ตอนที่ 465 : ต้นตอของอาการ
ของอาการ
“เฮ้อ!”
อาร์คที่ออกมาด้านนอกบ้านแล้วถึงกับต้องสูดลมหายใจเข้าลึก เพื่อพยายามสงบอารมณ์ตัวเอง มันเป็นแค่ชั่วครู่เท่านั้น อาร์คทราบดีว่าหญิงวัยกลางคนกับแม่ของเขาในห้อง ICU คล้ายเกิดภาพทับซ้อนกันจนเขาต้องเกิดอาการหายใจถี่รัว เขาอยากจะสลัดความรู้สึกนั้นออกไป ในตอนที่ใช้การเยียวยาเรียบร้อย เขาไม่ลังเลเลยที่จะก้าวเดินออกมาข้างนอก ตารุนที่ออกตามหลังอาร์คมาพลันกล่าวขึ้น
“ขอบคุณเจ้ามากจริง ๆ ในช่วงไม่นานมานี้ อาการของเธอแม้จะใช้ยาแก้ปวดก็เอาไม่อยู่แล้ว และครั้งนี้ก็หนักมากขึ้น แต่เพราะได้เจ้าช่วยไว้ต้องขอบคุณจริงๆ ถ้าหากมากาเร็ต อา เป็นชื่อแม่ของรอนนี่นะ ข้าไม่ทราบเลยว่ารอนนี้จะทํายังไงหากเกิดอะไรขี้นกับมากาเร็ต”
“คุณมากาเร็ตเป็นโรคอะไรครับ?”
“ข้าไม่ทราบ
ตารุนถอนหายใจอย่างอับจน
“ความจริงข้านั้นเป็นหมอยา ก็นะ ข้าไม่ได้รับการฝึกตามฉบับแบบแผนหรอก แต่ข้าได้รับความรู้จากการรับฟังหมอชาวเมืองของซิเอล”
ตารุนพูดเสียงเบาขณะยังพูดต่อไป
“เจ้าคงเข้าใจเพียงแค่เห็นที่นี่ ประชากรของที่นี่ไม่สามารถจ่ายค่ายาราคาแพงจากซิเอลได้ไหว โชคยังดีที่พวกเราสามารถรักษาอาการปวยหลายอย่างได้ไม่ยาก แต่เมื่อประมาณปีก่อนละมั้ง? ในตอนนั้นประชากรของที่นี่กลับเริ่มมีอาการแปลกประหลาดเหมือนอย่างมากาเร็ต และยาก็ไม่คล้ายจะส่งผลดีต่อการรักษาโรคนี้ด้วย”
“มีคนอื่นที่เป็นโรคนี้เหมือนกันเหรอครับ?”
“ใช่ น่าประหลาดที่ประชากรของซิเอลไม่เป็นอะไรเลย มีเพียงแค่ประชากรที่นี่เท่านั้นที่ล้มป่วยด้วยโรคลึกลับ แล้วก็น่าประหลาดใจนัก เด็กที่มีภูมิต้านทานอ่อนแอกลับสบายดี มีเพียงแค่ผู้ใหญ่เท่านั้นที่เป็น โดยเฉพาะมากาเร็ต เธอมีอาการรุนแรงมาก นั่นก็เลยทําให้รอนนี่…”
ตารุนมองไปยังบ้านไม้ด้วยความเศร้าหมองหม่นและอธิบายต่อ พ่อของรอนนี่เสียชีวิตไปเมื่อนานมาแล้ว เพราะแบบนั้นจึงเหลือเพียงแค่รอนนี่กับแม่ แน่นอนว่าอยู่ในที่แบบนี้ย่อมไม่ใช่ชีวิตที่สมบูรณ์อะไร ถ้าหากพวกเขาพอจะมีคงไม่ต้องอาศัยอยู่ในสลัมเช่นนี้ และแม่ของเขาก็ทํางานหนักเพื่อให้รอนนี้ได้มีชีวิตที่สุขสบายขึ้นแม้สักเล็กน้อยก็ยังดี แต่แล้ววันหนึ่ง แม่ของรอนนี่กลับได้รับอาการป่วยไข้ที่ไม่สามารถวินิจฉัย และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นชีวิตอันยากลําบากของรอนนี่
“ตั้งแต่ตอนนั้น รอนนี่เริ่มหางานทําในซิเอลเพื่อนําเงินมาซื้อยาให้มากาเร็ต แต่ในซิเอลก็ไม่มีงานให้ผู้อยู่อาศัยจากสลัมทํามากนัก ในกรณีของข้าโชคดีที่ได้ช่วยงานให้หมอยาในเมือง”
ทว่า รอนนี้ในตอนนั้นอายุเพียงแค่สิบขวบ มีงานเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่สามารถทําได้ เพราะยังเด็ก งานแบกหามสิ่งของไม่อาจทํา บางครั้งก็โดนพ่อค้าใจทรามหลอกใช้และไม่ให้สิ่งตอบแทนอะไรกลับมาเลย และด้วยท่าทีของประชากรในซิเอลยิ่งทําให้เรื่องราวยากเย็นมากขึ้น เมื่อเด็กชายจากสลัมถูกพบเห็นในบริเวณเมือง บ่อยครั้งเขาจะต้องโดนก่นด่าสาปแช่งหรือโดนเด็กรุ่นเดียวกันทําร้ายร่างกาย
“ถ้าหากเป็นแค่นั้นก็ยังพอทนรับ และไม่นานมานี้ประชากรของซิเอลก็ยิ่งเกลียดชังประชากรของสลัมมากขึ้น มันเป็นเรื่องน่าเศร้าที่พวกเขาไม่เคยมองผู้คนเหล่านี้เป็นผู้ที่อยู่ร่วมเมืองเดียวกัน”
“ครับ? ทําไมกันล่ะ?”
