ตอนที่ 325 : อย่าได้แตะหมูตัวนี้! (2)
พอได้ฟังคำตอบอาร์คก็นึกอยู่ครู่หนึ่ง คนต่างถิ่นที่มาโลกใต้พิภพพร้อมอาร์ค หรือก็คือ คณะของจีเวลที่โดนอาร์คหลอกเชือดไป และตอนนี้จีเวลก็ร่วมมือกับเผ่านาคูจักเข้าโจมตีหมู่บ้าน? เผ่านาคูจักเป็นสายพันธุ์มอนสเตอร์ที่ใช้ชีวิตอาศัยอยู่โดยความบ้าคลั่งในโลกใต้พิภพ แต่แล้วทำไมถึงเป็นพันธมิตรกันไปได้? เป็นไปได้ยังไง? แล้วพวกนั้นทำยังไงถึงเคลื่อนกำลังพลหลายร้อยชีวิตผ่านภูเขาทางเหนือมา? หลายคำถามผุดขึ้นภายในหัว เขาไม่ทราบคำตอบแทบทั้งหมด ที่ทราบก็เพียงแค่สถานการณ์บิดเบี้ยวและซับซ้อนได้บังเกิดขึ้นแล้ว
‘กับผู้เล่นที่สามารถเป็นพันธมิตรกับมอนสเตอร์ได้ แถมยังนำทัพมาบุกหมู่บ้านของเอ็นพีซี…’
เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้น ทว่ามันก็ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ หากดำเนินไปตามขั้นตอนย่อมเป็นไปได้ แน่นอน อย่างน้อยในโลกกลางก็ไม่อาจทำได้ หากผู้เล่นทำแบบนั้น คงไม่มีทางที่เหล่าราชวงศ์ของชอร์เดนเบิร์ก ซินิอัส และบริสทาเนียจะเพียงนิ่งเฉยรับชมเรื่องราว เหล่าอัศวินแห่งอาณาจักรจะต้องรุกคืบเข้ากวาดล้างอย่างแน่นอน แต่ที่นี่คือโลกใต้พิภพ ขณะที่เผ่านาคูจักปกครองทางทิศเหนือ ทางทิศใต้ก็เป็นสายพันธุ์อันหลากหลายใช้ชีวิตอยู่ อีกทั้งยังไม่มีการรวมกำลังเป็นกลุ่มก้อน
‘ถึงแบบนั้นก็เถอะ…’
อาร์คคิดอยู่สักพักหนึ่งก่อนที่จะมุ่งเป้าไปยังคำถามถัดไป มันชัดเจนว่าคณะของจีเวลเป็นพันธมิตรกับเผ่านาคูจักเรียบร้อยแล้ว ปัญหาอยู่ที่เพราะอะไร? เขาคิดเหตุผลที่พวกเขาเหล่านั้นกระทำเรื่องนี้ไม่ออกเลยจริง ๆ
‘ต่อให้จีเวลรู้ตัวว่าโดนเบซอทิวหลอก แต่แล้วก็แปลกที่หันไปเข้าร่วมกับเผ่านาคูจักเข้าโจมตีหมู่บ้าน พวกนั้นมายังโลกใต้พิภพเพื่อล่าตัวเรา พวกมันก็รู้ดีว่าเราออกจากหมู่บ้านไปแล้ว แต่ทำไมถึงทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้น? เหตุผลอะไรกันที่ทำให้เผ่านาคูจักตัดสินใจยึดหมู่บ้านขนาดเล็กแห่งนั้น?’
อาร์คพิจารณาความเป็นไปได้ทุกหนทาง และข้อสรุปก็มีเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือระหว่างจีเวลและเผ่านาคูจักต้องมีผลประโยชน์ร่วมกัน พิจารณาจากคณะของจีเวลแล้ว การได้รับหมู่บ้านชัดเจนว่าได้รับประโยชน์ นอกจากนี้ พวกนั้นยังแบ่งผลประโยชน์ให้เผ่านาคูจักด้วยแน่ เพราะในโลกใบนี้ไม่ใช่เงินตรามีอำนาจ แต่เป็นการต่อรอง แต่สิ่งที่จะได้รับส่วนมากก็แค่สิ่งของทั่วไป พวกเขาจะยอมเป็นศัตรูกับเผ่าบารันทั้งหมดที่อยู่อาศัยทางใต้เพื่อสิ่งของทั่วไปเลยเชียวหรือ?
