ตอนที่ 333 : เกือบพลาด! (1)
“ไอ้เจ้าอาร์คมันอยู่ที่ไหน?”
จีเวลขมวดคิ้วมองอย่างสงสัย นี่ก็หนึ่งชั่วโมงแล้วตั้งแต่ที่คณะออกจากหมู่บ้าน จีเวลวนรอบหมู่บ้านอยู่หลายครั้งแต่กลับไม่พบร่องรอยของอาร์คแต่อย่างใด ทว่าเรนเจอร์อย่างดุ๊คยังคงสามารถตามรอยอาร์คได้ เพราะงั้นอีกฝ่ายคงต้องไม่ไปไหนไกล แต่จีเวลก็คล้ายพบอะไรบางอย่างที่ผิดแผกในช่วงเวลาที่ผ่านมา
[ใกล้แล้ว ฉันเจอร่องรอยของอาร์ค มันเพิ่งผ่านทางนี้ไป]
“กี่ครั้งกันแล้วที่นายพูดคำนี้ออกมา?”
[ใกล้แล้ว ฉันเจอร่องรอยของอาร์ค มันเพิ่งผ่านทางนี้ไป]
นั่นคือสิ่งเดียวที่ดุ๊คสามารถบอกได้ตั้งแต่ออกมาจากหมู่บ้าน อันที่จริง ราซาคไม่ทราบวิธีการเขียน เพราะแบบนั้นจึงเขียนแต่สิ่งที่อาร์คสั่งเอาไว้เพื่อล่อให้จีเวลออกจากหมู่บ้าน ในเมื่ออาร์คไม่อยู่ข้างกายคอยกำกับ แบบนั้นจึงทำได้แต่เขียนคำเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า
‘หมอนี่เป็นบ้าอะไรขึ้นมา? กินอะไรผิดสำแดงหรือไงกัน?’
จีเวลยังไม่ทราบเรื่องราว เลยเพียงแค่คิดว่าดุ๊คมีท่าทีแปลกไปเพราะเป็นไข้หวัด แต่แม้จะเป็นไข้หวัดก็ออกจะแปลกเกินไปแล้ว… จีเวลเริ่มสงบใจขณะตามหลังดุ๊คไป ไม่ช้าจีเวลพลันได้ยินเสียงดัง
ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง
มันไม่ใช่เสียงในเกม แต่เป็นเสียงในความเป็นจริง จีเวลเลยไม่สนใจ เมื่อเชื่อมต่อเข้าเกมเธอจะสวมบทบาทจีเวลอย่างเต็มตัว จีเวลเมินเฉยทุกอย่างในความเป็นจริงระหว่างที่เล่นเกม กระทั่งว่าเลิกเชื่อมต่อไปแล้ว เธอก็ไม่ใช่คนที่ชอบพูดคุยกับใครอยู่ดี จีเวลไม่คิดสนใจเรื่องเล็กน้อยเพราะต้องไล่ล่าอาร์ค ทว่าฉับพลันนั้นเอง เธอกลับได้ยินเสียงพูดขึ้นจึงตัดสินใจออกจากเครื่องเล่นไป
“นี่เธอ! ทำบ้าอะไรอยู่เนี่ย?”
‘หือ? เสียงนี้… ได้ยังไง?’
จีเวลตัดสินใจเดินไปเปิดประตูอพาทเมนท์ด้วยใบหน้าสับสน ความรู้สึกเย็นวาบพลันวูบผ่านใบหน้าของเธอเมื่อได้เห็นผู้มาเยือน บุคคลที่มาเป็นเพื่อนที่เธอเล่นเกมด้วยกันมาตั้งแต่ช่วงเบต้าเทส ไอดีในเกมของชายตรงหน้าคือดุ๊ค… แต่แล้วทำไม… ไม่ใช่ว่าดุ๊คไล่ล่าอาร์คในเกมอยู่หรือไง? นิวเวิลด์มีระบบยืนยันข้อมูลทางชีวภาพ ไม่มีทางที่คนอื่นจะสวมบทบาทแทนได้ แล้วคนที่อยู่ในเกมกับจีเวลคือใครกัน?
“บ้าบอสิ้นดี ทำไมไม่รับโทรศัพท์?”
ดุ๊คถามด้วยอาการขุ่นเคืองขณะเข้ามาในห้อง
“เรื่องนั้น… ใครก็รู้ว่าฉันไม่รับสายตอนเล่นเกม แต่ ทำไมนายอยู่ที่นี่ล่ะ?”
“ทำไมงั้นเหรอ?”
