เล่ม 10 ตอนที่ 2 : ลวงหลอก (3)
“กูรัน จากตรงนี้พวกเราต้องใช้เวลาเท่าไหร่ถึงจะกลับหมู่บ้านได้?”
“เรื่องนี้ข้าไม่มั่นใจนัก แต่อย่างน้อยก็น่าจะสี่วัน”
เขาแทบถอนหายใจเพราะคำพูดของกูรัน สี่วันในเกมก็ประมาณหนึ่งวันในโลกความเป็นจริง ทว่าอาร์คเริ่มหมองหม่นลงแล้ว สิ่งหนึ่งที่เขาลืมเลือนไปครู่คือ สถานการณ์ตอนนี้ไม่มีเวลาให้เสีย อาร์คเพิ่งจัดการจีเวลและคณะที่ตามมายังโลกใต้พิภพไป นั่นหมายความว่าอีกยี่สิบสี่ชั่วโมงพวกจีเวลจะฟื้นคืนชีพกลับมาอีกครั้ง
‘ถ้าหากจีเวลตามรอยเรามาได้ แบบนั้นพวกนั้นน่าจะอัพเดทจุดเกิดใหม่เป็นที่หมู่บ้านแหง แบบนั้นพวกนั้นจะต้องเกิดใหม่ก่อนเราไปถึงหมู่บ้านแน่’
เรื่องราวนี้เคร่งเครียดกว่าที่คิด เป็นก่อนหน้านี้เขาโชคดี ลำพังตัวเขาไม่อาจรับมือกับจีเวล ดุ๊ค และคณะที่พามาด้วยเพียงลำพังได้ หากต้องปะทะกันในสมรภูมิเขาแทบไม่มีโอกาสอะไรเหลือเลย ไม่สิ ถึงตอนนั้นเขาคงทำอะไรไม่ได้และไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหนีไปให้พ้น
‘ตอนนี้ก็ไม่มีทางอื่นที่จะกลับหมู่บ้านเหลือแล้วด้วย…’
คณะทั้งหมดนี้ก็ไม่อาจพาขึ้นหลังของราดันไปได้
คี๊ก!
ขณะนั้นเองอาร์คจึงได้ยินเสียงร้องคุ้นเคยอยู่เหนือศีรษะ เขามองขึ้นไปจึงพบปลากระเบนบินได้ลอยอยู่เหนือขึ้นไป
‘เจ้าพวกนี้? เดี๋ยวนะ ชาวมิวทัลที่อยู่ในหมู่บ้านที่หุบเขาก็ฝึกสอนมอนสเตอร์นี่นา’
อาร์คมองไปยังกูรัน
“กูรัน ทำให้เจ้าพวกนี้เชื่องได้ไหม?”
“การทำให้มอนสเตอร์เชื่องเป็นพรสวรรค์พิเศษที่มีมิวทัลจำนวนน้อยนิดที่มี โบนาก็มีพรสวรรค์ทางด้านนี้ แต่การฝึกสอนให้เชื่องนั้นต้องใช้เวลามากนัก กระทั่งว่าเป็นผู้ฝึกสอนมากประสบการณ์ยังต้องใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะทำให้เชื่องได้ กระทั่งว่าโบนาช่วยฝึกสอนมันได้สักตัวหนึ่ง แต่กว่าจะได้อีกตัวนั่นก็ต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นอีก”
โบนาพยักหน้ารับคำอธิบายของกูรัน
‘ให้ตายสิ รอมอนสเตอร์พวกนี้เชื่องเราได้แก่ตายก่อนแน่’
“แต่ก็แปลก พื้นที่แถบนี้เป็นดราเค็นปกครอง ตามปกติแล้วเจ้าพวกนี้ไม่น่าจะเข้ามาใกล้เลยนี่นา… เดี๋ยวนะ? นั่นมัน…”
กูรันเพ่งมองขึ้นไปจึงพบเห็นบางสิ่งเข้า
“ใช่จริงด้วย ปลากระเบนพวกนี้ได้รับการฝึกสอนมาแล้ว”
“พวกมันได้รับการฝึกสอนแล้ว?”
“ใช่ เป็นเพราะมีสายบังเหียนเด่นชัดอยู่ น่าจะมีจำนวนราวสิบตัวได้มั้ง? ทำไมเจ้าพวกนี้ถึงมาอยู่แถวนี้ตั้งสิบตัวล่ะ… หือ? หรือว่าอาจารย์…”
ความคิดฉากหนึ่งพลันกระจ่างในสมองของอาร์ค
‘ใช่แล้ว จีเวลและคณะมาถึงหุบเหวนี่ได้เร็วไล่หลังเราเลย พวกมันสมควรใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงจากหมู่บ้านถึงหุบเหวแห่งนี้ กระทั่งว่ารู้ตำแหน่งเพราะคำสาป แต่ความเร็วเท่านี้ก็เกินกว่าที่การเดินเท้าจะทำได้ ก็หมายความว่า?’