เรื่องราวครั้งนี้ต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังมากกว่าผลประโยชน์แน่ และเหตุผลนั้นก็ต้องเป็นเผ่านาคูจักเห็นดีด้วย แม้ว่าจะยึดครองหมู่บ้านไป แต่ก็ชัดเจนว่าพวกมันไม่ได้มุ่งหน้าไปยังภูเขาทางเหนือแต่อย่างใด แม้จะมีกองกำลังถึงสี่ร้อยชีวิต แต่การยึดครองสิ่งของทั้งหมดและส่งกลับไปยังบ้านเกิดก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะต้องเดินทางไกลจากภูเขาทางเหนือมาเพื่อยึดหมู่บ้าน
“พวกมันเข้าควบคุมหมู่บ้าน และยังให้มอนสเตอร์ของพวกคุณลุงไปรวบรวมวัสดุบางอย่าง แต่คุณปู่ไม่ทราบว่ามันคืออะไรกันแน่”
คำถามนี้แม้แต่โบนาก็ยังไม่อาจทราบ
‘ทำอะไรบางอย่างหรือ… ต้องมีจุดประสงค์อื่นอีกสิ’
อาร์คเริ่มคิดถึงความเป็นไปได้ แต่แล้วก็ต้องโดนขัด โบนากำลังปาดเช็ดน้ำตาขณะร้องโพล่งออกมา
“พี่ชาย ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย ถ้าหากชาวบ้านทั้งหมดโดนพวกนาคูจักทารุณกรรม พวกเขาต้องตายกันแน่ มีจำนวนหนึ่งหลบหนีมาพร้อมข้าได้ แต่คุณปู่และกูรันล้วนโดนจับตัวไปอีกครั้ง…”
หลังจากหมู่บ้านโดนโจมตี มีชาวบารันหลายชีวิตที่หนีรอดมาได้ เหตุผลก็ง่ายดายยิ่ง คณะของจีเวลแข็งแกร่งมาก และยังมีเผ่านาคูจักอีกสี่ร้อยชีวิตเข้าร่วมกำลังพล ชาวบ้านมีเพียงแค่สองร้อย พวกเขาย่อมไม่อาจต่อสู้ด้วยได้ ด้วยเหตุนั้นพวกเขาจึงให้เด็กและคนชราหลบหนีออกไปก่อนตั้งแต่ที่การบุกโจมตีเริ่มขึ้น ด้วยเหตุนี้ชาวบ้านจึงไม่ได้ทำการต่อต้านแต่อย่างใดและถูกจับคุมขัง กูรันและเบซอทิวต่างก็เป็นผู้ฝึกสอน พวกเขาสั่งให้เฮลฮาวน์พาโบนาหลบหนี พวกเขาวางแผนเร่งร้อนแจ้งเตือนต่อหมู่บ้านแห่งอื่นและขอความช่วยเหลือ ทว่าส่วนหนึ่งก็โดนเผ่านาคูจักจับตัวไปได้ มีเพียงโบนาที่รอดพ้นและหลบหนีมา
“อืม…”
อาร์คมองความโหดร้ายที่ร่างกายโบนาได้รับจนไร้คำพูด เพราะการรักษาของลาริเอ็ตเต้ โบนาจึงเริ่มฟื้นคืนอาการเจ็บปวดและบาดแผลบนร่างกาย บาดแผลเหล่านี้เป็นโบนาได้รับหลังโดนเผ่านาคูจักไล่ล่า เขาไม่ทราบเลยว่าที่หมู่บ้านเกิดอะไรขึ้นบ้างตั้งแต่เกิดเรื่องราว หลังพิจารณาเรื่องราวและบาดแผล ภายในใจอาร์คคล้ายโดนจุดประกายเปลวเพลิง
“ถึงกับกล้าทำเด็กแบบนี้… สารเลว!”
“หือ?”
