ตอนที่ 449 : ต้องเล็งที่หัวหน้า!
อาร์คใช้งานวิ่งเร็วพุ่งเข้าไปหาบุคซิลพร้อมกับสมุนอัญเชิญ ดาบเริ่มจ้วงแทงเข้ามาจากทุกทิศทาง อาร์คเงื่อแขนขึ้นพร้อมตะโกน
“ราซาค เปลี่ยนร่าง!”
กึก กัก กึก กัก!
เสียงกระดูกลั่นดังขึ้นก่อนร่างของราซาคจะเปลี่ยนเป็นซอว์เบลด พร้อมกันนั้น อาร์คใช้งานมันคว้าเข้าที่ดาบของนักรบเล่มหนึ่งก่อนจะดึงเจ้าของดาบให้ร่วงกับพื้น จากนั้นซอว์เบลดจึงทํางานในลักษณะแส้และฉุดกระชากม้าตัวนั้นเป็นผลให้เกิดการสับสนในหมู่คน สิ่งสําคัญในการต่อสู้กับคนหมู่มากคือเลือกโจมตีเป็นคนไปขณะหลบเลี่ยงการโจมตีอื่น อีกทางเลือกหนึ่งคือหาช่องว่างเข้าโจมตีไปเรื่อยและดื่มโพชั่นกับใช้เวทมนตร์ฟื้นฟูประทัง
“คนแรก!”
ตึง ตึง ตึง!
อาร์คสกัดดาบเอาไว้ก่อนจะหวดลูกเตะใส่นักรบที่โดนฉุดลงจากหลังม้า
“ไอ้เจ้านี่ หยุดมันไว้ นักรบถอย นักธนูสกัดมันไว้เ”
เมื่ออาร์คทําให้นักรบคนที่ตกจากหลังม้าเข้าอาการวิกฤตได้ โจรคนอื่นก็เริ่มเกิดความตึงเครียด พวกเขาเริ่มเตรียมสร้างค่ายกลปิดล้อมโจมตีอาร์ค นักรบคนที่ถือโล่รับหน้าที่เข้าปะทะก่อน
“ชิ อีกแค่นิดเดียวก็จัดการมันได้แล้วเชียว…”
อาร์คกลิ้งกับพื้นหลบการโจมตีของนักรบโล่ที่พุ่งมาปะทะ แต่ก่อนที่เขาจะจัดท่าทางได้ใหม่ ลูกธนูก็สาดลงมาประหนึ่งห่าฝน ลูกธนูสร้างความเสียหายและอาการผิดปกติได้ ลูกธนูเหล่านี้ปักเข้าที่หน้าอก ไหล่ ต้นขา พวกมันเริ่มส่องแสงสว่างสีแดง
ท่านได้รับการโจมตีคริติคอลจากลูกธนู! ความเสียหาย 250 หน่วย, ความเสียหาย 240 หน่วย เพราะลูกธนูปักที่ร่างกาย การเคลื่อนไหวของท่านจะเชื่องช้าลงเป็นระยะเวลา 30 วินาที
“บ้าฉิบ ราคาร์ด!”
“โอ้!”
