เล่ม 10 ตอนที่ 5 : ตำแหน่งของห้องทดลอง (2)
“งั้นพวกเราขอตัวก่อนนะครับ”
“หากว่างก็แวะมาเยี่ยมเยือน พวกเรายินดีต้อนรับเสมอ”
“พี่อาร์ค พี่ลาริเอ็ตเต้ เสร็จธุระแล้วก็อย่าลืมกลับมาหานะครับ!”
โบนาไล่ตามพวกเขามายังบริเวณทางเข้าหมู่บ้านก่อนจะโบกมือให้
“เข้าใจแล้ว เอาล่ะ ไปกันเถอะ”
“ค่ะ”
ลาริเอ็ตเต้ยิ้มให้ขณะพยักหน้ารับ อาร์คหันกลับโดยไม่คิดมองเธออีก ดวงตะวันเริ่มลาลับขณะท้องฟ้าถูกย้อมไปด้วยสีแดง มันกำลังเป็นช่วงพลบค่ำ มันช่างให้ความรู้สึกว่าหัวใจของเขาคล้ายจะเต้นรัวเร็วขึ้นเพราะบรรยากาศ… คล้ายกับเธอในตอนนี้ยืนอยู่ในอวกาศอันกว้างใหญ่ ด้วยสีสันจากแสงธรรมชาติมันช่วยย้อมให้ตัวเธอดูงดงามขึ้นยิ่งกว่าครั้งไหน ช่างเป็นสีหน้าที่ยากลำบากหากเขาต้องหันกลับไปพูดคุยยิ่งนัก
‘เดินทางในโลกใต้พิภพครั้งนี้คงไม่น่าเบื่ออีกต่อไปแล้ว’
‘บางที… การเดินทางครั้งนี้อาจจะคุ้มค่าแล้ว’
เดินทางในโลกอันแสนลึกลับร่วมกับหญิงสาวตลอดการผจญภัย! ราวกับเป็นภาพยนตร์ที่บรรจงสร้างขึ้นโดยกำหนดให้โชคชะตาพาพวกเขามาพบเจอกัน และพวกเขาก็จบลงด้วยการเดินทางสำรวจและต่อสู้กับมอนสเตอร์ร่วมกัน และบางครั้งตัวเอกก็จะช่วยปกป้องเธออย่างอาจหาญ หลังผ่านความยากลำบากมากมาย ทั้งสองท้ายที่สุดจึงได้พบสมบัติและเริ่มมีความรู้สึกที่ดีต่อกัน นั่นไม่ใช่ความฝันที่ชายหนุ่มสักคนควรคาดหวังหรอกหรือ? แม้ว่าจะยังไม่ถึงฉากจบแบบนั้น แต่อาร์คก็หลงเข้าไปในโลกแฟนตาซีหวานแววเช่นนั้นตั้งแต่ออกจากหมู่บ้านร่วมทางกับลาริเอ็ตเต้แล้ว
ทว่าความเป็นจริงไม่ง่าย และอาร์คก็ไม่คิดว่ามันจะง่ายด้วย
อาร์คถอนหายใจขณะมองเพื่อนร่วมทางที่กำลังกินอาหารอยู่
“เป็นไงครับ ดีไหม?”
“ดีมากเลยค่ะ อาร์คนิมทำอาหารเก่งนะเนี่ย”
“จริงเหรอขอรับ? อร่อยจริงหรือ?”
