เล่ม 10 ตอนที่ 3 : ความอัปยศของลีมย็องลง (1)
“นายไปก่อเรื่องอะไรไว้?”
ชายวัยกลางคนผมสีเทากำลังกล่าวถามด้วยสายตาคมกริบ เขาเป็นถึงหัวหน้าแผนกของหน่วยงาน SWAT ของสำนักงานตำรวจ โชยองฮวัน
“ก็ไม่มีอะไรนี่ครับ”
บุคคลที่ตอบกลับมาก็เรียบสั้น เสื้อผ้าไม่เรียบร้อย ท่าทางไม่เรียบร้อย และท่าทีไม่เรียบร้อย… ชายคนดังกล่าวคือหัวหน้าของทีม SWAT ที่หนึ่ง อีกทั้งยังรู้จักกันในนามอันธพาลอันดับหนึ่งลีมย็องลง โชยองฮวันจ้องมองลีมย็องลงด้วยท่าทีหงุดหงิดขณะกล่าวออก
“ยังคิดจะทำตัวแบบนี้ต่อไป?”
“หมายความว่ายังไงกันครับ?”
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่นายไปเห่าใส่ใครบางคนระดับสูงมา?”
“แค่เห่าก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนี่ครับ”
โชยองฮวันโน้มตัวเข้าใกล้โต๊ะทำงานมากยิ่งขึ้น
“…นั่นถึงทำให้ตอนนี้มันเป็นแบบนี้ยังไงล่ะ”
“ผมไม่ปฏิเสธเรื่องนั้น และผมก็ไม่คิดพูดถึงด้วย”
“เฮ้อ ลีมย็องลงเอ้ย…”
โชยองฮวันวางนิ้วกับขมับขณะนวดไปมาและตำหนิอีกฝ่าย
“นายไม่รู้จักฉันหรือยังไง? แล้วฉันไม่รู้จักนายหรือยังไง?”
“ไปโรงอาบน้ำรวมด้วยกันมาแล้ว ก็ต้องรู้จักแน่นอนอยู่แล้วครับ”
“อย่าเพิ่งเล่นลิ้น ก็ใช่ มีหลายคนในสำนักงานตำรวจที่รู้เรื่องแผลเป็นบนร่างกายของฉัน นั่นคือส่วนหนึ่งของชีวิตที่ผ่านมา ที่ภาคสนาม ความผิดพลาดครั้งหนึ่งอาจทำให้ไม่สามารถหลบลูกกระสุนได้ทัน หรือไม่ก็อาจจะโดนมีดแล่เนื้อแทงเข้าใส่หลัง ทุกคนในสำนักงานตำรวจย่อมต้องเตรียมรับเรื่องนั้นอยู่แล้ว”
“ควรไปทำงานที่รัฐสภาแทนนะครับ ได้เสียงโหวตจากสำนักงานตำรวจเยอะแน่นอนครับ”
“อย่าเพิ่งเล่นได้ไหม!”
โชยองฮวันทุบโต๊ะด้วยหมัดเสียงดัง หมัดที่กระแทกเข้าใส่โต๊ะนั้นก็มีแผลเป็นเช่นเดียวกัน แม้ว่าตอนนี้จะยังคงนั่งอยู่ แต่ช่วงหลายปีก่อนที่ผ่านมาเขาเองก็เป็นหนึ่งในทีม SWAT เช่นกัน หมีร้ายแห่งสำนักงานตำรวจ นั่นคือชื่อเล่นที่พวกผู้ร้ายใช้เรียกโชยองฮวัน
“ฉันน่ะเป็นข้ารับใช้ประชาชน พอบาดเจ็บก็กลายเป็นคนไร้ประโยชน์ แต่ก็จบแล้ว ใครบางคนระดับสูงได้เล็งกระสุนมาที่ฉันและก็ยิงออกเรียบร้อยแล้วด้วย”
ลีมย็องลงตอบรับอย่างเย็นชา
“ลูกพี่ฮวารังก็ออกจากสำนักงานตำรวจเพราะแบบนั้นเหมือนกันนี่นะ”
“นายนี่มัน!”
