เล่ม 10 ตอนที่ 9 : ห้องทดลองของมากาโร (3)
“เอ่อ อาร์คนิมคะ…”
ลาริเอ็ตเต้เข้ามาใกล้เขาขณะเผยน้ำเสียงที่มีอาการสั่น แน่นอนว่าเธอย่อมต้องกลัวสิ่งน่าสะพรึงที่รายล้อมเหล่านี้ในความมืดอยู่แล้ว
“ไม่ต้องตกใจไปครับ พวกมันตายหมดแล้ว”
ก็อย่างที่อาร์คกล่าว มอนสเตอร์ทุกตัวในแคปซูลล้วนเน่าเปื่อยไปนานมากแล้ว แต่มันก็ยิ่งสร้างความน่าสะอิดสะเอียนให้กับลาริเอ็ตเต้ที่กำลังสั่นเทาเพิ่มมากขึ้น
“ก็รู้หรอกนะคะ แต่ว่า…”
อาร์คเพียงหัวเราะให้ลาริเอ็ตเต้ที่มีท่าทีเช่นนี้ มั่นใจ 100% ได้แล้วว่าสถานที่แห่งนี้คือห้องทดลองของมากาโรอย่างแน่นอน เขาคิดว่าห้องทดลองของมากาโรสมควรมีเอกสารกองเป็นภูเขาแน่ เพื่อได้รับรางวัลภารกิจ เขาจำเป็นต้องส่งมอบพวกมันให้สมาคมเวทมนตร์ทั้งหมดที่พบ และก็เป็นที่เข้าใจได้ อาร์คไม่คิดแบ่งพวกมันให้ทั้งลาริเอ็ตเต้และบุคซิลอย่างแน่นอน ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ อาร์คต้องลำบากลำบนฝ่าฟันมากมายจนกว่าจะหาสถานที่แห่งนี้พบเจอ
‘ลาริเอ็ตเต้นิมคงไม่ทราบ แต่บุคซิลรู้เรื่องมรดกของมากาโร เราจะหย่อนความระวังขณะที่ค้นหามรดกไม่ได้ คงดีกว่าที่จะทิ้งให้บุคซิลอยู่ภายในห้องแห่งนี้’
“ถ้าอย่างนั้นแล้วรออยู่ที่นี่กับบุคซิลแล้วกันนะครับ ดูจากสภาพการณ์แล้วไม่น่าจะมีมอนสเตอร์อยู่ ผมจะลงไปสำรวจสถานการณ์ด้วยตัวเองก่อน”
พอจบคำพูดของอาร์ค บุคซิลพลันสะดุ้งด้วยอาการแตกตื่น
“หมายความว่ายังไงกันครับ? ที่ผมไล่ตามอาร์คนิมมาถึงที่นี่เพราะต้องการบันทึกเรื่องราวผู้กล้านักผจญภัย แต่แล้วจะให้ผมรอคอยอยู่ที่นี่โดยพลาดวินาทีประวัติศาสตร์งั้นหรือ?”
“ไม่ได้ ฉันไม่อาจรับปากว่าข้างหน้าจะมีอันตรายอะไรอยู่ และนายอยากให้ลาริเอ็ตเต้นิมอยู่คนเดียวหวาดกลัวหรือยังไง? ใครจะอยู่เคียงข้างเธอ? นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงให้นายอยู่ที่นี่”
“ตะ-แต่ว่า…”
อาร์คตวาดใส่บุคซิลจนต้องเงียบปากไป
“ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ”
ลาริเอ็ตเต้เผยอาการเสียอกเสียใจกับบุคซิลที่กำลังหลบตาเธออยู่ อย่างไรแล้ว อาร์คปล่อยทั้งสองคนเอาไว้ขณะเดินมุ่งหน้าไปรับสมบัติ ถ้ำแห่งนี้ค่อนข้างสว่างขึ้นเรื่อยตั้งแต่ที่เขาเข้ามา เพราะมันเป็นสถานที่พิเศษซึ่งเอาไว้ใช้ศึกษาของอัจฉริยะแห่งยุค ผนังถ้ำจึงมีสิ่งเรืองแสงคอยให้ความสว่าง
‘พวกนี้ทั้งหมดน่าจะเป็นน้ำยาอะไรสักอย่าง มันช่วยให้ผนังส่องแสงได้… ถ้าหากเราเอาสิ่งนี้ไปใช้ที่บ้านได้ แบบนั้นก็คงไม่ต้องจ่ายค่าไฟแล้ว…’
หากต้องการทำให้ถ้ำแห่งนี้สว่างไสวคงต้องใช้ไฟฟ้ามากเอาการ… อาร์คที่เห็นสิ่งเหล่านี้ก็อดไม่ได้ที่จะอยากได้รับไปใช้ในชีวิตจริงบ้าง อย่างไรแล้ว ยิ่งเข้ามาเขายิ่งพบสถานที่กว้างใหญ่และสว่างมากยิ่งขึ้น
‘ในที่สุด… ในที่สุดก็มาถึง ห้องทดลองของนักเล่นแร่แปรธาตุอัจฉริยะ!’