เดดริคโพล่งเข้ามาขณะเลียหม้อคล้ายหมูหิวโหยตัวหนึ่ง หลังจากเขาทำอาหารในหม้อเพิ่ม มันก็ว่างอีกครั้งเพราะเดดริคขณะพวกเขาคุยกันไปเรื่อย
“เจ้านายได้ยินไหมขอรับ? ขออีกสิ”
ช่างขัดขวางสถานการณ์นัก เขาทำอาหารจานนี้จากวัตถุดิบที่รวบรวมมาได้ นอกจากนี้เขายังเสียพลังชีวิตไปกว่า 50% และตอนนี้ยังไม่ได้กินเลยแม้สักช้อนเดียว หม้อกลับว่างเปล่าอีกครั้งแถมยังร้องขอเพิ่มอีก? แถมน้ำเสียงยังเหมือนจะเป็นการสั่งเสียด้วย? อาร์คแทบอารมณ์ขึ้นขณะกล้ำกลืนความขมลงลำคอ ไม่สิ เขาแทบอยากต่อยอีกฝ่ายเลยต่างหาก ทว่า…
“ต้องขอโทษด้วยค่ะ พวกเรากินกันจนลืมส่วนแบ่งให้อาร์คนิมเลย”
เมื่อลาริเอ็ตเต้กล่าวขึ้น หมัดของอาร์คที่แทบจะลั่นใส่ศีรษะของเดดริคพลันเปลี่ยนเป็นลูบหัวแทน
“อา ไม่หรอกครับ กินได้ตามสบายเลย ฮ่าฮ่าฮ่า”
“ใช่แล้วอย่าได้ห่วง เจ้านายชอบให้คนอื่นกินอาหารที่ทำอยู่แล้ว”
เดดริคแฝงความหมายในคำพูด แต่ลาริเอ็ตเต้กลับพยักหน้ารับ
“หมายความว่าชอบทำอาหารเป็นงานอดิเรกเหรอคะ?”
“ครับ? เอ่อ ก็ใช่… ใช่แล้วแหละครับ”
อาร์คยิ้มเก้กังก่อนที่จะไปกระซิบใส่เดดริค
“แกนี่มัน! ไม่รักชีวิตตัวเองในอนาคตเลยสินะ?”
“ขอรับ?”
เดดริคทำเป็นรับคำขณะเสมองออกไปทางภูเขาที่อยู่ห่างไกล บางที… คล้ายมันรับรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แม้ว่าจะทำตัวดีมาพักหนึ่ง แต่อย่างไรแล้วก็ดูคล้ายจะแฝงความเกลียดชังแถมมาด้วย กระทั่งดูแย่กว่าแต่ก่อน
‘แย่แล้วสิ เป็นเราพลาดไป ถ้ารู้แต่แรกว่ามันจะได้ใจขนาดนี้คงไม่เรียกมันว่าเบอร์สองก็คงดี… ลืมไปเลยว่าไอ้เจ้านี่มันเด็กน้อยและมีความคิดซื่อตรงแสดงออกขนาดไหน’
แต่เขาจะโทษเรื่องนี้กับใครได้? สถานการณ์เช่นนี้เกิดเพราะเขาผิดพลาดเอง… อาร์คถอนหายใจอีกครั้งขณะมองกระเป๋าของตัวเอง ไม่ช้าเขาจึงเริ่มใส่วัตถุดิบลงหม้ออีกครั้งด้วยน้ำตาแทบนองใบหน้า
‘วัตถุดิบพวกนี้หากเทียบเป็นเงินแล้วจะมูลค่าเท่าไหร่กันนะ?’
อาร์คนึกย้อนเหตุการณ์ที่ผ่านมาในหัว ในตอนแรก… ทุกสิ่งยังดีอยู่ตอนที่เขาออกจากหมู่บ้านในหุบเขา
“โห ดูแม่น้ำนั่นสิ เป็นสีรุ้งเลย”
“เห็นทางนั้นไหมครับ? ถ้าเป่าดอกไม้พวกนั้น แรงลมจะย้อนกลับทำให้มันเข้าปากเราแทน ฮ่าฮ่าฮ่า”
“มันดูเหมือนหน้ามนุษย์เลยนะคะ ค่อนข้างน่ากลัว”
ลาริเอ็ตเต้สำรวจสภาพแวดล้อมราวเด็กน้อยที่ตื่นเต้นต่อทุกสิ่งที่ปรากฏในสายตา
“ระวังด้วยนะครับ มันเป็นมอนสเตอร์ ถ้าเข้าไปใกล้มันจะโจมตีเอา”
“หา? จริงเหรอคะเนี่ย?”