“ดังที่ข้ากล่าว อาการของมากาเร็ตเริ่มมีเมื่อปีก่อน จากนั้นไม่นานประชากรอื่นของสลัมก็เริ่มมีอาการเช่นเดียวกัน พวกเขาคิดว่ามากาเร็ตเป็นตัวแพร่เชื้อต่อประชากรอื่น พวกเขาไม่อยากให้ประชากรสลัมโผล่ที่เมืองเพราะเกรงว่าโรคจะแพร่กระจาย”
อาร์คนึกถึงตอนที่เจอรอนนี่ครั้งแรก ตอนนั้นรอนนี่ต่างก็มีแผลตามตัว ครั้งนั้นเข้าไม่คิดว่าจะมีอะไรสําคัญ แต่เขากลับเห็นภาพก็ตอนที่ตารุนบอกเล่า บาดแผลของรอนนี่เกิดจากประชากรของซิเอล เพียงเพราะเขามาจากสลัมและเป็นลูกชายของคนที่คิดว่าเป็นต้นตอของโรค
“แล้วคุณไม่ติดเชื้อเหรอครับ?”
“ข้าสบายดี ประชากรของสลัมเกิดอาการปวยไข้ แต่ข้ากับรอนนี้ที่ใกล้ชิดกับมากาเร็ตกลับสบายดี เพราะอะไรกันล่ะ?”
ตารุนพูดไปก็ถอนหายใจหนัก
“เพราะเรื่องพวกนั้น รอนนี่แทบไม่สามารถทําอะไรได้ ที่ทําได้มีเพียงแค่อดทนต่อการถูกทุบตีและคําก่นด่า เด็กคนนั้นอาจคิดว่าถ้าเผยท่าที่เป็นปฏิปักษ์ออกไปอาจจะโดนขับไล่ได้ เฮ้อ”
กระทั่งว่าโดนกลั่นแกล้ง รอนนี้ก็ยังคงเข้าและออกซิเอลเพื่อหาเงิน เมื่อรวบรวมเงินได้ เขาจะไปหาตารุนและซื้อยากับสมุนไพรจํานวนหนึ่งมา ในตอนที่ไม่มีเงินมากพอจะซื้อยาราคาแพง เขาจึงขอให้ตารุนช่วยทํายาให้ ทว่า ไม่ว่าจะสมุนไพรใดก็คล้ายไม่ช่วยมากาเร็ตเลย ยิ่งเวลาผ่านไปอาการยิ่งแย่ลง มีเพียงแค่ยาแก้ปวดที่ช่วยบรรเทาได้บ้าง และวันนี้มันก็เริ่มขึ้นวันที่ยาแก้ปวดไม่ได้ผล
“ยาแก้ปวดก็เป็นยา หากใช้มากเกินไปก็อาจทําให้เกิดอาการดื้อยาได้ วิกฤตครั้งนี้รอดพ้นเพราะเจ้า แต่ในอนาคตนั้นน่าเป็นห่วงนัก มากาเร็ตคล้ายจะไม่สามารถทนได้อีกนาน ถ้าหากเธออาการทรุดลงอีกครั้งหรือสองครั้ง เขากลัวว่า…”
ตารุนหยุดพูดไปและถอนหายใจกับความคิดนั้น
“เรื่องราวเป็นแบบนี้?”