ดุ๊คพ่นลมออกจมูกขณะเริ่มบ่น
“ไม่รู้หรอกนะว่าเธอพูดถึงเรื่องอะไร แต่เรื่องนี้ต้องรีบ”
“ยังไงนะ?”
“ก็ไอ้เจ้าอาร์คยังไงล่ะ! ตอนที่ไปไล่ล่าเด็กนั่น ฉันบังเอิญไปเจออาร์คเข้าแล้วโดนมันฆ่า เพราะงั้นก็เลยจะโทรบอกเธอว่ามันอยู่ตรงไหน แต่เธอก็ไม่รับโทรศัพท์ ป่านนี้มันคงวิ่งหนีไปสบายใจเฉิบแล้ว… ช่างเถอะ ยังไงตอนนี้ฉันก็คงเข้าเกมไม่ได้อีกยี่สิบสี่ชั่วโมง… น่าเบื่อจริง ๆ”
“อาร์ค! นายเจออาร์ค?”
จีเวลตระหนักได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เธอเริ่มมั่นใจขึ้นมาเพราะมันคือนิวเวิลด์ หากพบเจออะไรบางอย่างที่ไม่อาจเข้าใจได้ในนิวเวิลด์ มันก็ต้องเป็นทักษะ!
‘ดุ๊คโดนอาร์คฆ่า แล้วผีของดุ๊คก็ปรากฏตัวล่อพวกเราออกจากหมู่บ้าน หรือว่า…’
จีเวลไม่ทราบวิธีการที่อาร์คใช้ แต่อีกฝ่ายมีเป้าหมายคือล่อพวกเธอออกจากหมู่บ้าน! อันที่จริง อาร์คก็ทราบดีว่าแผนการนี้มันมีช่องโหว่ใหญ่หลวง เมื่อดุ๊คถูกฆ่า อีกฝ่ายต้องโทรหาจีเวลในโลกความเป็นจริงแน่ ระหว่างที่คิดเรื่องทักษะสมควรใช้ดีหรือไม่ เพราะในโลกความเป็นจริงเขาไม่อาจควบคุม แต่นับว่าโชคเข้าข้าง ยุทธการครั้งนี้ผ่านพ้นไปได้หนึ่งชั่วโมงเพราะมีจุดอ่อนที่จีเวลไม่ค่อยชอบรับโทรศัพท์ นั่นทำให้ดุ๊คจำเป็นต้องมาหาด้วยตัวเอง
“บัดซบ! ดุ๊ค นายตายไปแล้ว!”
จีเวลก่นด่าสาปแช่งออกมาขณะวิ่งเข้าเครื่องเกม
“ว่าอะไรนะ? แล้วจะทำอะไรน่ะ?”
ดุ๊คยังคงเกาศีรษะด้วยสีหน้าโง่งมไม่รู้เรื่องราว
* * *
“ปู่ครับ!”
“โบนา! หลานไม่เป็นไรนะ?”
เบซอทิวที่เป็นอิสระจากกรงขังแล้วจึงโผเข้าสวมกอดโบนาเอาไว้ เหมือนเขาเพิ่งเคยเห็นภาพฉากแบบนี้เมื่อไม่นาน… เดจาวู? เอาเถอะ ถือเป็นเรื่องเล็กน้อย สำคัญคือตอนนี้อาร์คต้องพิจารณาสภาพโดยรวมหมู่บ้านอีกที ระหว่างที่อาร์คแทงเข้าใส่ X ของคาลจาเปย์ด้วยมีด กองกำลังปลดแอกที่นำโดยโจนออฟอาร์คก็สามารถโค่นล้มเผ่านาคูจักทั้งหมดได้หลังการศึกอันรุนแรง
ทว่าภายหลังการศึก พวกเขาก็ต้องกลับคืนสู่ความเป็นจริงอันโหดร้าย ชาวบารันต้องสละหลายชีวิตเพื่อโค่นล้มเผ่านาคูจัก จากกลุ่มเจ็ดสิบคนเหลือเพียงแค่สามสิบ ความเสียหายทางด้านมอนสเตอร์ก็ไม่น้อย พวกมันเหลือกันอยู่เพียงแค่ยี่สิบตัวเท่านั้น ความแตกต่างระหว่างพละกำลังการต่อสู้ของนาคูจักและบารันช่างกว้างใหญ่ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดเด็กกำพร้าบิดาและมารดาหลายคนเลยทีเดียว
“ฮึก ฮึก พ่อครับ… แม่ครับ…”
อาร์ครู้สึกหนักอึ้งภายในใจทันทีที่ได้ยินเสียงเด็ก ๆ ร้องไห้ออกกันระงม เขาเองก็เคยประสบกับการต้องสูญเสียครอบครัวมาก่อน แม้พวกเขาจะต่อสู้เพื่อลูกหลานของตน แต่อาร์คก็เป็นคนปลุกระดมพวกเขาให้ลงมือ
“อย่าได้ทำหน้าเช่นนั้น”