กรั่ก กรั่ก กรั่ก?
เดดริคและราซาคต่างมองอาร์คอย่างประหลาด
“อะไร? ทำไมมองฉันแบบนั้น?”
“ไม่ขอรับ… เจ้านายเมื่อครู่พูดว่า…”
“แล้วมันยังไง?”
“ไม่ขอรับ ข้าแค่นึกถึงเรื่องราวเก่าก่อน”
เดดริคไหวไหล่ให้ อย่างไรแล้ว เดดริคก็ยังเด็กยิ่งกว่าโบนาหากเทียบกับรูปลักษณ์ตอนแปลงร่างเป็นเด็ก แต่ตอนนั้นคนที่เอาแต่ทำร้ายเดดริคจนต้องยอมจำนนกลับพูดคำเมื่อครู่ออกมา ใครบ้างคิดว่าไม่แปลก? บาดแผลของโบนาค่อนข้างธรรมดาหากนำไปเทียบกับสิ่งที่เดดริคเคยโดนอาร์คกระทำ แต่เรื่องราวจบเท่านั้นหรือ? อาร์คยังเป็นคนที่ทารุณผู้เล่นด้วยกันอย่างบุคซิลด้วยไม่ใช่หรือไร? ทว่า อาร์คกลับโกรธแค้นคนอื่นทั้งที่ตัวเองก็กระทำเนี่ยนะ? ดูเหมือนอาร์คจะเชื่ออย่างสนิทใจว่าการกระทำของตนกับสมุนปีศาจคือ ‘ทุ่มเทความรักให้’ ทางด้านบุคซิลก็เป็น ‘ผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน’
“หมายความว่ายังไง…”
“โอ้ ไม่มีอะไรขอรับ ข้าทราบดีว่าเจ้านายเป็นคนดีเยี่ยมเพียงใด พวกเราล้วนสุขใจที่มีเจ้านายประเสริฐเช่นนี้ขอรับ”
เดดริคหาข้อแก้ตัวจนลิ้นพันกันยุ่ง
“ไอ้เด็กนี่!”
“ว่าอะไรขอรับ? จะทำร้ายข้าอีกแล้ว? ก็ได้ เผยตัวตนแท้จริงของเจ้านายได้เลย บุคซิล เจ้าเองก็พูดอะไรบ้าง”
พอเห็นท่าทีของอาร์คที่ความโกรธพวยพุ่ง เดดริคก็เร่งร้อนวิ่งหนีไปพร้อมอาร์คที่ไล่ตาม
“อาร์คนิม เดดริค ควบคุมตัวเองกันหน่อยครับ นี่ไม่ใช่เวลามาทำแบบนี้!”
อาร์คและเดดริคต่างหยุดชะงักเพราะเสียงตะโกนของบุคซิล
“ว่าอะไรนะไอ้หมูน้อย?”
เดดริคเผยสีหน้าโง่งมขณะกระพริบตาอยู่หลายที ทว่าบุคซิลยังเอาแต่มองบาดแผลของโบนา เขากล่าวออกมาโดยไม่คิดหันกลับมามอง
“สารเลว กับเด็กแบบนี้ยัง…”
บุคซิลเผยความโกรธแค้นออกมาเต็มอก ดวงตาของอาร์คถึงกับเผยคำถาม ‘ทำไมถึงแสดงท่าทีแบบนั้นได้กัน? หรือกินอะไรผิดไป?’
และเดดริคก็ตอบกลับมาเป็นการลับว่า ‘ข้าจะทราบได้ไงขอรับ? เจ้านายโง่เง่า!’
แล้วจะให้อาร์คตอบกลับยังไงดี?
‘เจ้านายโง่เง่า? แกเชื่อว่าฉันทำอะไรแกไม่ได้งั้นสิ? อยากลองตายดูสักครั้งไหม?’
สงครามโทรจิตกับเดดริคยังคงดำเนินไป…
“บุคซิลนิมพูดถูกแล้วค่ะ นี่ไม่ใช่เวลาทำตัวแบบนี้นะคะ”
เมื่อลาริเอ็ตเต้ถอนหายใจ ทั้งเดดริคและอาร์คกลายเป็นอับอายขึ้นมา
“อาร์คนิมคะ พวกเราควรทำยังไงต่อดี?”