จีเวลและคณะไล่ตามพวกเขามาโดยใช้ปลากระเบนบินได้
‘พวกมันต้องพักเท้าที่หมู่บ้านก่อนไล่ตามเรามาแน่’
ตอนนี้เรื่องราวเริ่มสมเหตุสมผลขึ้นมาแล้ว วิธีแก้ปัญหาก็ผุดขึ้นมาเช่นเดียวกัน
“ถ้าพวกมันโดนฝึกสอนแล้ว พวกเราก็ใช้งานได้ใช่ไหม?”
“ก็เป็นไปได้ แต่ว่า… ผนึกที่อยู่บนตัวพวกมันคลายไปแล้ว”
“ผนึก?”
“ใช่ เดิมทีมอนสเตอร์และผู้ฝึกสอนจะไม่อาจอยู่ห่างไกลจากกันและกันได้ นั่นเป็นเพราะจะทำให้อำนาจการครอบงำลดน้อยลงและพวกมันอาจกลับคืนสู่ป่า”
“หือ? แต่พวกเราก็ขี่พวกมันมาได้ถึงที่นี่ไม่ใช่เหรอ?”
“นั่นก็เป็นผลของผนึกยังไงล่ะ”
กูรันม้วนแขนเสื้อขณะแสดงบางสิ่งให้เห็น มันเป็นลายลักษณ์สีดำบนข้อมือ ก่อนที่จะออกจากหมู่บ้าน เบซอทิวได้ประทับลายลักษณ์เอาไว้บนข้อมือของอาร์คและบุคซิลเช่นกัน
“บุคคลที่ประทับตราเป็นลายลักษณ์เอาไว้จะทำให้มอนสเตอร์ยังสามารถรู้ได้ว่าใครคือผู้ฝึกสอนในระยะเวลาหนึ่ง แบบนั้นแล้วผลลัพธ์จะไม่หายไปถ้าหากยังมีผนึกคงอยู่ แต่ตอนนี้พวกคนที่มีผนึกต่างตายกันหมด เจ้าพวกนี้ก็เลยตกอยู่ในสภาวะสับสน เป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้เชื่องอีกครั้ง…”
ขณะนั้นโบนาพลันขัดคำขึ้นมา
“พวกมันยังไม่ได้กลับคืนสู่ป่า ถ้าหากพวกเราปรับเปลี่ยนผนึกก่อนที่พวกมันจะหวนคืนสู่ป่าได้ก็น่าจะพอไหว”
“แต่ผนึกต้องเป็นของเจ้าของ… โอ้ จริงด้วย!”
กูรันพลันเงยหน้าขึ้นอีกครั้งขณะโพล่งเสียงดัง
“ใช่แล้ว ถ้าหากเจ้าพวกนี้เป็นอาจารย์ส่งมา พวกเราก็สามารถต่ออายุผนึกได้ เป็นเพราะพวกเราต่างใช้ผนึกเดียวกับอาจารย์ แน่นอนว่าต้องปรับเปลี่ยนตราประทับให้กับทุกคนด้วย แต่เรื่องนี้ไม่น่ายากสำหรับโบนาเพราะได้รับการฝึกสอนมาแล้ว ปัญหาอยู่ที่พวกเราจะจับตัวพวกมันที่สับสนอยู่บนฟ้ายังไงต่างหาก…”
กูรันพึมพำเสียงเบาขณะจ้องมองปลากระเบนบินได้บนฟ้า ตอนนี้เรื่องราวที่เหลือคล้ายขึ้นอยู่กับอาร์คแล้ว
“เดี๋ยวผมจัดการเอง เดดริค งานแกแล้ว”
อาร์คเผยรอยยิ้มออกมา ปลากระเบนบินได้ทั้งหมดกว่าสิบตัวล้วนอยู่เหนือขึ้นไปไม่กี่สิบเมตร ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเดดริคเลยสักนิด ทว่า… ไม่มีเสียงตอบรับดังกลับมาแต่อย่างใด เดดริคเพียงทอดสายตามองไปยังภูเขาที่อยู่ไกลออกไปคล้ายไม่ได้ยินสิ่งใด
“ทำอะไรอยู่น่ะ? ไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรือไง?”