อาร์คหัวเราะเพราะท่าทีแตกตื่นของลาริเอ็ตเต้ก่อนจะกล่าวคำต่อ
“ใช่ครับ แต่ถ้าไม่เข้าไปใกล้มากมันก็ไม่โจมตีหรอก”
เธอมาถึงโลกใต้พิภพก่อนอาร์ค ทว่าเธอไปปรากฏตัวที่ป่าฮาเกลซึ่งถูกล้อมรอบเอาไว้โดยพวกคนตายและนั่นจึงทำให้ไม่มีเวลาได้สำรวจสภาพของโลกใบนี้จนกระทั่งโดนชาวนาคูจักจับตัวไป ด้วยเหตุนี้เธอจึงมีความสงสัยต่อสิ่งใหม่และตื่นเต้นกับทุกสิ่งที่พบเห็น อาร์คเองก็อารมณ์ดีร่วมไปด้วยเมื่อได้เห็นเธอเป็นเช่นนี้ เขาเริ่มอธิบายทุกสิ่งอย่างและเธอก็ดูจะสนใจมากยิ่งขึ้น สำหรับบางคน… อาจจะค่อนข้างสนุกสนานเลยทีเดียวที่มีหญิงสาวสักคนคอยฟังคำพูดกล่าว มอนสเตอร์ปรากฏตัวขึ้นมาก็หาได้ใช่สาระสำคัญอะไร อาร์คเคยเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์พวกนี้หลายต่อหลายครั้งแล้วตอนมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านจากภูเขาหิมะ พวกมันเลเวลสูงกว่าก็จริงแต่ไม่เคยเข้ามาเกินสองตัว นอกจากนี้เลเวลของอาร์คยังสูงกว่าหากเทียบกับครั้งก่อนหน้า การฆ่าชาวนาคูจักนับร้อยในหุบเหวแห่งความสิ้นหวังและสำเร็จภารกิจ ทำให้เลเวลของเขาตอนนี้คือ 256!
“บุคซิล คอยถ่ายไว้ให้ดีล่ะ”
อาร์คกระซิบบอกกับบุคซิลก่อนที่จะชักดาบออกมา ไม่ช้าเขาเริ่มวาดดาบเพื่อโจมตีเข้าใส่มอนสเตอร์อย่างสวยงาม วิดีโอก็ถ่ายทำไปพร้อมกันนั้น อยู่ต่อหน้าลาริเอ็ตเต้จะให้เขาต่อสู้แบบปกติธรรมดาได้ยังไงกัน?
“โอ้! วิเศษมาก! อาร์คนิมถึงกับสามารถจัดการมอนสเตอร์แข็งแกร่งได้อย่างง่ายดาย…”
อาร์คแทบลอยขึ้นฟ้าเพราะคำชมของลาริเอ็ตเต้
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรครับ”
อาร์คแสร้งทำเป็นสุภาพรับคำชม หลังลาริเอ็ตเต้มีท่าทีเช่นนั้น อาร์คจึงยิ่งแสดงให้เห็นมากยิ่งขึ้น อาร์คเริ่มทำอาหารแจกจ่ายอย่างใจกว้าง ขณะที่สมุนปีศาจทำพลาดเขาก็ไม่ต่อว่าแต่อย่างใด เขาไม่อาจทำตัวเป็นคนไร้อารยธรรมต่อหน้าเธอได้ ดังนั้นแล้วอาร์คตามปกติจึงต้องหยุดทำการเพราะลาริเอ็ตเต้คงอยู่ นั่นจึงทำให้เรื่องราวเมื่อครู่นี้เกิดขึ้น
ทว่าตลอดทางที่ร่วมกับลาริเอ็ตเต้ก็มีแต่ความทรงจำที่ดี เขาถึงกับพูดคุยกับลาริเอ็ตเต้เพลินจนข้ามผ่านทุ่งรกร้างมาโดยไม่รู้ตัว ไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงบริเวณทางใต้ของทุ่งรกร้างซึ่งเริ่มเปลี่ยนเป็นป่าทึบ
“พื้นที่ป่านับตั้งแต่ตรงนี้ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นจุดบ่งชี้ว่าเป็นป่าแห่งชีวิต นี่เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่ผมมาที่นี่เพราะงั้นเลยไม่ทราบว่าจะมีมอนสเตอร์อะไรโผล่ออกมาบ้าง เดดริค ออกไปสำรวจที”
“ขอรับ”
เดดริคกระพือปีกเป็นครั้งแรกในช่วงหลายวัน ทว่าอีกฝ่ายกลับออกไปได้เพียงไม่กี่เมตรก่อนจะกลับมา
“เกิดอะไรขึ้นกัน?”
