ตอนที่ 431 : อาชีพขั้นที่สอง
ป้อมปราการลอยฟ้าขนาดใหญ่ มันกําลังลอยอยู่เหนือศีรษะของกําลังทหารเหล่านั้น! มันคือป้อมปราการอันเกรียงไกรของกองทัพแห่งความมืด หรือก็คือรือวิกเจนส์เบิร์กที่ ชายสีแดงต้องการและหายตัวไปพร้อมกับมันเมื่อเหตุการณ์ครั้งก่อน เหล่านักรบต่างใช้งานทั้งเวทมนตร์และลูกธนู เพื่อเริ่มสงครามต่อต้านรือวิกเจนส์เบิร์กไม่ช้าบริเวณด้านหน้าของรือวิกเจนส์เบิร์กได้เปิดออกพร้อมอากาศสีดําที่พวยพุ่งออกมา เหล่านักรบต่างโดนปกคลุมโดยอากาศสีดําเสียงกรีดร้องเริ่มดังขึ้น พวกเขาต่างล้มกลิ้งอย่างทุรนทุรายกับพื้นและร่างของพวกนักรบเริ่มเกิดความเปลี่ยน แปลงทีละน้อย
คนตาย? ใช่สิเหมือนกันเลยนี่ แบบนั้นแล้วพวกคนตายที่อยู่ทั่วซอแทนดาล
ถูกต้องแล้ว ตัวตนของคนตายที่มีอยู่ทั่วซอแทนดาลคืออดีตประชากรของโอเบเรียม และคริสตัลความทรงจําก็นสุดแค่ตรงนี้และแตกสลายไปมันไม่เหมือนคริสตัลความ ทรงจําสมัยปัจจุบันคาถาโบราณที่ใช้บันทึกเหตุการณ์ในคริสตัลจะแตกสลายไปเมื่อถูกเรียกใช้งานอันกูราดอนเริ่มพูดคุยอีกครั้งหลังคริสตัลแตกสลาย
[เวทมนตร์ที่เจ้าเห็น มันคือสุดยอดเวทมนตร์คําสาปที่ดาร์คลอร์ดสร้างขึ้นในช่วงยุคใกล้ถึงจุดจบของร้อยปีแห่งความมืดมิดดาร์คลอร์ดได้เล็งเห็นผลโดยตรงต่อโอเบเรียมที่จะเป็นกองกําลังซึ่งสามารถส่งผลคุกคามในเวลานั้น หากเวทมนตร์ทําลายล้างนี้ถูกใช้งานอย่างสมบูรณ์โลกใบนี้คงถึงจุดจบ]
อาร์คนึกย้อนไปถึงคําพูดของผู้อาวุโสวูล์แรงตอนที่ร้อยปีแห่งความมืดมิดสิ้นสุด ดาร์คลอร์ดได้ส่งอาวุธอันเกรียงไกรที่สุดหรือก็คือรือวิกเจนส์เบิร์กมุ่งหน้ามาที่ซอแทนดาลอาร์คเคยคิดว่า “เพราะอะไรล่ะ?” ในตอนที่ได้ยินเรื่องราว แต่ต อนนี้เขาทราบคําตอบของคําถามนั้นแล้วมันไม่มีเหตุผลเลยที่จะส่งอาวุธทรงพลังอํานาจที่สุดมาเพื่อโจมตีเผ่าบารันในตอนที่ดาร์คลอร์ดกําลังโดนภัยคุกคามจากผู้กล้าทั้งเจ็ด แต่ เขาก็เข้าใจหลังได้เห็นเรื่องราวที่บันทึกไว้ในคริสตัลดาร์คลอร์ดได้ส่งรือวิกเจนส์เบิร์กมาก็เพื่อหยุดยั้งโอเบเรียมไม่ ให้ส่งกําลังเสริมไปได้โอเบเรียมคือผู้ปกครองแท้จริงของซอแทนดาลมันได้ถูกทําลายจนสิ้นซากและถูกเปลี่ยนประชากรเป็นคนตายและคนตายเหล่านั้นจะแตกต่างจากอันเดตทั่วไปอย่างสิ้นเชิง
