ้าหญิงจากอันตราย แม้ว่าความคิดนี้จะดูโบราณไปบ้าง ทว่ากล้องวิเศษก็ยังคงถ่ายทำไป เขาจึงต้องเผยความจริงใจอย่างล้นพ้นออกมา
“ผมไม่เคยคิดทอดทิ้งลาริเอ็ตเต้นิมไว้ในสถานที่น่ากลัวแบบนี้อยู่แล้วครับ”
ขณะนั้นเองลาริเอ็ตเต้พลันเขินอาย
“ถึงกับทำขนาดนี้เพื่อฉัน…”
“ผมก็มีหลายเรื่องอยากพูดคุยกันนะ แล้วก็มีเรื่องที่อยากถามด้วย แต่รายละเอียดนั้นเอาไว้ทีหลังจะดีกว่า ตอนนี้สหายของผมกำลังรับมือกับเจ้าพวกนั้นอยู่ แต่ไม่มั่นใจนักว่าจะรับมือได้นานแค่ไหน กูรัน บุคซิล! พาลาริเอ็ตเต้กับโบนาไปยังสถานที่ปลอดภัยก่อน”
“ได้ เข้าใจแล้ว โบนานิม ลาริเอ็ตเต้นิม ตามมาทางนี้”
กูรันพยักหน้ารับคำขณะมุ่งขึ้นไปยังชั้นด้านบน ทว่า ลาริเอ็ตเต้กลับเผยท่าทีกังวลใจไปให้อาร์ค
“อาร์คนิมไม่ไปด้วยกัน?”
“ผมยังมีสิ่งที่ต้องทำ ผมจะวิ่งหนีไปทั้งที่ปล่อยให้พวกคนที่เสียสละเพื่อลาริเอ็ตเต้นิมและโบนาไว้ในสถานการณ์แบบนั้นไม่ได้ กระทั่งว่าต้องจบด้วยการเป็นโศกนาฏกรรม ผมก็ต้องยืนหยัดเคียงข้างพวกเขา”
อาร์คชักดาบออกมาขณะกล่าวด้วยน้ำเสียงมาดมั่น โบนาก็ปลอดภัยแล้ว ปัญหาเรื่องภารกิจสำเร็จก็ไม่น่าจะมีอะไรต้องกังวลอีกแม้ว่าเขาจะหนีไปทั้งแบบนี้เลยก็ตาม ทว่าอาร์คไม่ได้พึงพอใจเพียงเพราะแค่สำเร็จภารกิจ
‘บ้าไปแล้วหรือไง? บอสอยู่ตรงหน้าจะปล่อยไปโดยไม่คิดจัดการได้ยังไงกัน? นอกจากนี้ มันยังเป็นบอสที่ต้องมีเงื่อนไขถึงจะโผล่หัวออกมาด้วยเชียวนะ! อย่างน้อยมันต้องดร็อปไอเทมหายากสักหนึ่งหรือสองชิ้นแน่ แม้ว่าจะตาย อย่างน้อยก็กลับไปเกิดใหม่ที่หมู่บ้านได้!’
นั่นคือจุดประสงค์แท้จริงของอาร์ค ทว่าเขาไม่คิดเผยความหิวกระหายออกมาต่อหน้าผู้คนที่อาจจะรับชมวิดีโอการถ่ายทำนี้อยู่ ลาริเอ็ตเต้ดูลังเลก่อนที่จะตัดสินใจอะไรบางอย่างได้
“ถ้าแบบนั้น ฉันจะไปช่วยด้วย”
“หือ? ลาริเอ็ตเต้นิม?”
“ใช่ นี่เป็นฉันต้องการเอง ให้ฉันได้ช่วยอาร์คนิมเถอะ”
“เข้าใจแล้วครับ แต่งานหลักคือสนับสนุนผมจากทางด้านหลังโดยใช้เวทมนตร์นะ”
ตอนแรกเขาก็คิดใช้งานทักษะ ‘จรัสแสง’ เหมือนก่อนหน้า ทว่าด้วยความคิดที่ว่า ‘เราจะปล่อยให้ลาริเอ็ตเต้ตกอยู่ในอันตรายไม่ได้’ นั้นมันรบกวนจิตใจของเขาอยู่ตลอด
‘เราสร้างปัญหาให้อาร์คนิมมามากเพราะเข้ากับฝ่ายอลัน… แต่เขาก็ยังคิดกับเราในแง่ดีเสมอเหมือนตอนที่พบเจอกันตอนสัมภาษณ์! นอกจากนี้ ยังมีพวกเพื่อนของอาร์คที่เสียสละช่วยเหลือเราอีก… ช่างแตกต่างจากอลันนัก พออลันตกอยู่ในสภาวะไม่สู้ดีกิลด์ดาบแห่งอรุณรุ่งก็สลายตัว อาร์คนิมนี่แหละคือคนที่เราควรยึดเป็นแบบอย่าง!’