หลังจากอาร์คโดนลูกธนูแทงเข้าใส่ ราคาร์ดก็พุ่งปะทะกับนักธนู ทว่านักธนูนั้นมีนักเวทคอยใช้ “ลูกไฟ” คอยคุ้มกันอยู่ ราคาร์ดจึงต้องถอยกลับทั้งปีกโดนไฟไหม้ ขณะเดียวกัน อาร์คก็แทบจะเต้นเป็นเจ้าเข้าเพราะต้องหลบหลีกลูกธนูไปมาพร้อมทั้งการโจมตีจากพวกนักรบ นอกจากนี้แล้วนักรบที่อาร์คทําให้อาการวิกฤตไป เมื่อครู่ก็ได้รับการรักษาแล้ว
“เหมือนที่คิดไว้ รับมือกับคนจริงสิบห้าคนมันยากเกินไป”
อาร์คกัดฟันแน่นขณะเสียพลังชีวิตไปมากในระยะเวลาเพียงชั่วครู่ กลุ่มโจรเหล่านี้เลเวลน่าจะราว 250-300 หลังออกล่าซอมบี้เชื้อราในถ้ำและทําการรวบรวมวัตถุดิบ เลเวลของอาร์คตอนนี้คือ 366 เมื่อรวมกับโบนัสธาตุความมืดเข้าไปด้วยแล้วก็เทียบเท่าเลเวล 549 นับว่ามีความต่างมากมายถึง 200 เลเวลเลยทีเดียว ทว่าคู่ต่อสู้มีสิบห้าคน ขณะที่เขาสามารถจัดการมอนสเตอร์ยี่สิบตัวได้ ผู้เล่นสิบห้าคนกลับมีความหลากหลายยิ่งกว่า นอกจากนี้แล้วพวกเขายังเป็นโจรที่เชี่ยวชาญการสังหารผู้เล่นเป็นพิเศษ ความสามารถทางการต่อสู้ของพวกเขาไม่ใช่ธรรมดาดาษดื่นเหมือนพวกมอนสเตอร์ แน่นอนว่าเขาสามารถจัดการผู้เล่นในซอแทนดาลได้อย่างไม่ยากเย็น แต่นั่นมันเป็นกรณีที่ต่อสู้กับแค่สองหรือสามคน และเขายังมีตัวช่วยอีกมากเพื่อก่อกวนระหว่างนั้น ทว่าครั้งนี้อาร์คต้องต่อสู้เพียงคนเดียว บุคซิลและแบกิวต่างพลังชีวิตเหลือน้อยจึงไม่สามารถช่วยเหลือ ไม่สิ บุคซิลและแบกิวต่อให้สภาพสมบูรณ์ดีก็ไม่เหมาะมาช่วยต่อสู้อยู่ดี
“แล้วราคาร์ดก็ยังไม่ไหวอีก”
ท่ามกลางกลุ่มโจรมีนักธนูและนักเวท หากเป็นมอนสเตอร์คงใช้การยั่วยุเข้าไปกระจายพวกมันออกมาได้ แต่ผู้เล่นไม่โง่ขนาดนั้น หากราคาร์ดเข้าไปใกล้อีกครั้ง การโจมตีระยะไกลต้องยิงออกมาอย่างไม่รั้งรอแน่
“ทํายังไงบุคซิลไปลากไอ้พวกนี้มาได้กันเนี่ย?”
เขาไม่มีธุระกงการอะไรกับกลุ่มคนเหล่านี้ด้วยซ้ำ หากเขามีกลุ่มคนคอยช่วยก็เป็นอีกเรื่อง การจะจัดการคนทั้งสิบห้าย่อมไม่ใช่เรื่องยาก แต่ทั้งสิบห้าคนนี้ต่างมีอาชีพที่ผสมผสานกัน เป็นเรื่องยากมากที่อาร์คจะสามารถจัดการได้หมด
“เราต้องหาทางชิงความได้เปรียบจากชัยภูมิ”
อาร์คหลบหลีกลูกธนูโดยไม่พักขณะกวัดแกว่งดาบทุกครั้งที่มีโอกาส อาร์คทราบดีว่าพื้นที่แถบนี้เป็นบึงน้ำ บึงมีพิษ และต้นไม้ที่เน่าก็ค่อนข้างหนาในหลายตําแหน่ง คนพวกนี้ที่ขี่ม้าย่อมไม่สามารถเข้าพื้นที่นั้นได้โดยง่าย
“ปัญหาคือการหลบหนีออกจากวงล้อม”
โจรเหล่านี้ล้อมอาร์คและบุคซิลเอาไว้แล้วทั้งยังโจมตีกระหน่ำใส่เมื่อใดที่อาร์คคิดทะลวงวงล้อมออกไป โจรเหล่านี้ย่อมต้องย้ายวงล้อมตามต่อไปแน่ เท่าที่ดูทั้งคณะน่าจะต่อสู้สอดประสานกันได้เป็นอย่างดี
“งั้นก็ต้องวิธีนี้!”