ตอนที่พบรอนนี่เขาก็สงสัยเหมือนกัน เขาทราบเพียงมองแค่ครั้งเดียว เหตุผลที่เขารู้สึกผิดอย่างประหลาดก็เพราะรอนนี่มีชีวิตวัยเด็กที่ยากลําบาก รอนนี่ไม่เคยพูดอะไรเลยก็จริง แต่อาร์คทราบด้วยตัวเองว่าอีกฝ่ายคล้ายกับเขายิ่งนัก เพื่อรักษาแม่ที่ป่วย เขาต้องทํางานต่อหน้าผู้คนที่มองเขาด้วยความเฉยชา อาร์คทราบความรู้สึกของรอนนี่ยิ่งกว่าใคร ความรู้สึกสิ้นหวังที่ทําให้อยากจะก่นด่าสาปแช่งโลกใบนี้… ทําไมถึงไม่มีใครเข้าใจ? ทว่าเขานั้นเข้าใจดียิ่งกว่าใคร
“เราอยากช่วย
ความปรารถนานี้แรงกล้าภายในใจของอาร์คโดยทันที เขาไม่เคยต้องการช่วยผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนมาก่อน ความรู้สึกเช่นนี้มันเริ่มมีก็นานมาแล้วเพราะโลกที่โหดร้าย และตอนนี้ “การเยียวยา” ไม่ใช่การรักษา มันช่วยบรรเทาอาการป่วยของผู้ป่วยได้ แต่ทักษะนี้ไม่สามารถรักษาอาการป่วย กระทั่งว่าอาร์คจะแสดงความจริงใจจนเกิดการเยียวยาปาฏิหาริย์ขึ้นมา สถานการณ์ก็จะไม่เปลี่ยนไปมากนัก หากมองจากผลลัพธ์โดยรวมของการเยียวยาปาฏิหาริย์ในอดีต อย่างมากก็ช่วยให้เขาได้ยึดโอกาสการรักษาโรคออกไป มันไม่ใช่การรักษาอย่างแท้จริง
“แต่ถ้าการเยียวยาปาฏิหาริย์ทํางานในตอนนี้ มันจะช่วยให้หลายอย่างดีขึ้นได้ เพียงแค่เท่าที่เห็นเมื่อครู่ คุณมากาเร็ตไม่น่าจะอยู่ได้อีกนานนัก
อาร์คถึงกับเกิดความคิดบ้าบินจึงบุกเข้าบ้านอีกครั้งเพื่อใช้การเยียวยากับมากาเร็ต แต่พอคิดย้อนกลับไป การเยียวยาปาฏิหาริย์ไม่ใช่อะไรที่ตั้งใจทําให้เกิดขึ้นได้ กระทั่งว่าเป็นสถานการณ์เร่งด่วนก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่ามันจะปรากฏออกมา
“เราอยากช่วยผู้หญิงคนนี้ ครั้งนี้เราอยากเสนอตัวช่วยยิ่งกว่าครั้งไหน ถ้าหากมันทํางานตอนนี้ก็น่าจะดี แต่ถ้ามันไม่ทํางานล่ะ?
อาร์คก่นด่าตัวเองที่ไม่สามารถใช้การเยียวยาปาฏิหาริย์ได้ดังใจ
แต่ความคิดหนึ่งก็ปรากฏขึ้น
“รอนนี่พยายามใช้สมุนไพรแทบทุกชนิด แต่อาการของคุณมากาเร็ตยังไม่ดีขึ้น? เราเคยมีประสบการณ์กับเรื่องแบบนี้มาก่อน!”