[แม้การเสียสละของโอเบเรียมจะน่าเจ็บปวดแต่มันก็ทําให้ผู้กล้าทั้งเจ็ดจัดการโค่นล้มดาร์คลอร์ดได้เพราะขาดรีอวิกเจนส์เบิร์กแต่นั่นก็ไม่ใช่หมายถึงการสิ้นสุดของยุคแห่งความมืดมิดผู้กล้าทั้งเจ็ด… ไม่สิผู้กล้ามาบันทราบเรื่องนี้ดี]
อันกราดอนมองไปยังผู้กล้ามาบันด้วยดวงตาโศกเศร้าก่อนจะเอ่ยคําต่อ
[ขณะที่ทุกคนต่างเฉลิมฉลองกับความสุขเพราะชัยชนะที่ได้รับผู้กล้ามาบันกลับเป็นกังวลถึงอนาคตวันหนึ่งดาร์คล อร์ดจะต้องฟื้นคืนชีพและหากดาร์คลอร์ดกลับคืนสู่โลกโลกนี้จะต้องพบเจอกับมหาเวทแห่งคําสาปนั้นอีกครั้ง]
เพราะมหาเวทที่ดาร์คลอร์ดใช้งาน มันก็ถึงกาลสิ้นสุดของ ยุคหนึ่งร้อยปีแห่งความมืดมิดและมันก็ถูกใช้ได้เพียงแค่ที่ ซอแทนดาล ทั้งทวีปที่ไม่เคยต้องประสบกับความหวาดกลัวก็ต้องพบเจอกับเวทมนตร์ซึ่งไม่คุ้นเคย แต่ผู้กล้ามาบัน ทราบ ว่าดาร์คลอร์ดจะฟื้นคืนอีกครั้งและคุกคามโลกใบนี้ด้วยมหาเวทดังกล่าว ระหว่างที่ผู้กล้าคนอื่นสุขสันต์เฉ ลิมฉลองกันทั้งทวีป มีแต่ผู้กล้ามาบันที่มองหาประตูต่างมิติและออกค้นหาด้วยตัวเองเขาได้ใช้ภูมิความรู้ที่ได้รับจาก การต่อสู้ต่อต้านกองกําลังแห่งความมืดเพื่อศึกษามหาเวทคําสาปดังกล่าวเขายังได้ทราบว่าโอเบเรียมต้องพบกับจุดจบ… ทว่าผู้กล้ามาบันยังไม่สามารถไขความลับของมหาเวทดังกล่าวได้
[ผู้กล้ามาบันไม่มีทางเลือก จึงต้องใช้วิธีการสุดท้าย]
อากูราดอนกําหมัดแน่นขณะมองไปยังผู้กล้ามาบัน โครงกระดูก… เพราะเหลือเพียงแค่กระดูกอากูราดอนไม่อาจ องให้ออกมาได้
[นายท่านรับเอาเวทมนตร์คําสาปดังกล่าวเข้าสู่ร่างเพื่อที่จะค้นหาเทคนิคต่อต้านเวทมนตร์นี้
ในที่สุดอาร์คก็ได้ทราบทุกคําตอบจากปากคําของอันกูราดอนถูกต้องแล้วในที่สุดเขาก็ได้ทราบว่าผู้กล้ามาบันเสีย ชีวิตอย่างไ เขาถึงกับยอมชีวิตตัวเองเพื่อค้นหาความลับของเวทมนตร์ดังกล่าว มันยังเป็นเหตุผลที่นําอาร์คซึ่งเป็นผู้ ค้นหาความจริงมาที่นี่ด้วย อีกฝ่ายเสียสละชีวิตตัวเองเพื่อไขความลับของเวทมนตร์คําสาปเพื่อชนรุ่นถัดไป นั่นก็เป็นอีก เหตุผลว่าเพราะอะไรเขาถึงไม่ไปพบกับราชินีเงื่อกอเดเลียนตามพันธสัญญา ขณะที่อาร์คจมดิ่งกับความคิดอยู่นั้นสร้อยคอของอเดเลียนที่หน้าอกของเขาก็เริ่มสั่นอาร์คคว้าสร้อยคอไว้ขณะมองไปยังร่างของผู้กล้ามาบัน
“อะไรกัน? ทําไมถึงอยากให้เราเข้าไปกันล่ะ?”
มันเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว ทว่าสร้อยคอเส้นนี้ยังคงเบี้ยมไปด้วยความคะนึงหา เพราะอะไรกันเขาถึงตัดขาดตัวเองจากผู้กล้าคนอื่นและคนที่เป็นยอดดวงใจ? มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยสําหรับคนมีสติดีอยู่จะกระทําและเลือกเส้นทางนี้
กล่าวตามตรงอาร์คไม่เข้าใจ ไม่สิ เขาไม่อยากจะเข้าใจต่างหากแต่นั่นก็ทําให้ผู้กล้าตรงหน้าคนนี้ได้รับความยกย่องจากผู้คนอันกราดอนก็แสดงท่าทีภักดีอย่างถึงที่สุดต่อผู้กล้ามาบันทั้งยังอยู่เคียงข้างและคอยปกป้องมาหลายร้อยปี
“สึก สมกับเป็นผู้กล้าครับ เป็นผู้กล้าตัวจริงเสียงจริงเรื่องราวที่น่าประทับใจขนาดนี้ แต่พอมองผู้สืบทอดแล้ว…”
น้ําตาเริ่มหลั่งรินจากดวงตาลอยได้ก่อนจะหันไปมองอาร์คผู้กล้ามาบันต้องไม่เคยคิดฝันแน่ว่าจะมีผู้สืบทอดเช่นนี้ทว่าอันกราดอนไม่ทราบว่าอาร์คเป็นคนยังไงจึงกล่าวออกด้วยน้ําเสียงที่ค่อนข้างตื่นเต้นยินดี
[ข้ารอเจ้ามานาน ข้าได้ยืนยันถึงหลักฐานผู้ถูกเลือกของผู้ กล้ามาบันด้วยตาคู่นี้แล้วก็เหมือนอย่างที่ผู้กล้ามาบันกล่าวเอาไว้ผู้ค้นหาความจริงจะมาและเขาจะรับเอาความลับของเวทมนตร์คําสาปไป]
อันกูราดอนลุกขึ้นยืนขณะเดินเข้าไปใกล้ผู้กล้ามาบันจากนั้นเขาจ้องมองด้วยสายตาเศร้าสร้อยก่อนจะยื่นมือเข้าไปที่กรามของร่างนั้นแล้วสัมผัสไม่ช้าร่างมัมมีได้สลายกลาย เป็นฝุ่นผง ก้อนหินที่ดูล้ําค่าสองก้อนร่วงหล่นหนึ่งนั้นสองประกายคล้ายอัญมณีที่ลุกโชนอีกหนึ่งเป็นอัญมณีสีดําที่แผ่ออร่าเป็นประกายออกมาอันกราดอนยื่นมือเข้าไปคว้าหินที่ส่องประกายแล้วส่งให้อาร์ค
(นี่คือคือสิ่งที่จะทําให้ได้รับเวทมนตร์มืดที่ผู้กล้ามาบ นหลงเหลือไว้นายท่านได้บรรจุประสบการณ์และพลังรวมถึงภูมิความรู้ของคําสาปที่ทําการศึกษาเอาไว้ภายในนี้ผู้ค้ นหาความจริงรับมรดกชิ้นนี้ไว้หลอมรวมมันเข้ากับสามสี่งมหัศจรรย์เพื่อรับพลังเสีย]
“ในที่สุด… อาชีพขั้นที่สอง!