เบซอทิวคล้ายคาดเดาได้ว่าอาร์ครู้สึกอย่างไรจึงตบเข้าที่ไหล่ให้กำลังใจ
“ตอนข้าติดอยู่ในกรงขัง ทุกสิ่งอย่างล้วนได้ยิน พวกมันคิดสังหารพวกเราทั้งหมดเมื่อหอคอยสร้างเสร็จ แม้มิวทัลสามสิบชีวิตจะตายไป เจ้าก็ยังช่วยเหลือไว้ได้ถึงสี่สิบชีวิต เด็ก ๆ เหล่านั้นก็ด้วย เพราะแบบนั้นอย่าได้กดดันตัวเองไปเลย”
แน่นอนว่าเขาคิดทำเช่นนี้ อาร์คไม่ใช่คนที่จะอารมณ์อ่อนไหวอยู่นานนัก พวกเขาอย่างไรก็เป็นเอ็นพีซี แม้ว่าจะเป็นเอ็นพีซีที่เหมือนมนุษย์มากเลยก็ตามที แต่เอ็นพีซีก็คือเอ็นพีซี และตอนนี้อาร์คยังมีห่วงเรื่องอื่นให้ต้องคิดอีก
“พอจะรู้ไหมครับว่าเผ่านาคูจักคิดใช้หอคอยนี้ทำอะไร?”
“ข้าได้ยินเหมือนกัน และข้าก็ไม่อยากจะเชื่อ พวกนาคูจักจะสามารถเคลื่อนย้ายอย่างอิสระจากภูเขาทางตอนเหนือได้เมื่อหอคอยเสร็จสิ้น จุดประสงค์ของพวกมัน… คือการสยบทั้งโลกใต้พิภพ!”
เบซอทิวอธิบายออกมาขณะสั่นเทาด้วยความหวาดเกรง
“ผมก็ทราบเรื่องนั้นครับ เพราะงั้นต้องหาทางทำลายหอคอย…”
จีเวลและเผ่านาคูจักคิดสยบโลกใต้พิภพ นั่นคือปัญหาใหญ่สำหรับอาร์ค ในเมื่อเผ่านาคูจักใช้งานมอนสเตอร์ช่วยสร้างหอคอย ลำพังแค่อาร์คไม่มีทางทำลายมันได้ เบซอทิวเพียงส่ายศีรษะและถอนหายใจออก
“มันก็พอทำได้ แต่ก็ได้แค่ยื้อเวลาออกไป พวกมันมีพิมพ์เขียวก่อสร้างหอคอย ในเมื่อพิมพ์เขียวยังอยู่ในมือ การบุกรุกพื้นที่ทางใต้ก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว”
“เรื่องนี้…”
“ก็เหลือวิธีการเดียว ชาวบารันต้องร่วมมือกันต่อต้านพวกมันให้ได้”
“ไม่เสี่ยงมากเกินไปเหรอครับ?”
เบซอทิวเงียบเสียงขณะเผยสีหน้าหนักอึ้ง ความหมายที่เงียบนี้เด่นชัด อาร์คทราบดีถึงความแตกต่างระหว่างพลังอำนาจการต่อสู้ของชาวบารันและนาคูจัก เพราะแบบนั้นชาวบารันต้องร้องขอความช่วยเหลือจากเผ่าอื่นด้วย นอกจากนี้ หากชาวบารันเข้าร่วมสงคราม แบบนั้นพันธมิตรเฮอร์มีสอาจส่งกำลังเสริมมา และถึงตอนนั้นจะไม่มีทางเลยที่ชาวบารันจะรับมือได้
‘เราจะปล่อยให้โลกใต้พิภพอยู่ในมือของพวกมันไม่ได้…’
อาร์คถอนหายใจด้วยความขุ่นมัว เบซอทิวก็ไม่ทราบว่าควรทำอย่างไรดี
“ยังไงก็ตาม ทางเลือกก็เหลือเพียงหนึ่งแล้ว ในอดีต ชาวบารันหลบหนีพวกนาคูจักมาได้ แต่ตอนนี้ไม่มีที่ไหนเหลือให้หลบหนีอีก พวกเราต้องร่วมมือกันสู้ กระทั่งว่าทุกชีวิตต้องสูญไป ข้าก็ต้องแจ้งต่อคนในเผ่าให้ทราบโดยเร็วที่สุดเพื่อให้พวกเขาได้เตรียมตัว”
“เอ่อ แต่ก่อนหน้านั้น ผมมีบางสิ่งคิดอยากถามน่ะครับ”
อาร์คเริ่มเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องทดลองของมากาโรให้เบซอทิวฟัง เบซอทิวขมวดคิ้วมุ่นคล้ายจมสู่ความคิด
“มองเห็นแต่จับต้องไม่ได้… หรือจะหมายถึงใต้บาดาล?”