“ราคาร์ด เส้นทางโลหิต!”
ขณะเดียวกันนั้น ดวงตาของราคาร์ดกลายเป็นสีแดงขณะพ่นเอาโลหิตจํานวนมากออกจากปาก มันพุ่งเข้าหานักธนูและนักเวทที่อยู่ใกล้ก่อน มันเริ่มกระจายไปทั่วรัศมีสิบเมตรประหนึ่งสายฝนสาดลงมา คําสาปเลือดที่ร่วงหล่นลงมาจํานวนมากนี้จะทําให้เกิดอาการผิดปกติขึ้น! แต่กลุ่มโจรทําการปิดล้อมในบริเวณกว้างกว่าครึ่ง ไม่ได้รับผลกระทบดังกล่าว
“แต่เท่านี้ก็พอแล้ว!”
“อะไรกัน? อะไรเนี่ย?”
“ร่างมันขยับไปเอง… อาการสับสน!”
“บ้าฉิบ เวทมนตร์คําสาป รักษาคําสาปเร็วเข้า!”
โจรแปดคนที่โดนผลกระทบจากเลือดเริ่มเดินเซไปมาเพราะอาการสับสนและมึนงง นักบวชก็เริ่มร่ายคาถาถอนคําสาป แต่รูปขบวนค่ายกลบิดล้อมก็พังไปเรียบร้อยแล้ว
“ละ… เลือด…”
“กลับบ้านไปหาอะไรกินซะ ยกเลิกอัญเชิญราคาร์ด! บุคซิล แบกิว หนี!”
อาร์คส่งราคาร์ดที่อาเจียนเป็นเลือดออกมากลับไปปราสาทแล้วเริ่มวิ่งหนี แม้ว่านักรบสองคนจะเร่งเข้ามาหยุด แต่มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะหยุดอาร์คไว้ได้อีกในเมื่อค่ายกลบิดล้อมพังทลายลงไปแล้ว
“หลีกไป!”
อาร์คใช้งานร่วมระหว่างทักษะ “กระโดด” และ “คมดาบแห่งความมืด” เพื่อให้พุ่งตัวออกไปประหนึ่งลูกธนูพร้อมโจมตีเข้าใส่นักรบทั้งสองคน มันสร้างความเสียหายและแรงปะทะได้ไม่น้อยจนพวกนั้นล้มลงกับพื้น ระหว่างนั้นเอง บุคซิลและแบกิวก็ทะลวงวงล้อมออกมาพร้อมวิ่งเข้าพื้นที่บึงน้ำ แบกิวนั้นอยู่ร่วมมานับเดือนแล้วจึงรู้จังหวะที่ต้องสอดประสานไม่น้อย แบกิวเลือกใช้กระโดดเช่นกันเพื่อข้ามบึงและสลัดกลุ่มโจรให้พ้น
“บ้าฉิบ พวกมันหนีไปแล้ว!”
“อะไรกัน? บึงน้ำ?”
กลุ่มโจรเริ่มสับสนขณะจะทําการข้ามบึงน้ำ พวกเขาแตกต่างจากแบกิวที่สามารถใช้กระโดดได้ และด้วยความกลัวว่าจะตกลงบึงน้ำจึงทําให้การเคลื่อนไหวไม่อาจเป็นไปได้ด้วยดี
“ดี บุคซิลนายหนีผ่านบึงน้ำนี้ไปก่อนแล้วกัน”
“ครับ? แล้วอาร์คนิมล่ะ?”
“ฉันยังมีเรื่องต้องทํา”
อาร์คหันร่างกลับพร้อมยกยิ้ม ระหว่างที่พวกโจรลงจากม้าเตรียมรวมกลุ่มกันใหม่ อาร์คก็ลอบเดินไปทั่วเพื่อลากพวกซอมบี้เชื้อรา
“ต้องจัดการ!”
“ไอ้หมอนั่นไปลากพวกซอมบี้!”
“จับตัวมันไว้! ไอ้หมูที่ซ่อนอยู่หลังมันก็ด้วย!”