ไม่มีสัญญาณตอบรับ…
เดดริคเพียงหาวขณะเกาคอไปมา
‘ไอ้เจ้านี่ หรือว่าจะเป็นเพราะที่เราแกล้งไป?’
ดวงตาของอาร์คทอประกายคมกล้า ดูเหมือนว่าเขาจะต้องฝึกสอนสมุนปีศาจของตัวเองก่อนที่จะไปสนใจพวกบินได้ข้างบน ทว่า การตบตีเดดริคสักครั้งหรือว่าสองครั้งคงไม่เป็นผลยามที่แสดงท่าทีแบบนี้ออกมาอย่างโจ่งแจ้ง อัตตาของเดดริคค่อนข้างแรงกล้าเพราะงั้นการตบตีไม่ใช่การแก้ปัญหาในตอนนี้ เดดริคคงต้องตกอยู่ในสภาวะวิกฤตสักสามหรือว่าสี่ครั้งก่อนที่จะหันกลับมาสนใจได้ ทว่าตอนนี้สายตาหลากหลายจ้องมองเขาอยู่ ไม่เพียงแค่ลาริเอ็ตเต้เท่านั้น การกระทำรุนแรงต่อหน้าโบนาคงทำให้ความนับถือที่มีต่อเขาลดน้อยลงแน่… นอกจากนี้ เขาไม่มีเวลาให้เสียมากนัก
‘บัดซบ ไอ้เจ้านี่คงรู้สินะว่าครั้งนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน’
อาร์คจ้องมองเดดริคอย่างกินเลือดเนื้อ
‘เดี๋ยวนะ? ไม่ใช่ว่าที่มันอารมณ์ไม่ดีเพราะราซาคได้วิวัฒนาการก่อนมันหรือไง? ถ้าแบบนั้น…’
เขาจะทำอย่างไร… อาร์คเพ่งสมาธิอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะเผยรอยยิ้มและกล่าวออกมา
“ครั้งนี้รวบรวมวัตถุดิบได้เยอะเสียด้วยสิ น่าจะทำเมนูใหม่ได้สักสิบจานได้มั้งเนี่ย โชคร้ายจังนะแกคงไม่ได้กิน”
“…?”
เดดริคเอียงคอด้วยความสับสน ตามปกติแล้วอาร์คแทบจะบีบบังคับให้มันกินอาหารใหม่ด้วยซ้ำ แต่แล้วตอนนี้บอกไม่ต้องกินก็ได้?
“ไม่ใช่ว่าวัตถุดิบส่วนใหญ่มันดีต่อร่างกายหรือไงกันน๊า? เอาเถอะ อย่างน้อยกว่าเจ็ดในสิบก็ให้ผลลัพธ์ดีทั้งนั้น ในเมื่อแกไม่อยากทำงั้นฉันก็ไม่บังคับ ฉันจะได้เอาอาหารทั้งหมดให้ราซาคแทน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย… ในอนาคตราซาคจะยิ่งมายิ่งแข็งแกร่งขึ้นสินะเนี่ย?”
เดดริคที่กางหูออกเพื่อรับฟังพลันหันควับกลับมา
“ว่าอะไรนะขอรับ? หลังจากนี้จะทำแบบนั้น?”
“ใช่ ฉันเปลี่ยนใจแล้ว พอมาคิดดูแล้วก็เลยตระหนักได้ว่าเรื่องที่ทำมันออกจะโหดร้ายเกินไป ฉันก็เลยแสดงความรับผิดชอบ ถ้าไม่อยากกินอาหารอีกนับแต่นี้ฉันก็ไม่บังคับหรอก แค่ให้ราซาคกินไปเรื่อย ๆ จนแข็งแกร่งขึ้นก็เท่านั้นเอง”
“นี่คนละเรื่องแล้วขอรับ!”
“ต่างกันตรงไหน? นี่ไม่ใช่ว่าแกต้องการให้เป็นแบบนี้มาตลอดหรือไงกัน?”
“นั่นมัน… แต่ว่า…”
เดดริคเริ่มอึกอักด้วยความอาย แน่นอนว่าอาหารน่ารังเกียจเดดริคย่อมไม่คิดอยากกินแน่ แต่ถ้าไม่ได้กินอะไรเลยนั่นแหละคือปัญหา ในเมื่อราซาคได้รับค่าสถานะเพิ่มขึ้นหลังวิวัฒนาการเป็นครั้งที่สอง ไม่ใช่ว่ายิ่งให้มันกินอาหารเข้าไปช่องว่างก็จะยิ่งกว้างขึ้นหรือยังไง? หากปล่อยให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น ตำแหน่งของมันก็คงอยู่ต่ำต้อยกว่าราดันและราซาคแล้ว ไม่ได้ มันจะต้องเป็นแบบนั้นแน่ ถ้าปล่อยเอาไว้แบบนั้นมันไม่ใช่ว่าต้องย้อนกลับไปวันคืนที่กลายเป็นค้างคาวผู้ที่โดนรังแกอยู่เสมอหรือยังไงกัน?