“ขอคิดก่อนนะครับ”
อาร์คถอนหายใจขณะส่ายศีรษะ เขายังคิดตอบโต้คารมกับเดดริคต่อ แต่สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย ปัญหาหลักตอนนี้คือถ้าหากเขาไม่ช่วยเหลือเบซอทิวออกมา แบบนั้นแล้วเขาจะไปหาเบาะแสทำให้ภารกิจสำเร็จได้จากที่ไหนอีกกัน?
‘ดูเหมือนว่า ปัญหานี้เราต้องคลี่คลายให้ได้…’
“ลาริเอ็ตเต้นิมรออยู่ที่นี่กับบุคซิลและคอยรักษาโบนาต่อไปนะครับ ผมขอไปสอดแนมก่อน พวกเราไว้หารือกันหลังทราบว่าปัญหามีอะไรบ้าง เดดริค คอยอยู่ที่นี่ ถ้าเกิดอะไรขึ้นให้รีบติดต่อมา”
ด้วยเหตุนี้ อาร์คจึงออกจากถ้ำมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้าน
‘ผู้เล่นยังไงก็ดีกว่าเอ็นพีซีแหละนะ’
อาร์คหลบซ่อนหลังก้อนหินขณะหัวเราะให้กับจีเวลที่เดินเข้าไปใกล้เผ่านาคูจัก แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นศัตรูของอาร์ค แต่อย่างน้อยคณะของจีเวลก็ยังมีมโนธรรม แต่คล้ายอาร์คคิดผิด จีเวลพลันดึงผู้ฝึกคนนั้นให้ใบหน้าแนบชิดเข้าไปใกล้ขณะกล่าวว่า
“อย่าได้ทำให้เกิดบาดแผลเกินจำเป็นกับกำลังที่มีค่า ไงนะ เมื่อกี้พูดว่าอยากพักใช่ไหม?”
“ชะ-ใช่ ได้โปรด… โบลคานาซู… มันถึงขีดจำกัดแล้ว… เล็กน้อยก็ยังดี”
“ก็ได้ ช่วยไม่ได้นี่นะ พักได้ตามสบาย”
“โอ้? จะ-จริงหรือ?”
“แน่นอน ถ้าทำได้นะ”
“หือ? เจ้าพูดว่าอะไรนะ…?”
“เอ้า พาเด็กมาตรงนี้”
เผ่านาคูจักนำพาเด็กน้อยที่โดนล่ามตรวนเอาไว้ออกมา จีเวลเตะเข้าที่เด็กชายให้ออกไปด้านหน้า
“ทะ-ทำอะไรน่ะ?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ใช่บอกไปแล้วหรือไง? อยากพักหนึ่งหรือสองวันก็ตามใจต้องการ กลับกัน ลูกชายเจ้าต้องรับหน้าที่แทน”
“พะ-พ่อครับ!”
“หยุดนะ! ได้โปรด ข้าจะกลับไปทำงาน ได้โปรดหยุดเถอะ!”
ผู้ฝึกคนนั้นกรีดร้องขณะคว้าเข้าที่กางเกงของจีเวล อีกฝ่ายก็ตอบกลับอย่างไร้เยื่อใย
“เหอะ บังอาจคิดขอพัก? หากทำแบบนั้นอีกไม่จบแค่ลูกชายแกแน่ เอาไอ้เด็กนี่ไป!”
“หือ? โอ้!”
กระทั่งเผ่านาคูจักยังตกตะลึงกับความเหี้ยมโหดของจีเวล ทว่า ชาวคณะเฮอร์มีสคนอื่นกลับยิ้มชั่วร้ายขณะกล่าวชมจีเวล
“โหจีเวล คราวนี้เล่นบทตัวร้ายเต็มที่เลย”
“หึหึหึ นี่ออมมือให้แล้วนะ”
ความโกรธของอาร์คพวยพุ่งขณะแอบดูเรื่องราวที่เกิดขึ้น
‘ซาดิสต์? ไอ้เจ้าพวกนี้สมองไปกันหมดแล้วหรือไง?’