“บ้าฉิบ ถ้าไม่มีบึงนี่…”
“ธนู ยิงมันให้พรุนไปเลย!”
ทั้งคณะโจรพอรวมตัวกันได้ก็เริ่มทําการระดมยิงลูกธนูออกมาเป็นระลอกแรก ทว่า อาร์คนั้นเตรียมใช้งานร่ายรําแห่งความมืดรออยู่ก่อนแล้วขณะลดทอนพลังชีวิตของพวกซอมบี้เชื้อราไปด้วยในตัว เมื่ออาร์คใช้ท่าเท้าเต็มที่หน้าต่างข้อความก็ปรากฏขึ้น
ร่ายรําแห่งความมืดมีอัตราสําเร็จถึง 70% ทักษะเกล็ดความมืดทํางาน
เมื่ออัตราความสําเร็จของร่ายรําแห่งความมืดสูงกว่า 70% เกล็ดความมืดจะทํางานโดยอัตโนมัติ! มันใช้พลังมานา 500 หน่วยก็จริง แต่ผลที่ได้นับว่าคุ้มค่า ความเสียหายจาก 200-300 หน่วยจะลดลงเหลือแค่ 120-180 หน่วย พลังป้องกันของเขาจะเพิ่มขึ้น 30% แต่ความจริงแล้วความเสียหายจะถูกลดทอนไปกว่า 40% ที่มันเป็นแบบนี้ก็เพราะความเสียหายที่ศัตรูทําได้น้อยกว่าพลังป้องกันของเขานั่นเอง นอกจากนี้แล้วลูกธนูจํานวนมากยังถูกสะท้อนกลับไปหาตัวนักธนูเสียเอง เพราะเหตุนี้ความเร็วการโจมตีของนักธนูจึงเริ่มถดถอย
“เหมือนที่คิดไว้ พอเป็นอาชีพขั้นที่สองแล้วทักษะเหมือนอยู่คนละโลก”
ขณะที่อาร์คลดพลังชีวิตซอมบี้เชื้อราสี่ตัวให้เข้าอาการวิกฤตได้แล้ว พวกโจรก็เริ่มวิ่งพุ่งเข้าใส่เขาหลังหาทางผ่านบึงน้ำมาได้
“มาแล้วเหรอ ได้เวลาละเลงเลือดแล้ว สวนกลับฉับพลัน!”
อาร์คโจมตีเข้าใส่ซอมบี้เชื้อราที่พลังชีวิตเหลือน้อยกว่า 2% ด้วยสวนกลับฉับพลัน จากนั้น ซอมบี้เชื้อราจึงพุ่งเข้าใส่กลุ่มโจรและร่างระเบิดออกส่งผลให้เกิดผงสีขาวฟุ้งกระจาย มันคือ “สปอร์เชื้อรา” ที่ซอมบี้เชื้อราปล่อยออกมาเมื่อตายลง นักรบที่โดนผลกระทบของสปอร์เข้าไปที่แรกถึงกับต้องเผยสีหน้ามึนงง
“มันไปไหนกันนะ?”
“เข้าประชิดตั้งแต่เมื่อไหร่? รับนี่ไป!”
นักรบต่างหันมองกันไปคนละทิศละทางขณะเริ่มโจมตีกันเอง พวกเขาโดนผลของอาการ ภาพหลอน” จากสปอร์เชื้อราสีขาวจนเห็นพรรคพวกตัวเองเป็นอาร์ค
“เวทมนตร์คําสาปอีกแล้ว? ถอนคําสาปเร็วเข้า!”
นักบวชเริ่มทําการร่ายคาถา ทว่าเวทมนตร์นั้นไม่อาจถอนผลของสปอร์เชื่อราได้
“ทําบ้าอะไรอยู่กัน? ตื่นสิโว้ยไอ้พวกโง่เง่า!”