นึกย้อนไปถึงตอนที่เขาพบกับเผ่าแกลถิ่นที่เจอปัญหาอาหารเป็นพิษ ในตอนนั้นการเยียวยาปาฏิหาริย์ก็ไม่ทํางาน เวทมนตร์รักษาฟื้นฟูของลาริเอ็ตเต้ก็ไม่ได้ผลเช่นกัน มันเป็นเพราะอาการอาหารเป็นพิษของเผ่าแกลดิ้นไม่ใช่โรค เผ่าแกลดิ้นกินอาหารที่ปนเปื้อนจนเกิดอาการอาหารเป็นพิษต่างหาก
“แล้วถ้าหากคุณมากาเร็ตเป็นอย่างเดียวกันนี้ล่ะ? มันต้องมีคําอธิบายว่าทําไมการเยียวยาปาฏิหาริย์ถึงไม่ทํางาน การเยียวยาปาฏิหาริย์เป็นทักษะที่จะทํางานเพื่อรับมือโรคภัย เพราะแบบนั้นตอนที่เผ่าแกลดิ้นอาหารเป็นพิษมันถึงไม่ได้ผล เพราะการรักษาโรคภัยไม่ใช่คําตอบ”
และเขาก็นึกได้ จุดแดงและดําบนร่างกายของมากาเร็ตคล้ายเผ่าแกลดิ้นเมื่อตอนนั้น
“ตอนนี้ได้แต่คิดแบบนั้นแล้ว การเยียวยาไม่ได้มีประโยชน์ในสถานการณ์นี้
“รอนนี่ ดูแลแม่ของนายให้ดี ฉันจะออกไปตรวจสอบอะไรหน่อย”
อาร์คปลอบรอนนี่ขณะออกจากบ้านไปอีกครั้ง อาร์คเคยรักษาอาการอาหารเป็นพิษของเผ่าแกลดิ้นด้วยวิธีอื่น วิธีการที่อาร์คใช้คือการตรวจสอบพื้นที่แถบนี้ว่ามีต้นตอของพิษหรือไม่ และจากนั้นค่อยนําไปสู่การสร้างยาถอนพิษ
“เอ็นพีซีปกติคงไม่ไปหยิบและกินวัตถุดิบประหลาดอย่างชาวแกลดิ้นแน่ แต่เพราะพวกเขายากจนบางครั้งก็อาจกินวัตถุดิบประหลาดเข้าไป มันต้องมีเหตุผลว่าทําไมมีแต่ประชากรของสลัมที่ ปวย ที่ประชากรของซิเอลไม่เป็นไรเพราะพวกเขาไม่มีทางกินวัตถุดิบประหลาดแน่ เราต้องตรวจสอบให้ละเอียด
สถานที่แรกคือธารน้ําแถวสลัม หากจะมีอะไรปนเปื้อนในพื้นที่ต้นตอแรกที่น่าสงสัยคือแหล่งน้ําที่สามารถส่งผลเป็นวงกว้างได้ ดังคาด เขาพบข้อมูลต้องสงสัยเมื่อใช้การวินิจฉัยวัตถุดิบกับน้ําจากธารน้ำ
น้ําธรรมดาจากธารน้ําที่ไม่ค่อยสะอาดนักซึ่งไหลผ่านบริเวณสลัม ซิเอลสามารถนําไปใช้เป็นอาหารได้
*ข้อมูลเพิ่มเติมขั้นสูง : น้ํานี้คล้ายธรรมดา แต่หากพิจารณาให้ดี น้ําที่ไหลอยู่ในธารใกล้สลัมค่อนข้างไม่สะอาด น้ําที่ไม่สะอาดอาจเกิดจากมลพิษที่ร้ายแรง โชคดีที่ไม่มีสัญญาณว่ามีมลพิษร้ายแรง แต่ชนรุ่นหลังต้องระมัดระวังให้ดี ความเสียหายนานเพียงแค่หนึ่งปีอาจต้องใช้เวลานานนับสิบปีเพื่อแก้ไข
“ไม่ต้องสงสัยเลย นี่แหละสาเหตุ!”
หลังจากทําการยืนยันข้อมูลของน้ําจากธารน้ํา อาร์คเลือกหยิบวัตถุดิบใกล้เคียงขึ้นมา ในเมื่อไม่มีระบบชลประทาน สภาพแวดล้อมที่ปนเปื้อนสามารถทําให้เกิดปัญหารุนแรงในนิวเวิลด์ได้ อย่างแรกเลยคือมันจะส่งผลกระทบให้สภาพแวดล้อมเกิดการปนเปื้อน แม้ว่าหน้าต่างข้อมูลจะแจ้งว่าตอนนี้ระดับยังไม่รุนแรง แต่เขาไม่ทราบว่าหากวัตถุดิบได้รับน้ําไม่สะอาดพวกนี้เข้าไปจะเกิดอะไรขึ้น วัตถุดิบอาจเกิดความเปลี่ยนแปลงเพราะการปนเปื้อนจนเกิดเป็นพิษ ในโลกความจริง ไม่ใช่ว่าสารก่อมะเร็งก็เกิดขึ้นจากอาหารที่เติบโตในสภาพแวดล้อมที่ปนเปื้อนหรอกหรือ?