นี่หรือความรู้สึกที่คล้ายกับได้ค้นพบทวีปแห่งใหม่ด้วยตัวเอง? นี่หรือความรู้สึกของนักผจญภัยผู้ซึ่งค้นพบเอลโดราโดซึ่งเป็นนครแห่งทองคำ? อาร์คตอนนี้คล้ายมีเสียงแสดงความยินดีต้อนรับจากทั่วทุกทิศล้อมรอบส่งเข้าหา พื้นที่กว้างใหญ่ซึ่งอาร์คมาถึงนั้นมีเครื่องจักรและอุปกรณ์หน้าตาประหลาดมากมาย อีกด้านหนึ่งของกำแพงมีชั้นหนังสือที่เต็มไปด้วยตำราและคัมภีร์ทั้งหลาย แถมยังมีของเหลวสีสันสดใสที่อยู่ภายในขวดยา ในที่สุดเขาก็ตามรอยมาจนพบกับห้องทดลองของนักเล่นแร่แปรธาตุอัจฉริยะโดยใช้เบาะแสเพียงแค่น้อยนิด!
‘คิดถูกจริง ๆ ที่หลอกใช้งานบุคซิล’
ตำราและม้วนคัมภีร์ รวมถึงยาทั้งหลายในห้องทดลองแห่งนี้จะตกเป็นของอาร์ค เขาไม่ทราบว่ามันจะส่งผลใดบ้าง แต่อย่างน้อยมันก็ต้องใช้งานได้ดี เพราะสิ่งที่นักเล่นแร่แปรธาตุอัจฉริยะสร้างขึ้นไม่มีทางธรรมดาอย่างแน่นอน ไม่สิ เขาต้องแปรเปลี่ยนมันเป็นเงินจำนวนมหาศาลได้แน่ กระทั่งว่ามันจะเป็นโพชั่นฟื้นฟูระดับต่ำก็ตาม แต่ปัญหาอยู่ที่จำนวน ต่อให้เขามาในสภาพกระเป๋าว่างเปล่า ก็ไม่มีทางใส่ทุกอย่างเข้าไปหมดได้!
‘ไม่รู้หรอกนะว่าบุคซิลคาดหวังอะไร แต่เราก็ไม่ปล่อยให้หลุดมือโดยง่ายแน่ เราต้องกวดวินัยหมอนั่นอีกครั้งแล้วค่อยบังคับให้ลงนามสัญญา จากนั้นค่อยใส่ของในกระเป๋าหมอนั่นถีบส่งกลับโลกกลาง แต่ปัญหาคือสิ่งของที่จำเป็นสำหรับสำเร็จภารกิจเนี่ยสิ เนื้อหาภารกิจบอกเอาไว้ว่าต้องใช้ผลงานวิจัยเพื่อให้สำเร็จ…’
อาร์คเข้ามาในห้องทดลองด้วยรอยยิ้มชื่นบาน ขณะเดียวกัน เงาตะคุ่มหนึ่งก็กำลังรับชมเรื่องราวจากมุมหนึ่งของทางเข้าด้วยอาการสั่นเทิ้ม
‘ไอ้ตัวบัดซบนี่… ฉันรู้ตั้งแต่แกบอกให้แยกกลุ่มกันแล้วโว้ย’