หลังได้ยินเสียงพรรคพวกตัวเอง พวกนักรบก็หยุดการโจมตีแล้วถอนเท้ากลับ แต่เพราะผลของอาการภาพหลอนจึงทําให้พวกเขายังแยกไม่ได้ว่าคนไหนอาร์คและคนไหนคือพรรคพวก นักรบหลายคนไม่สามารถโจมตีออกไปได้ขณะเริ่มทําการยืนยันตัวตนกันด้วยเสียง แต่สถานการณ์ตอนนี้ก็เพียงแค่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น
“อืม เชื้อราสีขาวเหรอ โชคดีจังนะ? แต่จะโชคดีได้แค่ไหนกันเชียว? มาต่อกันเลยดีกว่า สวนกลับฉับพลัน สวนกลับฉับพลันสวนกลับฉับพลัน!”
อาร์คที่รวบรวมซอมบี้เชื้อรามาได้ก็ตะโกนแล้วทําการใช้ทักษะต่อเนื่องไม่หยุด นี่คือระเบิดซอมบี้เชื้อรา! ร่างของซอมบี้เชื้อราที่เข้าอาการวิกฤตอยู่ก่อนแล้วก็ระเบิดออกทันทีที่ร่างกระเด็นพร้อม ปล่อยสปอร์เชื้อราไปทั่วสปอร์เชื้อราสีขาวทําให้เกิดอาการภาพหลอน สีเขียวจะทําให้เกิดอาการเหน็บชา ส่วนที่เลวร้ายที่สุดคือสีม่วงมันจะทําให้ร่างกายเกิดอาการเน่าเปื่อยเป็นซอมบี้! โจรกว่าสามหรือสี่คนโดนอาการดังกล่าวไปขณะร่างกายเริ่มเน่า
“บ้าฉิบ นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย? ถอย ถอยด่วน!”
กลุ่มโจรเริ่มไม่สามารถยืนหยัดกับระเบิดซอมบี้เชื้อราได้ก็เร่งร้อนถอนทัพ ดวงตาของอาร์คตอนนี้กําลังลุกโชนขณะเริ่มโจมตีพวกที่พยายามหนี นี่เป็นเหตุผลที่อาร์คคิดต่อสู้กับพวกโจร หากเขาใช้งานซอมบี้เชื้อราได้ แบบนั้นแล้วการกวาดล้างทั้งกลุ่มก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ยังมีอีกเหตุผลที่เขาต้องการเผชิญหน้ากับกลุ่มคนเหล่านี้
“ฆาตกร!”
มันเป็นเพราะผู้เล่นพวกนี้ชื่อสีแดง นับว่าเป็นกลุ่มโจรร้าย ก็ไม่น่าแปลกใจที่ทั้งกลุ่มจะเป็นฆาตกรกันเสียส่วนใหญ่ แต่แม้ว่าจะเป็นกลุ่มโจร แต่บางคนก็ไม่ใช่ฆาตกรแต่เพียงแค่มีชื่อเป็นสีเทา การจะเป็นผู้เล่นฆาตกรได้นั้นต้องทําการลงมือปลิดชีพในขั้นตอนสุดท้าย เพราะแบบนั้นแล้วจึงมีบางส่วนที่ชื่อเป็นสีเทาผสมปนเปอยู่ภายในกลุ่ม ขณะเดียวกันก็จะมีคนที่ชื่อสีแดงรอเข้าจัดการโจมตีปิดฉากร่วมอยู่ด้วย ถ้าหากโจรกลุ่มนี้มีร้อยคน เพียงแค่สิบคนที่เป็นฆาตกรก็เพียงพอแล้ว ทว่าโจรกลุ่มนี้ออกจะแปลกไปบ้างเล็กน้อย เป็นผู้เล่นฆาตกรเลเวลสูงนั้นมีข้อจํากัดและบทลงโทษมากมาย เพราะงั้นแล้วตามปกติผู้เล่นฆาตกรจึงมักจะเลเวลต่ำกันเสียส่วนใหญ่ แต่ด้วยเพราะโจรกลุ่มนี้ไม่ใช่ธรรมดาโดยมีเจเพตอลเป็นผู้นํากลุ่ม
“รู้สึกขอบคุณจริง ๆ”
โดยไม่จําเป็นต้องบอก หากสังหารผู้เล่นฆาตกรได้ก็เท่ากับว่ามีโอกาส 10% ได้รับอุปกรณ์สวมใส่ที่จะดร็อป หรือก็คือผู้เล่นฆาตกรไม่ต่างอะไรกับกองเหรียญทองเดินได้เลยด้วยซ้ำ และตรงหน้านี้ก็เป็นผู้เล่นเลเวลสูงกันทั้งนั้น อย่างน้อยไอเทมที่มูลค่าน้อยสุด ดร็อปออกมาก็ต้องเป็นระดับวิเศษหรือหายากแล้ว! อาร์คจับหนึ่งในกลุ่มคนโดยซอว์เบลดไปขณะคนอื่นเผยความสับสน
“ละ-ลูกพี่เจเพตอล!”