โชยองฮวันแทบผุดลุกขึ้น ลีมย็องลงก็ตระหนักถึงเรื่องนี้ดีจึงจ้องมองกลับและเอ่ยเสียงเบา
“ผมไม่อยากตำหนิหัวหน้าแผนกหรอกนะครับ แต่ไม่ทราบเหรอครับ? การยิงสะเปะสะปะออกมาถึงกับแม่นยำจนน่าตกใจ ไม่ใช่อยู่แล้ว พวกเขาทำให้เหมือนมันบังเอิญเกิดขึ้นต่างหาก”
“…”
โชยองฮวันเงียบไปพักหนึ่งขณะนำบุหรี่ออกมา ก่อนที่ควันจะลอยถึงตัวลีมย็องลง ก้นบุหรี่ก็ถูกบดขยี้กับที่เขี่ยจนไฟมอดดับลง โชยองฮวันสูดลมหายใจเข้าลึกพร้อมรับควันเหล่านั้นเข้าไปเต็มปอด
“ฉันรู้นะว่านายรู้สึกยังไง… น้อยคนนักที่นายจะทำตัวต่อต้านด้วยแบบนี้”
“ต่อต้าน? หึ ใช่ครับ ผมโมโหมากเลยด้วย”
ลีมย็องลงเผยรอยยิ้มถากถางขณะพยักหน้ารับ ใช่แล้ว ความโกรธนี้สุมอยู่ภายในลำคอของเขาจนแทบจะทำให้เขาคิดอยากหัวเราะออกมา เขาอยากไปค้นหาพวกอาชญากร ทว่าเขากลับโดนเหยียดหยาม… เหตุเกิดขึ้นในช่วงเช้า เมื่อออกจากยิมหลังออกกำลังกายเรียบร้อยแล้ว ทุกสิ่งเกิดขึ้นในฉับพลัน เขาโดนเชิญตัวมาที่ห้องทำงานของหัวหน้าแผนกพร้อมได้รับคำกล่าวให้ไปเข้าร่วมกับหน่วยตอบโต้อาชญากรรมพิเศษ
‘ไอ้เจ้านั่น…!’
ลีมย็องลงนึกออกในทันที ต่อให้เขาไม่ใช่คนฉลาดอะไรก็ควรที่รู้สึกถึงได้อย่างรวดเร็ว ที่เขาเข้าร่วมสำนักงานตำรวจได้ก็เพราะฐานะตัวแทนทีมชาติเทควันโดครั้งอดีต นั่นจึงทำให้เขาสามารถผ่านการทดสอบเข้ามาได้ ทว่าเรื่องนี้เขาได้กลิ่นบางอย่างที่เหม็นโฉ่ หน่วยตอบโต้อาชญากรรมพิเศษ…
มันคือชื่อของหน่วยงานที่มีไว้เพื่อรับมือกับอาชกรรมรุนแรง ทว่า มันไม่ใช่การ ‘สอบสวนสืบสวน’ แต่เป็น ‘รับมือ’ ต่างหาก นี่หมายความว่าต้องทำงานนั่งโต๊ะเพื่อรวบรวมข้อมูลข่าวสารอาชญากรรมก่อนที่เรื่องราวจะเกิดขึ้น จากนั้นจึงค่อยส่งเบาะแสไปให้หน่วยงานสืบสวนสอบสวน นี่เป็นหน่วยงานที่ไม่ค่อยมีงานอะไรมากนัก ตามปกติแล้วตำแหน่งนี้จะเป็นของพวกที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย ทว่ากลับให้สมาชิกทีม SWAT ไปเข้าร่วม…
แต่ก็เท่านั้น ประกาศได้ชัดเจนแล้วว่าลีมย็องลงต้องเข้าร่วมหน่วยงานดังกล่าว แต่ไม่ช้าลีมย็องลงก็เข้าใจเรื่องราวโดยทันทีเมื่อหัวหน้าแผนกอธิบายให้รับฟัง ไม่สิ มันเป็นผลจากที่เขาคาดคิดเอาไว้ตั้งแต่เมื่อหลายวันที่ผ่านมาแล้วต่างหาก
อีคยองโฮ เมื่อไม่นานมานี้ เขากับฮยอนอูไปร่วมกันพบกับพ่อของอันเดล อีกฝ่ายใช้เส้นสายที่เคยมีใกล้ชิดกับผู้บัญชาการของสำนักงานตำรวจ และลีมย็องลงก็มีสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีกับผู้บัญชาการสักเท่าไหร่ เป็นเขาที่เผชิญหน้ากับผู้บัญชาการหลังจีวอนฮวารังโดนบีบบังคับให้เกษียณตัวเองออกไป