“มันต้องมีองค์ประกอบพิเศษซ่อนอยู่ในวัตถุดิบแล้วทํางานจนทําให้เกิดเรื่องขึ้น ถ้าเราหาวัตถุดิบต้นตอเจอและใช้การคัดแยกตัวยาของอาชีพผู้บูชาอาหาร เราน่าจะทํายาแก้พิษเบื้องต้นได้ แต่ถ้าต้องใช้เทคนิคของผู้บูชาอาหาร หม้อการทําอาหารเพื่ออยู่รอดคือสิ่งจําเป็น
อาร์คมองวัตถุดิบด้วยสีหน้าทุกข์ใจ ตอนนี้อาร์คฝากหม้อเอาไว้ที่สมาคมเวทมนตร์ ต่อให้เขาอยากช่วยเหลือประชากรของสลัมแห่งนี้มากแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถที่จะทิ้งเม็ดยาอมตะที่จะสําเร็จในอีกสี่สิบชั่วโมงได้จริงๆ และสี่สิบชั่วโมงนั้นคือเวลาจริง มันเทียบเท่ากับหนึ่งร้อยยี่สิบชั่วโมงของเอ็นพีซี หรือก็คือห้าวัน หากมากาเร็ตเกิดอาการทรุดลงอีกครั้ง เขาก็ไม่กล้าพูดว่าเธอจะรอด
อา จริงด้วย!”
อาร์คเป็นกังวลอยู่พักหนึ่งก่อนจะนึกขึ้นได้ ตารุนเป็นหมอยาของสลัมแห่งนี้ กระทั่งว่าอีกฝ่ายไม่ทราบเรื่องธารน้ํามีสารเจือปน แต่ยังไงก็เป็นหมอยา อีกฝ่ายน่าจะมีอุปกรณ์สําหรับจัดการกับสมุนไพร เมื่ออาร์คกลับไปที่สลัม ตารุนก็ให้อนุญาตทันที นับว่าเป็นคนที่ตรงไปตรงมาไม่น้อย
“ถ้าหากเจ้าสามารถรักษาประชากรที่นี่ได้ ไม่ว่าจะอะไรข้าก็ยินดีช่วย”
“ขอบคุณมากครับ งั้นรบกวนช่วยผมหน่อยนะครับ”
อาร์คจัดแจงนํายาสมุนไพรไปยังบ้านของตารุนและเริ่มทํางานโดยทันที ซึ่งมันก็ไม่เหมือนฟังก์ชั่นอัตโนมัติของหม้อทําอาหารเพื่ออยู่รอด เขาจําเป็นต้องใช้การควบคุมด้วยตัวเองโดยผ่านอุปกรณ์ของตารุน แต่ด้วยความพยายามมันก็ทําให้เขาสามารถตรวจสอบวัตถุดิบได้
วัตถุดิบนี้ไม่สามารถเข้ากันได้!
“ให้ตายสิ!”
อย่างไรแล้วงานนี้ไม่ใช่ง่ายเหมือนที่คิดไว้ แม้เขาจะพยายามแยกองค์ประกอบจากพืชหลายอย่าง แต่ไม่มีตัวไหนที่เข้ากันได้กับน้ําจากธารน้ําเลย
“ หรือมันจะมีวัตถุดิบอื่น?”
“ไหนดูหน่อย? แต่นี่ก็น่าจะครบแล้วนะ…”
ตารุนเกาศีรษะขณะตอบกลับมา แน่นอนว่ามันต้องมีวัตถุดิบซึ่งตารุนไม่ทราบ ทว่า ผู้คนส่วนใหญ่ของสลัมต่างได้รับพิษกันถ้วนหน้า มันก็ต้องหมายถึงวัตถุดิบธรรมดาแน่นอน ถ้าหากไม่มีวัตถุดิบอื่นอีกล่ะก็
“เดี๋ยวนะ คุณมากาเร็ตเป็นคนแรกที่มีอาการตั้งแต่หนึ่งปีก่อน ถ้าหากวัตถุดิบนั้นเป็นต้นตอของโรค ก็ไม่ใช่ว่ามันต้องยังอยู่แถวนี้หรอกเหรอ? เพียงแค่หนึ่งปีระบบแวดล้อมไม่น่าจะเปลี่ยนไปได้เลยนี่นา”
อาร์คเมื่อนึกขึ้นได้จึงถามตารุน
“ หนึ่งปีมานี้มีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างไหมครับ?”
“อะไรเปลี่ยนแปลง? นึกก่อนนะ ข้าไม่คิดว่ามีอะไรใหญ่โตนะ”
“อะไรก็ได้ครับ”
“พอมาคิดดูแล้ว โรงงานเซรันน่าจะเริ่มกิจการในซิเอลช่วงนั้นพ
“โรงงานเซรัน?”