“เจเพตอลนั้นเหรอ ต้องขออภัย แต่คงต้องขอให้ตายตรงนี้แหละนะ”
“อะไรกัน? ไอ้เจ้าเด็กนี่!”
เจเพตอลใบหน้าแดงก่ำขณะพยายามเหวี่ยงดาบ แต่เมื่อออกห่างจากกลุ่มพรรคพวก ลําพังเจเพตอลก็เลเวลแค่ 300 หากเป็นการต่อสู้กันในกลุ่มไม่มีใครต่อสู้กับเขาอย่างหนึ่งต่อหนึ่งได้ และตอนนี้ยังติดอาการเหน็บชาจากเชื้อราสีเขียว อาร์คเริ่มใช้ดาบฟาดฟันกับลูกเตะอย่างต่อเนื่อง เพียงแค่หนึ่งนาที่ใบหน้าของเจเพตอลก็พลันจุ่มเข้าที่บึงน้ำ เสียงกระดิ่งดังขึ้นพร้อมหมวกโลหะที่ดร็อปออกมา
“หึหึหึ ได้แล้วหนึ่ง!”
อาร์คหัวเราะขณะหยิบไอเทมขึ้นมา แต่ไม่ช้าเขาก็ได้ยินเสียงจากภายนอกบึงน้ำ
“ทางนั้น!”
“อะไรกัน? พวกมันกี่เท่าไหร่กันแน่เนี่ย?”
อาร์คหันกลับไปมองก็ต้องใบหน้าแข็งค้าง จํานวนผู้เล่นมากมายสร้างฝุ่นตลบประหนึ่งเมฆกําลังเตรียมสาดซัดเข้ามาจากอีกด้านหนึ่ง ถูกต้องแล้ว กลุ่มคนที่เพิ่งมานี้คือบรรดาลูกน้องของเจเพตอลที่อาร์คเพิ่งจัดการไป พวกเขามีกันหลายสิบคน!
“พวกนี้เป็นผู้ใต้บัญชาในปาร์ตี้เหรอเนี่ย? มีหลายสิบคนที่น่าจะเป็นฆาตกรก็จริง แต่ถ้าคนจํานวนมากเข้ามาในบึงจะน่ารําคาญ แล้วจะทําให้เราไม่ได้รับไอเทมเพิ่มอีก”
“ราดัน เปลี่ยนร่างเป็นราดันม่า!”
ซื่อ ซื่อ ซื่อ!
ราดันเปลี่ยนร่างเป็นกิ้งก่าขนาดใหญ่ก่อนอาร์คจะกระโดดขึ้นหลังไป บนพื้นราบ ราดันสามารถวิ่งได้ด้วยความเร็วเท่ากับม้า แต่สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ บึงน้ำพวกนี้เป็นพิษ หากจะขี่ม้าก็เป็นเรื่องยากแล้ว แต่ราดันมีพื้นฐานเป็นงูจึงไม่ได้รับผลกระทบจากบึงน้ำ อาร์คเลือกเผชิญหน้ากับกลุ่มโจรในบึงน้ำก็เพราะทราบดีว่าสามารถหลบ หนีได้ทุกเมื่อ
“ไปกันราดัน!”
ตึก ตึก ตึก ตึก!
ราดันเคลื่อนขากิ้งก่าที่สั้นของมันวิ่งผ่านบึงน้ำไปอย่างว่องไว