“ใต้บาดาล?”
“ใช่แล้ว ต้องเป็นมันแน่ ในความทรงจำของข้า นานมาแล้วเคยเกิดหายนะภัยครั้งใหญ่ขึ้น มิติเกิดการบิดเบี้ยว พื้นที่บางส่วนได้ติดอยู่ภายในช่องว่างมิติ”
“ติดอยู่ในช่องว่างมิติ? งั้นแล้วมันมีวิธีนำกลับมาหรือเปล่าครับ?”
“รายละเอียดข้าไม่อาจจดจำได้ เรื่องราวนี้เปรียบดั่งตำนาน แต่ถ้าหากทราบว่ามิติบิดเบี้ยว นั่นก็หมายความว่าต้องรู้วิธีแก้ไข ใช่แล้ว บันทึกตามตำนานน่าจะอยู่ในชั้นหนังสือ…”
เบซอทิวพึมพำกับตัวเองขณะมองไปรอบก่อนใบหน้าจะแข็งทื่อ ชั้นวางทั้งหมดล้วนล้มระเนระนาดตอนที่สู้กับคาลจาเปย์ ตำราหลายพันเล่มล้วนกองอยู่กับพื้น แถมอาร์คยังแหวกว่ายผ่านตำราเหล่านั้นจนพวกมันกระจายปนกันไปหมด
“สวรรค์โปรด! แล้วข้าจะหาตำราที่ต้องการได้ยังไง?”
เบซอทิวร่ำร้องกับตัวเองขณะมองรอบด้าน อาร์คก็คิดว่านี่มันงานยากเกินทำได้แล้ว จะหาตำราที่ต้องการสักเล่มในบรรดาตำราเกือบหมื่นเล่มได้ยังไงกัน? แถมเวลาก็มีจำกัด พวกจีเวลและนาคูจักที่เหลือจะกลับมายังหมู่บ้านตอนไหนก็ไม่มีทางทราบได้
‘ราซาคยังไม่ติดต่อมา คงไม่ต้องกังวลไปสักพักหนึ่ง…’
หรือพวกเขาต้องงมกองตำราค้นหา? แต่มันก็ไม่น่าเป็นไปได้เลยที่จะเจอเบาะแสก่อนพวกจีเวลกลับมาหมู่บ้าน หรือเขาจะไม่มีทางสำเร็จภารกิจก่อนที่กิลด์เฮอร์มีสจะครองโลกใต้พิภพ? แบบนั้นแล้วการเร่งค้นหาตำราก็จะวนกลับมา
“ตำรานั่นมีจุดเด่นหรือจุดสังเกตบ้างไหมครับ?”
“จุดสังเกต? อืม ก็พอจะมีอยู่ บันทึกทั้งหมดที่เกี่ยวกับตำนานจะอยู่บนชั้นหนังสือ A เพราะงั้นก็จะมีตัวอักษร A กำกับเอาไว้ ขอนึกก่อนนะ เนื้อหา ‘ใต้บาดาล’ ดูเหมือนจะเป็น A-20 ถึง A-30 นะ”
“เข้าใจแล้วครับ! ลาริเอ็ตเต้นิม บอกให้ชาวบ้านทั้งหมดมารวมตัวกันที่นี่ด้วยครับ!”
ประชากรราวหกสิบคนและพวกเด็ก ๆ ต่างเข้ามาภายในบ้าน
“บุคซิล ลาริเอ็ตเต้นิม ช่วยแจกจ่ายชาสมุนไพรนี้ให้ทุกคนด้วย”
ถูกต้อง ตอนนี้เขาคิดหวังพึ่งชาสมุนไพร ตัวชาที่อาร์คนำมาแจกจ่ายนั้นจะช่วยเพิ่มความเร็วการเคลื่อนไหวและสายตาให้เฉียบคม เขาออกคำสั่งค้นหาตำรา A-20 ถึง A-30 การให้ทุกคนช่วยกันหาย่อมรวดเร็วกว่า
“โอ้ อะไรกันนี่?”
“ทำไมเหมือนมือมันเคลื่อนไหวได้เร็วขึ้น?”