อาร์คพลันยิ้มอย่างชั่วร้ายขณะรับชมเดดริคที่ส่ายหัวไปมา
‘หึหึหึ หมอนี่มันเด็กเสียจริง’
ที่จริงอาร์คก็ได้เรียนรู้วิธีการแบบนี้มาจากแม่ ตอนยังเด็กอาร์คไม่เคยคิดกินยาจนกระทั่งมีไข้สูง ด้วยความดื้อรั้น แม่ของเขาก็เลยไม่คิดบังคับ แม่ของเขาจึงปล่อยไม่สนใจเขาอีก ทว่านั่นเป็นการหลอก
“ถ้าลูกไม่กิน งั้นก็ไม่มีทางที่จะโตเป็นผู้ใหญ่ได้… ไม่ได้อย่างแน่นอน แม่เอาไปให้เด็กข้างบ้านแทนแล้วกัน เด็กคนนั้นจะได้โตเร็วขึ้นขณะที่ฮยอนอูยังกลายเป็นเด็กแบบนี้ต่อไป เมื่อไหร่ที่เด็กคนนั้นไปโรงเรียน ตอนนั้นฮยอนอูก็คงจะต้องเล่นกับตัวเองอยู่บ้านแล้ว อา ฮยอนอูของแม่ช่างน่าสงสารจริง ๆ”
จากนั้นแม่เขาจึงแกล้งร้องไห้ออกมาจนฮยอนอูต้องยอมกินยา ยานั้นขม ฮยอนอูรู้เรื่องนี้ดี นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมให้ตายยังไงเขาก็ไม่คิดอยากกิน ทว่าภาพฉายความโดดเดี่ยวที่จะเกิดขึ้นกับเด็กน้อยพลันลอยมา ตั้งแต่นั้นฮยอนอูจึงกลายเป็นเด็กดีคอยกินยาอยู่เสมอ เขาเกลียดมันก็ใช่ แต่เขาก็อยากเติบโตเป็นผู้ใหญ่ยิ่งกว่า…
ขณะนี้เอง เดดริคก็ไม่ต่างจากฮยอนอูตอนสี่ขวบเลยสักนิด อีกฝ่ายไม่ชอบกินอาหารเมนูใหม่ แต่ถ้าหากเขาทำเป็นเมินเฉยปล่อยให้ทุกสิ่งอย่างเป็นของราซาค แบบนั้นแล้วเดดริคก็จะถูกทิ้งให้โดดเดี่ยว เขาก็เพียงแค่ทำเหมือนกับที่แม่เคยทำ อาร์คเดินเข้าไปใกล้เดดริคขณะกระซิบเสียงเบา
“ขอพูดไว้เลยนะ แกไม่คิดเหรอว่าที่ราซาควิวัฒนาการเป็นตัวแรกเป็นเรื่องที่ดีกว่า?”
“…ขอรับ?”
“คิดให้ดี แกคิดว่าใครจะทำประโยชน์ได้นานกว่ากันล่ะ?”
“ใครล่ะขอรับ?”
“แกไงเจ้าเด็กโง่ จะเป็นใครอื่นได้ ที่จริงฉันคาดหวังกับแกเอาไว้สูงเลยนะ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันจึงมอบบทลงโทษเป็นอาหารให้ตอนเกิดปัญหา นี่คือการตัดสินใจของฉันว่าจะใช้การลงโทษเพื่อเพิ่มศักยภาพให้แกได้กลายเป็นลูกน้องชั้นเยี่ยม พวกที่เหลือก็จะทำตามแกเอง แกรู้อะไรไหม? ภายในใจของพวกนั้น ราดันและราซาคก็คิดเสมอว่าแกน่ะเป็นเบอร์สอง เป็นรองแค่ฉันเท่านั้น”
“…จริงหรือขอรับ?”
“แน่นอน นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมแกถึงพูดได้ยังไงล่ะ”
เป็นเช่นนั้น? นี่สินะเหตุผลที่ทั้งราดันและราซาคพูดคุยกับอาร์คโดยตรงไม่ได้