บุคคลที่มีอาการตัวสั่นเพราะความโกรธคือผู้ที่อาร์คมองเป็นกระเป๋าใบหนึ่งเท่านั้น เป็นบุคซิลนั่นเอง บุคซิลไม่ใช่คนโง่จึงทราบถึงเหตุผลที่อาร์คคิดเหยียบย่างเข้าสู่ห้องทดลองเพียงคนเดียว ดังนั้นแล้วบุคซิลจึงหาข้ออ้างพูดกับลาริเอ็ตเต้เรื่องตามบันทึกเรื่องราวความสำเร็จของอาร์คและอื่น ๆ อีกมากมาย… ด้วยเหตุนี้เขาจึงลอบติดตามเป็นเงาตามมาได้ จนท้ายที่สุดจึงพบว่าอาร์คหัวเราะลั่นทั่วห้องทดลอง เพียงแค่เห็นรอยยิ้มนั่น ร่างของเขาก็ถึงกับสั่นเทิ้มด้วยความโกรธจนคิดอยากเอามีดออกมาเชือดเฉือนสักทีสองที บุคซิลคาดเดาแผนการอันชั่วร้ายของอาร์คได้ นั่นจึงทำให้รอยยิ้มชั่วร้ายพลันปรากฏที่มุมปากของบุคซิลเช่นกัน
“เหอะ คิดจริงเหรอว่าทุกอย่างจะเป็นอย่างที่แกหวัง? ไอ้อาร์คตัวบัดซบ หาญกล้านักนะใช้ฉันเป็นลูกไล่มาตลอด รอแกเผลอก่อนเถอะ ท้ายที่สุดผู้ชนะต้องเป็นฉันคนนี้ จะทำให้แกเสียใจไปทั้งชีวิตเลยคอยดู!”
บุคซิลวางมือที่กระเป๋าขณะเตรียมนำเอา ‘อาวุธลับ’ ออกมา
‘แซบจิล อัลเมออค น้องชายทั้งสอง…! ส่งมอบพลังให้พี่ชายคนนี้จากสวรรค์(?)ด้วย!’
บุคซิลกัดฟันแน่นขณะเผยความมั่นใจเปี่ยมล้นออกมา ฉับพลันเสียงประหลาดได้ดังขึ้นจากด้านหลังชั้นหนังสือที่อาร์คกำลังเข้าไปใกล้
“ใครกันน่ะ?”
อาร์คตื่นตระหนกขณะถอยกลับมา บุคซิลเองก็แตกตื่นขณะเข้าไปหลบซ่อนที่ด้านหลังหัวมุมอีกครั้งหนึ่ง ไม่ช้า ชายชราคนหนึ่งกำลังเดินออกจากด้านหลังชั้นหนังสือดังกล่าวที่เบิกออก อีกฝ่ายเป็นชายชราผมสีขาวและมีหนวดค่อนข้างรุงรัง… อีกฝ่ายจ้องมองอาร์คตั้งแต่หัวจรดเท้า
“เจ้าเป็นใคร? มาที่นี่ได้ยังไง?”
“ขอถามได้หรือไม่ว่าที่ผมพูดอยู่ด้วยคือใคร?”
“เหอะ ช่างเป็นสหายน้อยที่น่าสนใจ เจ้าเหยียบย่างถึงบ้านข้าและถามว่าข้าเป็นใคร ก็นะ ข้าไม่ใช่คนที่ชอบแขวนป้ายชื่อเอาไว้หน้าบ้านเสียด้วยสิ”
“นี่เรียกบ้านคน?”
“ใช่ เป็นบ้านของข้าเอง พูดให้ถูกคือห้องทดลองของข้า”
“ห้องทดลอง? ไม่จริง… คุณคือมากาโร?”
อาร์คถามชายชราด้วยน้ำเสียงตื่นตกใจ
“เจ้ารู้ชื่อข้าได้ยังไงกัน?”