อาร์คกลืนน้ําลายขณะรับเอาหินดังกล่าวมา แม้เขาจะได้ยินทุกเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นคืนชีพของดาร์คลอร์ดอาร์คก็ยิ่งเป็นห่วงหาถึงอาชีพขั้นที่สองมากขึ้น ตอนนี้มือของอาร์คกําลังสั่นเทาขณะหลอมรวมหินอัญมณีที่เพิ่งได้รับ มา แสงสว่างเริ่มทอประกายจากตัวแผ่นจานสามสิ่งมหัศจรรย์พร้อมหน้าต่างข้อมูลที่ปรากฏ
หินแห่งวิญญาณของผู้กล้ามาบันได้หลอมรวมกับสามสิ่งมหัศจรรย์
ด้วยฐานะผู้ค้นหาความจริง ท่านได้ไล่ตามรอยเท้าของผู้กล้ามาบันและรวบรวมสามสิ่งมหัศจรรย์มาได้
การเดินทางนี้ไม่ใช่เพียงเพื่อได้รับสามสิ่งมหัศจรรย์หลายร้อยปีก่อนผู้กล้ามาบันได้ตระหนักถึงพลังอันแท้จริงของความมืดดวงดาวและดวงจันทร์ขณะที่ออกเดินทางไป เรื่อยเขาได้ค้นหาดวงดาวส่องประกายและดวงจันทร์ในความมืดจนตระหนักได้ถึงความหมายแท้จริงของรัตติกาล
เรื่องนี้ผู้กล้ามาบันอาจไม่ตระหนักถึง แต่มันได้ฝังลึกภายในใจของเขาผู้กล้ามาบันคือผู้ที่รักความมืดอย่างแท้จริงและหลงเหลือภูมิความรู้เอาไว้ใน“หินแห่งวิญญาณ” สิ่งนี้จะ ทําให้ผู้เดินทางแห่งความมืดเปลี่ยนอาชีพเป็น “ดวงวิญญาณแห่งความมืด
ท่านต้องการเปลี่ยนอาชีพหรือไม่?
ถามเหมือนมีทางเลือกอื่น?
“เปลี่ยนสิ ต้องเปลี่ยนอยู่แล้ว!”
แสงสว่างเริ่มสาดส่องออกจากแผ่นจานดังกล่าวแล้วซึมซับเข้าไปภายในร่างของอาร์ค
ชื่อตัวละคร : อาร์ค
เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
แนวโน้ม : ความดี +450
ชื่อเสียง : 11,725 (+500)
เลเวล : 344
อาชีพ : ดวงวิญญาณแห่งความมืด
ฉายา : อัศวินแห่งแมว, ผู้เยียวยาแห่งผู้ถูกทอดทิ้ง, วีรบุรุษแห่งแจ็คสัน, สุดยอดนักผจญภัย, สมาชิกสมาคมเวทมนตร์, ผู้กล้าแห่งซอแทนดาล
พลังชีวิต : 5,405 (+150)
พลังมานา : 5,445
พลังจิตวิญญาณ : 200
พละกําลัง : 672 (428)
ความคล่องตัว : 832 (+55)
ความอดทน : 1,032 (+20)
สติปัญญา : 118 (+10)
ความฉลาด : 1,061
โชค : 112 (+60)
ความยืดหยุ่น : 146
ศาสตร์แห่งการสื่อสาร : 66
ความรัก : 67 (+10)
ยืดหด : 428
ค่าสถานะพิเศษ ภูมิความรู้โบราณวัตถุ : 153
ประสิทธิภาพเพิ่มเติมจากอาชีพ
*ข้อจํากัดทางอาชีพของท่านถูกปลดปล่อย และทักษะพิเศษอาชีพของท่านได้รับการยกระดับขึ้น
*ท่านได้รับทักษะพิเศษ แถลงการณ์พื้นที่” : ได้รับความรุ่งโรจน์แห่งรัตติกาล
*ข้อจํากัดทางอาชีพของท่านถูกปลดปล่อย ท่านสามารถเรียนทักษะขั้นสูงสุด “ทักษะศักดิ์สิทธิ์
*ความสามารถพิเศษอาชีพของท่านได้รับการยกระดับสู่ขั้นที่สูงขึ้น