เพราะเหตุนั้นลีมย็องลงจึงโดนสายตาของผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติจับจ้องอยู่เสมอ ทว่าเพราะลีมย็องลงทำผลงานได้ดีเรื่อยมา อีกฝ่ายจึงไม่กล้าทำอะไรอย่างเปิดเผย และพอมีอีคยองโฮใช้เส้นสายที่มีกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงทำให้เรื่องราวเกิดความลื่นไหลขึ้น สถานการณ์นี้เกิดขึ้นเพราะสองคนนั้น ชัดเจนว่าเป็นความประสงค์ของคนทั้งสอง พวกเขาคิดอยากให้ลีมย็องลงโกรธและไม่เชื่อฟังคำสั่งหรือไม่ก็ถอนตัวไป
‘ข้าราชการ… เหอะ น่าสนุกดีนี่…’
ลีมย็องลงคิดอยากไปเยี่ยมเยือนอีคยองโฮอีกสักครั้งพร้อมปาจดหมายลาออกอัดใส่หน้าอีกฝ่าย ในเมื่อเขาทราบเรื่องราวดีอยู่แล้ว ลีมย็องลงจึงไม่คิดเดินตามแผนการของคนพวกนั้น หากลีมย็องลงลาออก แบบนั้นแล้วฮยอนอูก็ต้องรู้เรื่องด้วยแน่
‘ลงมือไวกว่าที่คิดไว้อีก’
เขายิ้มขณะคิดถึงฮยอนอู เขารู้สึกได้ถึงความภาคภูมิ อย่างไรแล้วเขาก็เป็นอาจารย์ของอีกฝ่าย เขาไม่อยากให้ศิษย์รักคนนี้ต้องเผชิญกับเรื่องราวสกปรกเหล่านี้
“เหอะ เหลือเชื่อจริง ๆ ไอ้เจ้าพวกนั้น… คิดว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นสนามเด็กเล่นหรือยังไง? นายคงรู้อะไรแต่แรกแล้วสินะถึงไม่โต้เถียงแบบนี้”
โชยองฮวันพ่นควันบุหรี่ออกด้วยท่าทีหงุดหงิดใจ
“ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม อย่าได้คิดที่จะเขียนจดหมายลาออกอย่างเด็ดขาด ฉันจะคอยดูสถานการณ์อีกสักพักหนึ่ง คิดเสียว่ามันเป็นช่วงพักร้อนแม้จะหลายเดือนไปหน่อยก็ตาม ไว้ถึงเวลาแล้วจะหาทางให้”
“ได้ครับ”
“ฉันติดต่อหัวหน้าแผนกนั้นเอาไว้แล้ว เจ้านั่นจะหาตำแหน่งที่เหมาะสมให้เอง หมอนั่นเป็นมิตรนะ เขาจะคอยดูแลนายให้ เอาล่ะ ไปได้แล้ว”
“ครับ ไว้ผมจะกลับมาใหม่ ถ้าเป็นไปได้นะ”
ลีมย็องลงตอบกลับขณะออกจากห้องทำงานของหัวหน้าแผนกไป
การพูดคุยเป็นไปอย่างหยาบกร้าน ทว่าโชยองฮวันก็เหมือนจะกังวลว่าลีมย็องลงจะคิดลาออกจริง เพราะเหตุนั้นเขาจึงติดต่อหัวหน้าแผนกตอบโต้อาชญากรรมพิเศษเพื่อให้จัดการเรื่องตำแหน่งให้
“ทำงานนั่งโต๊ะ… จะทนได้นานไหมนะ”
ลีมย็องลงถอนหายใจขณะมุ่งหน้าอย่างเฉื่อยชาไปยังหน่วยงานตอบโต้อาชญากรรมพิเศษ จนถึงตอนนี้ ลีมย็องลงไม่เคยคาดคิดเลยว่าตนจะต้องมาทำงานภายใต้สถานการณ์แบบนี้เข้า
“โอ้ คนที่หัวหน้าแผนกโชพูดถึงนี่เอง ฉันชื่อ ชเวต็อกพิล เป็นคนรับผิดชอบที่นี่เอง”
เสียงใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้นตั้งแต่ที่เขาเข้ามายังแผนกตอบโต้อาชญากรรมพิเศษโดยทันที อีกฝ่ายเป็นพนักงานที่สวมใส่เสื้อสีขาวคอปกเรียบร้อย
“ครับ ผมลีมย็องลง”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ต้องสุภาพนักก็ได้ เข้าใจนะว่าประกาศนั่นทำนายไม่ยินดีอย่างถึงที่สุดน่ะ แต่พอเห็นท่าทีตอบสนองของหัวหน้าแผนกโชแล้ว นายคงอยู่ที่นี่ไม่นานนักหรอก ก็หวังว่าจะคิดว่าที่นี่เป็นครอบครัวหนึ่งระหว่างอยู่ร่วมกันนะ”
“ผมต้องทำอะไรบ้างกัน? ถ่ายเอกสาร? เสิร์ฟกาแฟ?”