ปากของอาร์คยังคงอ้าเหวอ มากาโร? อีกฝ่ายเป็นมากาโร? สีหน้าของเขาตอนนี้โง่งมจนไม่ทราบจะพูดอะไรออกไปดี ตามข้อมูลของสมาคมเวทมนตร์ มากาโรหายตัวไปหลายร้อยปีก่อน จากบันทึก เขาทราบว่ามากาโรมาที่โลกใต้พิภพแห่งนี้กว่าร้อยปีแล้ว ตอนนั้นมากาโรก็เป็นชายชราอายุปาเข้าไปแปดสิบ… ถ้าหากอีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ อายุย่อมต้องมากกว่าสองร้อยปีเรียบร้อยแล้ว แต่ทว่าช่วงชีวิตของคนปกติในนิวเวิลด์ส่วนใหญ่คือเจ็ดสิบปีเพียงเท่านั้น
อย่างคุณยายโจแฮนสันที่เขาเคยช่วยดูแลตอนอยู่หมู่บ้านมือใหม่ก็เสียชีวิตไปเพราะอายุเกินกว่าเจ็ดสิบปีแล้ว แต่แล้วสองร้อยปีนี่คืออะไร? อีกฝ่ายเป็นมังกรแปลงกายมาหรือไรกัน?
‘โอ้ ให้ตายสิ… หรือชายคนนี้จะทำยาอายุวัฒนะจากการเล่นแร่แปรธาตุ?’
อาร์คไม่สนใจอยู่แล้วว่าอีกฝ่ายจะอยู่มาสองร้อยหรือว่าสองพันปี ปัญหาคือกองไอเทมที่สุมอยู่ภายในห้องทดลองนี่ต่างหาก! หากมันไม่มีเจ้าของ ก็หมายความว่าอาร์คสามารถฉกฉวยไปได้ แต่แล้วถ้าหากเจ้าของยังอยู่ แบบนั้นแล้วเขาจะได้รับมรดกของมากาโรยังไงกัน?
‘บัดซบ บัดซบ บัดซบที่สุด!’
อาร์ครู้สึกคล้ายอยากคว้าลำคออีกฝ่ายเอาไว้ขณะบีบไม่ให้หายใจได้ แต่กระนั้นอาร์คก็ไม่อาจสังหารชายชราเพื่อได้รับมรดก
‘เราจะทำยังไงดีถึงจะสำเร็จภารกิจแล้วได้รับรางวัลกันล่ะ?’
มากาโรยังคงจ้องมองเขาอยู่ด้วยดวงตาไม่ยินดีนักขณะกล่าวถามอีกครั้ง
“เจ้ายังคงไม่ตอบคำถามข้า เจ้ารู้จักชื่อของข้าได้ยังไง?”
“ที่จริง… ผมได้รับเบาะแสมาจากสมาคมเวทมนตร์”
“สมาคมเวทมนตร์?”
มากาโรงุนงงไปครู่ก่อนพยักหน้ารับ
“โอ้ ใช่แล้ว นั่นก็ถูก ข้าคิดแล้วว่าต้องเป็นแบนี้ หลังมายังโลกใต้พิภพ ข้าก็ส่งเบาะแสปลอมไปให้สมาคมเวทมนตร์เล่น ๆ เพื่อให้คิดว่าข้ายังอยู่ แต่แล้วเจ้าก็มายังที่แห่งนี้ได้เพราะรวบรวมเบาะแสหลายอย่างเข้าด้วยกัน ข้าไม่คิดเลยว่าจะมีใครมาถึงที่นี่ได้… ช่างน่าตกใจนัก”
“ครับ เป็นความยากลำบากเอาการเลย”
อาร์คตอบกลับไปอย่างฉะฉาน แต่แล้วมากาโรพลันเดาะลิ้นขณะพึมพำ
“แต่สมาคมเวทมนตร์ก็แปลก ข้าทราบดีว่าพวกนั้นไม่มีความอดทน แต่ข้าก็ไม่ได้หายไปนานขนาดที่เจ้าพวกนั้นจะต้องส่งคนมาตามหาตัวข้านี่…”
อาร์คตอบสนองด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“คุณพูดอะไรกัน? เท่าที่ผมทราบ นี่ก็หนึ่งร้อยกับอีกสิบปีมาแล้วที่คุณหายตัวไป”
“หนึ่งร้อยสิบปีงั้นหรือ?”
มากาโรเผยดวงตาเบิกกว้างขณะระเบิดเสียงหัวเราะออก
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าพูดว่าอะไร? นี่เพียงแค่สิบปีเท่านั้นเองที่ข้ามายังโลกใต้พิภพแห่งนี้”
“ครับ?”