ลาริเอ็ตเต้ทำความเข้าใจสถานการณ์ไปในทางที่ผิดมหันต์
“สมแล้วที่เป็นอาร์คนิม…”
“ครับ?”
“เอ่อ ไม่มีอะไรค่ะ เดี๋ยวฉันคอยสนับสนุนอาร์คนิมจากทางด้านหลังเอง”
ลาริเอ็ตเต้เผยอาการหน้าแดงขณะส่ายศีรษะ ขณะที่ฉากดราม่าบังเกิดขึ้นระหว่างอาร์คและลาริเอ็ตเต้ คณะของจีเวลก็ล้มลงไปทีละคนเรื่อยมา ทว่าพวกเขาก็ไม่คิดยอมจำนนรับความตายแต่อย่างใด
“ไอ้พวกบัดซบ ต้องฆ่าไอ้เจ้าพวกนี้ให้ได้มากที่สุดก่อนที่จะตาย!”
ชาแมนและจีเวลคือสองคนที่เหลืออยู่… และในช่วงเวลาหนึ่งนาทีสุดท้าย จีเวลตัดสินใจร่ายเวทบทหนึ่งในสถานการณ์เข้าตาจน ชาวนาคูจักรวมตัวกันรอบจีเวลพอดีขณะร่ายเวทเสร็จและชาแมนก็กำลังฟื้นฟูพลังชีวิตให้เธอพอดี
“ฮ่าฮ่าฮ่า ดูให้ดี นี่คือการดิ้นรนครั้งสุดท้ายของนักบุกเบิก ทำลายตัวเอง!”
ตูม ตูม ตูม!
ขณะนั้นเอง ร่างของจีเวลพลันระเบิดออก ชาวนาคูจักที่รายล้อมอยู่ต่างก็สูญเสียพลังชีวิตทั้งหมดโดยทันที กระทั่งบอสอย่างทามูระก็โดนผลักดันกลับไปหลายเมตรเพราะการปะทะของแรงระเบิด ที่จริง ชื่อของผู้บุกเบิกนั้นไม่ได้รับผลกระทบแปดเปื้อนใดแม้จีเวลจะลงมือครั้งสุดท้ายนี้หรือไม่ก็ตาม ทว่าเป็นเพราะจีเวลกลัวว่าจะตายอย่างสูญเปล่า ถ้าหากจีเวลทราบว่าอาร์คเล็งโอกาสนี้เอาไว้แต่แรก ทั้งคณะคงไม่ต้องมาต่อสู้กับชาวนาคูจักทั้งเผ่าเช่นนี้ ทว่า จำนวนของชาวนาคูจักก็มากมายเกินไป พวกเขาไม่อาจตรวจพบได้ว่าอาร์คอยู่ตรงไหนกันแน่ ในเมื่อไม่รู้ จีเวลจึงตัดสินใจระเบิดออกเป็นวงกว้างและตายไป…
‘คณะของกิลด์เฮอร์มีส… เกินกว่าที่เราคิดเอาไว้มาก ตอนนี้มีโอกาสจบเรื่องราวได้แล้ว!’
อาร์คใช้งานเนตรแห่งแมวออกมาเพื่อตรวจสอบทามูระและชาวนาคูจักที่เหลือ จำนวนของคนที่เหลือรอดมาได้นั้นมีเพียงแค่เก้าสิบ คณะของจีเวลได้จัดการไปมากมายถึงหนึ่งร้อยสิบคนด้วยกัน นอกจากนี้ ชาวนาคูจักที่เหลือทั้งเก้าสิบคนนี้ต่างก็มีพลังชีวิตเหลือกันเพียงแค่ 30% ทั้งหมดนี้ก็เพราะเวทมนตร์วงกว้างของจีเวล
‘นี่มันค่าประสบการณ์ที่รอให้เก็บเกี่ยวชัด ๆ! ขอรับทั้งหมดที่เหลือนี่เลยก็แล้วกัน!’
“ดาบแห่งธาตุไฟ!”
อาร์คใช้งานธาตุที่ทรงศักยภาพในการทำลายล้างที่สุดเข้ากับดาบแห่งกิลซาล ขณะที่อาร์คเตรียมการอยู่นั้น ลาริเอ็ตเต้ก็คอยคุ้มกันอยู่เบื้องหลังเป็นกำลังเสริมให้
“ออร่าแห่งดาบ เกราะแห่งภูติ!”
ลาริเอ็ตเต้หนุนเสริมด้วยเวทมนตร์เพิ่มพลังโจมตีและป้องกัน!