“อืม คิดว่าสมาชิกทีม SWAT น่าจะทำได้ดีกว่านั้นนะ เอาแบบนี้ ตำแหน่งนี้เพิ่งว่างไม่นาน กังวลอยู่พอดีเลย น่าจะเหมาะกับนายนะ มาดูนี่”
ชเวต็อกพิลนำพาเขาไปยังมุมหนึ่งในออฟฟิศ กระทั่งเรียกว่าออฟฟิศ แต่มันก็ไม่มีอะไรอื่นเลยนอกจากเครื่องจักร อีกทั้งยังมีแคปซูลขนาดใหญ่ยักษ์อยู่ด้วย
“อะไรกัน? ไข่ไดโนเสาร์พันธุ์ใหม่หรือไง?”
“เพิ่งเคยเห็นเจ้าเครื่องนี่ครั้งแรก?”
“ครับ เอ่อ ผมไม่ค่อยสนใจเรื่องโบราณคดีเท่าไหร่หรอกนะ”
ชเวต็อกพิลมองอีกฝ่ายจริงจังอีกครั้งก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออก
“นี่เป็นเครื่องเกมต่างหากล่ะ เป็นคอมพิวเตอร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเชื่อมต่อเข้าเกมเสมือนจริง เครื่องนี้ทำมาโดยเฉพาะเกมที่เรียกว่านิวเวิลด์เลยนะ”
“นิวเวิลด์?”
ดวงตาของลีมย็องลงเบิกออกกว้างขึ้น
“อย่าบอกอีกนะว่าไม่เคยได้ยินน่ะ?”
“ไม่หรอกครับ ก็เคยได้ยินชื่อนิวเวิลด์มาบ้าง”
“น่ายินดี เกือบคิดว่านายเป็นมนุษย์ถ้ำเสียแล้วนะเนี่ย”
ชเวต็อกพิลพยักหน้ารับ ทว่าลีมย็องลงคล้ายไม่สนใจอาการตอบสนองของชายวัยกลางคนอย่างชเวต็อกพิลแล้ว เขาก็สงสัยเรื่องเครื่องเล่นอยู่บ้างหลังได้ยินได้ฟังฮยอนอูบอกเล่า ขณะนั้นจึงถามออกไปด้วยน้ำเสียงอยากรู้อยากเห็น
“แต่ว่านะครับ มันเกี่ยวข้องอะไรกับสำนักงานตำรวจกัน?”