อาร์คเผยสีหน้าโง่งมเข้าใส่ นี่หมายความว่ายังไง? สมาคมเวทมนตร์หลอกลวงเขาหรือ? แต่แล้วทำไมล่ะ? ไม่สิ ไม่เพียงแค่สมาคมเวทมนตร์เท่านั้น กระทั่งบันทึกเรื่องราวของหมู่บ้านในหุบเขาก็ด้วย…
ไม่ช้า มากาโรเริ่มพูดกล่าวต่อ
“พวกนั้นคงจ้างวานเจ้าโดยเห็นเป็นเรื่องตลกขบขันแล้ว หนึ่งร้อยสิบปีเนี่ยนะ? ฮ่า หากข้าอยู่ได้จนถึงขนาดนั้นไม่ใช่เป็นมังกรไปแล้วหรือยังไง? เอาเถอะ ยังมีเรื่องอื่น… ใช่แล้ว ทำไมสมาคมเวทมนตร์ถึงส่งเจ้ามา? พวกนั้นต้องการพูดอะไรกับข้าหรือไงกัน?”
“พวกเขาร้องขอให้ผมนำผลการวิจัยของคุณมากาโรกลับไป”
“ผลการวิจัย?”
“ครับ มันน่าจะเป็นสิ่งของที่คุณมากาโรกำลังศึกษาอยู่ในเวลานั้น”
อาร์คกล่าวอย่างสงบ แต่แล้วใบหน้าของมากาโรพลันบิดเบี้ยวคล้ายความประทับใจที่เคยมีจางหายไปหมดสิ้น
“ผลการวิจัยศึกษาของข้า… งานวิจัยของข้า… สิ่งที่ข้าทุ่มเททั้งชีวิต…”
ผิวหนังบริเวณใบหน้าอีกฝ่ายเริ่มปริแตกออกเป็นเสี่ยง ใบหน้าเบื้องหลังเริ่มเผย… มันดูคล้ายมอนสเตอร์ได้ผสมรวมร่างเข้าไป… ใช่แล้ว มันคล้ายกับใบหน้าของแฟรงเกนสไตน์ที่เขาเคยเห็นในภาพยนตร์เขย่าขวัญซึ่งถูกสร้างขึ้นจากกราฟฟิก ขณะที่อาร์คตื่นตกใจกับความเปลี่ยนแปลงกระทันหัน มากาโรพลันจิกทึ้งเส้นผมตัวเองขณะร้องออกมาเสียงดัง เสียงของโลหะกระทบกันพลันได้ยิน
“ผลงานวิจัย ผลงานวิจัย ผลงานวิจัย! ท้องข้าเริ่มปวดและคิดอยากได้เลือดเนื้อสดใหม่! ผลงานวิจัยเป็นสิ่งที่ข้าทุ่มเททั้งชีวิตให้! เจ้าบังอาจ… เจ้าที่หลบซ่อนเป็นหนูตัวหนึ่งคิดมาฉกฉวยไปจากข้า? เจ้าคิดอยากพรากเอาลมหายใจชีวิตของข้าไป? บังอาจนัก!”
“จะ-ใจเย็นก่อนครับ…”
“หุบปาก! ฆ่า! ข้าจะฆ่าทุกคนที่มันต้องการงานวิจัยของข้า!”
อย่างกะทันหัน ร่างของมากาโรเริ่มสั่นกระตุก ร่างนั้นแตกออกออกเป็นเสี่ยงปรากฏขึ้นเป็นมอนสเตอร์ขนาดใหญ่ ร่างเริ่มบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาที่คล้ายแมงมุมหลายดวงพร้อมฟันที่รายล้อมปรากฏขึ้นที่ใบหน้า ทั่วทั้งร่างแปรเปลี่ยนเป็นราชสีห์สิบขาอย่างฉับพลัน แสงสว่างหลากสีสันเริ่มพวยพุ่งจากร่างที่เลือดเนื้อเต้นตุบตับ ภาพที่เห็นตรงหน้านี้ไม่ต่างกับอสุรกายน่าสยดสยองจนเขาอยากอาเจียนอาหารที่เพิ่งกินเข้าไปออกมา!
ข้อความสีแดงแจ้งเตือนปรากฏตรงหน้าอาร์คโดยทันที
=====
บอสมอนสเตอร์ ‘มากาโรผู้บ้าคลั่งการแปรธาตุ’ ปรากฏตัว!
=====