*ศักยภาพของทักษะที่ท่านได้รับมาก่อนหน้าได้รับการยกระดับ
[ความมืดอาฆาต] : คมดาบแห่งความมืดที่ยกระดับขึ้น
พื้นฐานทักษะได้รับการสืบทอดมาจากคมดาบแห่งความมืดเมื่อท่านใช้คมดาบแห่งความมืด พลังแห่งความมืดจะสะสมรวมกันที่ตัวดาบสามารถใช้การสะสมพลังได้ 2-5 ครั้งก่อนทําการโจมตีคริติคอลอันรุนแรงใส่ศัตรู
[พายุดาบ] : คมดาบวายุที่ยกระดับขึ้น
พื้นฐานทักษะได้รับการสืบทอดมาจากคมดาบวายุทว่า เมื่อนําดาบวิเศษมาใช้งานกับทักษะพายุดาบมันจะส่งผลอย่างรุนแรงและช่วยสร้างผลกระทบที่ดีให้กับพันธมิตร
[เกล็ดความมืด] : ร่ายรําแห่งความมืดที่ยกระดับขึ้น
ทักษะจะถูกใช้งานอย่างอัตโนมัติเมื่ออัตราความสําเร็จสูงกว่า 70% ความมืดจะรวมกันภายในร่างและแสดงผลออกเป็นชุดเกราะชุดเกราะความมืดจะลดทอนอัตราการหลบหลีกของท่าน 20% แต่จะช่วยเสริมพลังป้องกันให้ถึง 30% และยังเพิ่มอัตราการสะท้อนการโจมตีของศัตรู 10% นอก จากนี้เวทมนตร์ความมืดจะไม่มีผลหากความเสียหายต่ํากว่า 100 หน่วย
[จันทร์มายา] : เงาแสงจันทร์ที่ยกระดับขึ้น
เพิ่มพลังชีวิตสูงสุดของเงาแสงจันทร์จาก 30%เป็น 40% นอกจากนี้ท่านยังสามารถเคลื่อนไหวร่างจําแลงโดยใช้คําสั่งง่าย ๆ ได้จํานวนของร่างจําแลงและคําสั่งจะขึ้นอยู่กับระดับของทักษะ (จํานวนร่างจําแลงปัจจุบัน : 3, จํานวนคําสั่ง : 3)
รายการคําสั่ง
– โจมตีให้เหี้ยน : โจมตีศัตรูทั้งหมดจนกว่าพลังชีวิตจะหมดสิ้น
– สมดุล : ป้องกันและโจมตีตามสถานการณ์จนกว่าพลังชีวิตจะหมดสิ้น
– รักษาชีวิต : วิ่งหนีไปจนกว่าพลังชีวิตจะหมดสิ้น
ท่านได้เรียนทักษะระดับสูง “ความรุ่งโรจน์แห่งรัตติกาล
ความรุ่งโรจน์แห่งรัตติกาล (ขั้นต้น, เรียกใช้งาน) :
ความรุ่งโรจน์แห่งรัตติกาลจะสร้างพื้นที่พิเศษสําหรับทุกษะ และในพื้นที่ดังกล่าวจะมอบพลังพิเศษให้กับท่าน
ภายในพื้นที่ส่งผลของความรุ่งโรจน์แห่งรัตติกาล อาชีพดวงวิญญาณแห่งความมืดสามารถอัญเชิญหินที่เปี่ยมด้วยพลังแห่งความมืดและรัศมีหนึ่งร้อยเมตรจากตัวก้อนหินพลังแห่งความมืดจะช่วยเพิ่มพลังโจมตีและพลังป้องกันของท่าน 50% และยังเพิ่มภูมิต้านทานเวทมนตร์ 20% นอกจากนี้ทักษะศักดิ์สิทธิ์ของท่านจะสามารถใช้ได้ในพื้นที่ แต่อาชีพดวงวิญญาณแห่งความมืดจะสามารถแถลงการณ์พื้นที่ได้เฉ
พาะตอนกลางคืนหรือจนกว่าหินแห่งความมืดจะถูกทําลายเท่านั้น
ระยะเวลาส่งผล : 10 นาที
พลังมานาเรียกใช้ : 2,000
พลังจิตวิญญาณเรียกใช้ : 400
“ในที่สุดก็ได้อาชีพขั้นที่สอง!”