“ดูเหมือนนายยังไม่เข้าใจ ทุกวันนี้การสืบสวนเรื่องราวในเกมออนไลน์ไม่ใช่เรื่องยากพบเห็นอีกต่อไปแล้ว แถมมันยังช่วยเสริมผลงานให้กับแผนกของเราอีกต่างหาก”
ชเวต็อกพิลเริ่มอธิบายโดยสรุปออกมาให้รับฟัง พวกที่ก่ออาชญากรรมมักมีเวลาว่างเหลือให้ใช้เล่นเสมอ ในเมื่อออกมาเดินเตร่ข้างนอกไม่ได้ พวกคนเหล่านั้นจึงถูกบังคับให้อยู่แต่ในห้องอับแสงตลอดทั้งวัน และนั่นคงเป็นเรื่องยากเหลือเชื่อที่จะอดทนอยู่ได้ บางครั้งอาชญากรมักจะสวมใส่ชุดเพื่อปิดซ่อนตัวตนออกมาเดิน หรือไม่ก็ยอมมอบตัวกับทางการตำรวจเสียเอง เกมเสมือนจริงเป็นหนทางที่ดีสำหรับให้พวกอาชญากรที่หลบหนีใช้พักอาศัย พวกเขาไม่จำเป็นต้องเสี่ยงเดินออกไปข้างนอกด้วยตัวเอง พวกเขาสามารถเดินไปทั่วโลกอีกใบได้ตามใจต้องการ
“คนพวกนั้นส่วนใหญ่แค่ได้ใช้ชีวิตในเกมเสมือนจริงก็พอใจกันแล้ว เจ้าพวกนั้นกระทั่งมีกิลด์ในเกมด้วยนะ… อา หมายถึงสถานที่รวมตัวกันอะไรแบบนั้น เจ้าพวกนั้นกระทั่งว่านัดเจอแลกเปลี่ยนข้อมูลอาชญากรรมซึ่งกันและกันพร้อมหัวเราะสนุกสนานด้วยซ้ำ กรณีแบบนั้น หากเราแฝงตัวเข้าไปหาเบาะแสจากสถานที่รวมตัวก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร”
เพราะเหตุนั้นจึงมีตำรวจหลายคนถูกส่งตัวเข้าไปในเกม วิธีการสืบสวนเช่นนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่สิบปีก่อน และผลลัพธ์ก็น่าพึงพอใจเรื่อยมา
“งั้นเจ้าเครื่องนี่ก็?”
“ใช่ หลังนิวเวิลด์ถูกวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ พวกเราก็ได้รับข้อมูลมาว่ามีเจ้าพวกหนึ่งไปสุมหัวกันอยู่ในเกมนี้ เพราะงั้นช่วงหลายเดือนก่อน พวกเราจึงร้องขอการสนับสนุนจากทางโกลบอลเอ็กซอร์ทจนได้รับเครื่องทดสอบมาจำนวนหนึ่ง และนี่ก็เป็นหนึ่งในนั้น”
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าทำไมถึงมีเครื่องดังกล่าวอยู่ภายในสำนักงานตำรวจ แต่แล้วก็ยังมีส่วนหนึ่งที่ไม่สมเหตุสมผลอยู่ดี
“เท่าที่ทราบ ได้ยินมาว่าหากต้องการสร้างไอดีผู้ใช้เพื่อเข้าเกม ทั้งหมายเลขบัตรประชาชนและรหัสยืนยันความปลอดภัย รวมทั้งข้อมูลส่วนตัวต้องลงทะเบียน… ถ้าแบบนั้นแล้ว ร้องขอข้อมูลจากบริษัทปลายทางไม่ง่ายกว่าเหรอครับ?”
“โอ้สหายน้อย พวกเราทำได้ก็จริง แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายแบบนั้น”
ชเวต็อกพิลส่ายศีรษะคล้ายปวดหัวขึ้นมา
“นายบอกว่าพวกเขาต้องใส่ข้อมูลส่วนตัวเพื่อสร้างไอดี แต่นั่นมันวันคืนเมื่อนานมาแล้ว ตอนนี้พวกเขาสร้างไอดีโดยใช้การสแกนม่านตา จึงยิ่งทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลถูกเก็บไว้ลึกยิ่งกว่าครั้งใด เพราะแบบนั้นงานนี้จึงท้าทายมาก และก็ยังมีปัญหาใหญ่อีกอย่าง”
“ปัญหาเหรอครับ?”
“นายไม่ทราบ? ตั้งแต่ที่หลายบริษัทเปลี่ยนข้อตกลงเรื่องความปลอดภัยต่อข้อมูลร่างกายเมื่อหลายปีก่อน สิทธิ์มนุษยชนได้ถูกทำให้ยากเกินกว่าจะเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้ ตอนนี้ข้อมูลส่วนตัวที่เกี่ยวข้องล้วนถูกเก็บเอาไว้ในกล่องดำไม่มีทางเข้าถึง จะยกเว้นก็แต่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายระดับประเทศเลยทีเดียว แบบนั้นจึงทำให้ทางตำรวจยิ่งต้องทำงานหนักมากขึ้นเพื่อได้รับข้อมูลมา”
ชเวต็อกพิลเกาศีรษะให้เห็น ในใจของลีมย็องลงจึงเกิดความคิดถึงกระบวนการที่ค่อนข้างซับซ้อน