“เหมือนสายตาจะรวดเร็วขึ้นด้วย แถมยังมองได้ไกลอีก”
ผลลัพธ์ของชาสมุนไพรทำงานโดยทันที ชาวบารันต่างมีท่าทีคล้ายนกที่เข้าจิกอาหารแล้วปล่อยวางอย่างรวดเร็วขณะค้นหาตำราด้วยความเร็วน่าทึ่ง ไม่ช้าก็เริ่มมีคนพบเจอตำราเป้าหมายบ้างแล้ว
‘ดี ได้มาห้าแล้ว ตอนนี้เหลืออีกแค่ห้าเท่านั้น…’
อาร์คกำลังรอคอยอย่างว้าวุ่นใจ
กรั่ก กรั่ก กรั่ก กรั่ก!
ฉับพลันนั้นเอง ราซาควิ่งเข้ามาภายในบ้าน เดดริคเงยหน้าขึ้นจากภายในกองตำราขณะตะโกนร้องบอก
“เจ้านาย พวกนั้นกำลังกลับมาที่หมู่บ้านแล้ว!”
“ว่าอะไรนะ?”
อาร์คกระโดดพรวดอย่างแตกตื่น เขาออกมานอกบ้านขณะมองกลุ่มฝุ่นที่คละคลุ้งอยู่ไกลออกไป คณะของจีเวลออกนำทัพเผ่านาคูจักกว่าสองร้อยชีวิตกำลังเข้ามาใกล้หมู่บ้านแล้ว!
“พวกมันรู้ได้ยังไงกัน? พวกเรายังต้องหาอีกห้า… สิบนาที ไม่สิ อย่างเร็วก็ได้อีกแค่เจ็ดนาทีเท่านั้น…”
“กระชั้นชิดเกินไปค่ะ…”
ลาริเอ็ตเต้ส่งเสียงร้องบอกขณะยังอยู่นอกบ้าน หากคณะของจีเวลพบเจอสิ่งผิดปกติ แบบนั้นย่อมต้องเล็งมาที่อาร์คและชาวบารัน อีกทางหนึ่ง กลุ่มของอาร์คตอนนี้มีพวกเด็ก ๆ ร่วมอยู่ด้วย การจะหลบหนียิ่งเชื่องช้าลง ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าพวกเขาจะสามารถหนีพ้นหากออกไปตั้งแต่ตอนนี้ ไม่สิ กล่าวตามตรงแล้วโอกาสมีแค่สามในสิบเท่านั้นเอง และแม้เขาจะถ่วงเวลาไว้ได้อีกสักหน่อยก็ไม่น่าจะไหวอยู่ดี หมู่บ้านเมื่อโดนปิดล้อม โอกาสที่พวกเขาจะโดนกำจัดกันหมดก็แทบไม่ต้องสงสัยแล้ว
“อาร์ค นี่คือคำขอ”
จนถึงตอนนี้ เบซอทิวเข้ามาหาพร้อมกล่าวขึ้น
“ครับ คำขอ?”
“ถูกต้อง ข้าได้ยินจากโบนา เจ้ามีวิธีการเคลื่อนย้ายไปยังโลกกลาง ดังที่เจ้าทราบ สงครามในโลกใต้พิภพกำลังจะปะทุ ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ ชาวบารันย่อมต้องสูญเสียครั้งใหญ่เป็นแน่ นั่นคือโชคชะตาของพวกเรา แต่ว่า…”
เบซอทิวหันกลับไปมองพวกเด็ก ๆ ที่กำลังเดินไปมาภายในบ้าน
“ข้าไม่ต้องการให้เด็กพวกนี้ประสบเหตุการณ์แบบนั้น และอย่างไรแล้วในเมื่อมีเด็กอยู่ด้วย การจะหนีพวกนาคูจักให้พ้นย่อมไม่อาจเป็นไปได้ เพราะแบบนั้น เจ้าจงหนีไปพร้อมเด็กพวกนี้ จากนั้นข้าขอฝากให้เจ้าช่วยดูแลพวกเขาอย่างปลอดภัยที่โลกกลางด้วย”
ดวงตาของอาร์คทอประกายในทันที เพราะอะไรเขาจึงไม่คิดมาก่อน? ถูกต้องแล้ว อาร์คมีวิธีกลับไปยังโลกกลางเมื่อใดก็ได้ตามที่ต้องการ เพราะแบบนั้นเขาจึงสามารถค้นหากองตำราอีกครั้งได้โดยไม่ต้องกังวลพวกจีเวลที่ไล่ตามมา เขาเพียงแค่เปิดประตูออกไปก็จะพ้นฝันร้ายครั้งนี้ได้แล้ว