อาร์คไม่ใช่ผู้แทนแห่งความยุติธรรม แต่อาร์คมักหงุดหงิดและรู้สึกไม่ดีทุกครั้งที่เห็นผู้คนโดนลูกหลงจากการก่อการร้ายจนเสียชีวิต แต่… แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่… กระทั่งว่าคนพวกนั้นเป็นเอ็นพีซี แต่พวกมันกลับทำแบบนั้นได้โดยไม่ลังเลเลยสักนิด? แถมยังหัวเราะให้กับพ่อและลูกที่ต้องโดนพรากแยกจากกัน…
เขาแทบคิดอยากวิ่งลงไปบุกฝ่าจัดการถ่างกรามคนพวกนั้นให้ฉีกขาด แต่อีกฝ่ายเป็นคณะของจีเวลพร้อมเผ่านาคูจักอีกสี่ร้อยคน ความเป็นจริงเผ่านาคูจักสี่ร้อยคนไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร อาร์คเคยฆ่าเผ่านาคูจักกว่าหกร้อยชีวิตในหุบเหวแห่งความสิ้นหวังมาแล้ว แน่นอนว่าการรับมือสี่ร้อยคนในคราวเดียวเขาไม่อาจกระทำ แต่ถ้าหากวางแผนให้ดีเขาสามารถฆ่าได้ไม่ว่าจะสี่ร้อยหรือหกร้อย ปัญหาอยู่ที่พวกมันรวมพลังกับผู้เล่นและยังมีมอนสเตอร์ติดตามรับใช้ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้แผนการหากมีผู้เล่นอยู่ด้วย
‘ไม่อยากจะเชื่อเลย ถ้าพวกคณะของจีเวลไม่อยู่ในหมู่บ้านน่าจะดีกว่านี้…’
อาร์คเป็นกังวลจนกระทั่งฉับพลันเขาเงยหน้าขึ้นไปมองอีกด้านหนึ่ง
‘เดี๋ยวนะ แล้วจุดประสงค์ของจีเวลคืออะไรกัน? จีเวลและเผ่านาคูจักคงไม่มีทางร่วมมือกันโดยไม่มีเหตุผล แบบนั้นแล้วก็ต้องมีจุดประสงค์ที่จะได้ร่วมกัน… แต่มันคืออะไรล่ะ? พวกมันคิดขนย้ายท่อนซุงกับก้อนหินพวกนี้ไปที่ไหน? ต้องไปดูให้แน่ชัดก่อน’
อาร์คเดินไปตามเส้นทางของหมู่บ้านโดยยังคงสภาพเร้นเงาเอาไว้เพื่อหลบหลีกสายตา พอโผล่พ้นมาอีกด้านหนึ่งได้ เขาจึงได้เห็นสิ่งปลูกสร้าง มันเป็นหอคอยที่เสร็จสิ้นไปกว่า 50% แล้ว
‘ทำไมกันนะ? เหมือนเคยเห็นสิ่งปลูกสร้างแบบนี้ที่ไหนมาก่อน?’
อาร์คเริ่มขุดคุ้ยความทรงจำนึกย้อนหาต้นตอความคุ้นเคย และมันก็โผล่พรวดเข้ามา เหมือนที่คิดไว้ มันมีหอคอยเช่นกันนี้ในความทรงจำของเขา เขาเคยเห็นหอคอยแบบนี้ที่สมาคมเวทมนตร์ในเมืองขนาดใหญ่ของโลกกลาง! แน่นอนว่ามันมีสัดส่วนที่เล็กกว่า แต่รูปลักษณ์นั้นคล้ายคลึงกันเป็นอย่างยิ่ง รูปร่างแม้แปลกไปบ้าง แต่ก็มีทรงกลมอยู่ด้านบนหอคอยพร้อมส่องแสงสว่างออกมา อาร์คตระหนักแล้วว่าจีเวลและเผ่านาคูจักคิดทำอะไรตั้งแต่ที่เห็นทรงกลมด้านบน
‘นี่เป็นหอคอยจุดพักของการส่งจดหมายเคลื่อนย้าย!’