“ไม่ทราบขอรับ พอวนจนเหนื่อยข้าก็กลับมาเองนี่?”
อาร์คเริ่มจ้องมองโดยรอบแต่ก็ไม่พบสิ่งใดผิดปกติ
หรือว่า? อาร์คมองร่างของเดดริคด้วยท่าทีไม่สบายใจนัก ท้ายที่สุดเขาจึงตระหนักได้ว่าเดดริคมีอะไรแตกต่างไปจากปกติที่เคยเป็น
‘อะไรกัน? ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย…?’
ระหว่างแสดงฝีมือทำอาหารให้ลาริเอ็ตเต้ได้เห็น อาร์คจึงใช้วัตถุดิบอย่างดีไปมาก ทว่าลาริเอ็ตเต้ไม่ได้กินจุอะไร กว่าครึ่งของมื้ออาหารจะเหลือทุกครั้ง และนั่นจึงเป็นหน้าที่ของสมุนปีศาจและบุคซิลที่คอยจัดการส่วนที่เหลือ อีกทางหนึ่ง ในทุ่งรกร้างมักจะมีมอนสเตอร์โผล่ออกมาแค่หนึ่งหรือสองตัวเสมอ ดังนั้นแล้วเขาจึงไม่ได้ใช้ให้เดดริคสำรวจหรือว่าต่อสู้ร่วมแต่อย่างใด ผลลัพธ์ก็คือ… มันเป็นการสร้างวันหยุดแสนสบายให้กับเดดริคที่เอาแต่กินและก็กิน หรือก็คือมันเป็นการขุนให้อีกฝ่ายอ้วนอีกทั้งยังขาดการออกกำลัง นั่นทำให้ร่างใหญ่โตขึ้น กับราซาคและบุคซิลก็เช่นกัน ทางด้านบุคซิล… อืม อีกฝ่ายดูเหมือนหมูยิ่งกว่าที่เคยเป็น ขณะที่เดดริคก็ตัวหนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
‘สวรรค์ ทำไมเราถึงเพิ่งตระหนักได้กัน?’
ลาริเอ็ตเต้ดึงดูดความสนใจของเขาเกินไป นั่นทำให้อาร์คจึงเพิ่งรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น และขณะนั้นเอง…
กึก กึก กึก!
กิ่งไม้เริ่มสั่นไหวขณะรอบด้านของพวกเขาเต็มไปด้วยนัยน์ตาสีแดงฉานจ้องมอง
‘มอนสเตอร์! แถมยังโดนล้อมเอาไว้หลายสิบตัว!’
“บุคซิล ลาริเอ็ตเต้นิม ถอยไปก่อน! เดดริค ราซาค ตั้งขบวนป้องกัน!”
“โอ้ แต่หนักจัง… เข้าใจแล้วขอรับ”
กรั่ก กรั่ก… กรั่ก กรั่ก กรั่ก…
สมุนปีศาจของเขาตอบกลับมาอย่างเฉื่อยชาขณะตั้งท่า เขาต้องการจะบอกอะไรกับพวกมันสักหน่อยทว่าเวลาไม่มีแล้ว จำนวนของมอนสเตอร์ที่พุ่งเข้าใส่เริ่มมากขึ้นจากหลายทิศทาง คูรุนเป็นมอนสเตอร์ที่ดูไปคล้ายลูกผสมระหว่างลิงกับหมาป่า อาร์คผ่อนคลายชั่วครู่ขณะรับชมรูปแบบขบวนโจมตีของคูรุน พวกมันเลเวลเพียงแค่ 200 แม้ว่าเขาจะประหลาดใจที่มีจำนวนหลายสิบ แต่แม้ไม่มีโบนัสธาตุความมืดเขาก็สามารถรับมือพวกมันด้วยตัวเองได้ไม่ลำบากนัก
“ลาริเอ็ตเต้นิม ช่วยบัพให้หน่อยครับ!”
“ค่ะ! แสงแห่งสวรรค์ ออร่าอมตะ ดาบพิสุทธิ์!”
ลาริเอ็ตเต้ร่ายบัพออกมาเพื่อเพิ่มค่าสถานะให้กับเขา
“ดีล่ะ พวกแกโดนหั่นเป็นชิ้นแน่ ดาบแห่งธาตุไฟ!”
ดาบเริ่มปกคลุมด้วยเปลวเพลิงขณะเขาเรียกใช้ทักษะ
ร่างของอาร์คพุ่งออกไปราวลูกธนูเข้าใส่คูรุนตัวหนึ่ง
วูบ!
เพียงพริบตาเสียงกรีดร้องของคูรุนดังขึ้นขณะถูกปกคลุมด้วยเปลวเพลิง อาร์คใช้ท่วงท่าที่เป็นอยู่เพื่อสานต่อการโจมตีจนกระทั่งพลังชีวิตของคูรุนหายไปครึ่งหนึ่ง
‘ดี เท่านี้ก็พอให้รับมือไหวแล้ว’
อาร์คเผยรอยยิ้มพึงใจ แน่นอนว่าพลังชีวิตของอาร์คลดน้อยลงหลังโจมตีเข้าใส่คูรุน ทว่าลาริเอ็ตเต้ก็ช่วยใช้เวทมนตร์ฟื้นฟูจึงทำให้สถานการณ์ทางด้านเขาไม่ได้เสียเปรียบแต่อย่างใด ขณะนั้นเองคูรุนบางตัวที่โจมตีเข้าใส่อาร์คพลันเบนเป้าไปหาเธอ
‘อะไรกัน? กะทันหันเกินไปแล้ว… !’
ฉับพลันอาร์คค่อยตระหนักได้ว่าเกิดอะไรขึ้น มันเป็นสถานการณ์ที่คุ้นเคยกันดีในหมู่ผู้เล่นเกมออนไลน์ ในบรรดามอนสเตอร์มีค่า ‘ความเกลียดชัง’ คงอยู่ ถ้าหากผู้เล่นสองคนช่วยกันโจมตีใส่มอนสเตอร์ตัวเดียวกัน ระบบจะสั่งให้มันโจมตีใส่ผู้เล่นที่สร้างความเสียหายได้มากกว่า นั่นเป็นเรื่องที่เข้าใจกัน
เวทมนตร์ฟื้นฟู แม้ว่าเวทมนตร์จะไม่ได้สร้างความเสียหายโดยตรงกับมอนสเตอร์ แต่มาตรวัดความเกลียดชังจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ ด้วยเหตุนี้นักรบในปาร์ตี้จึงจำเป็นต้องคอยกะเวลาเพื่อใช้ ‘ยั่วยุ’ สำหรับช่วงเวลาที่นักบวชใช้งานเวทมนตร์ฟื้นฟูด้วย ส่วนสำคัญที่สุดของการต่อสู้แบบกลุ่มคือ ‘ควบคุมความเกลียดชัง’ อาร์คใช้เวลาทั้งปีเพื่อเล่นเกมคนเดียว เพราะแบบนั้นเขาจึงไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ ตามปกติหากต่อสู้โดยมีโรโค่ร่วมด้วยก็จะมีสมาชิกกลุ่มทัณฑ์บนคอยแทงค์ให้