สามีข้า… คือพรานป่า
ตอนที่ 192 อับอาย
“ยังหน้าด้านมีหน้ามาโอ้อวดอีกงั้นรี บอกลูกสาวตัวเองเป็นคนรู้ความมีมารยาทพอเห็นนายน้อยหลีก็อยากจะกระโจนเข้าไปหาทําไมเจ้าไม่ไปเรียนรู้จากเฉินผิงอันล่ะ และส่งลูกสาวตัวเองไปที่เตียงนายน้อยหลี่ซะเลย!”
เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านได้ยินอย่างนั้น ใบหน้าพลันบิดเบี้ยวเปลี่ยนเป็นหน้าเกลียดไม่ว่านางจะทําตัวแย่เพียงใด แต่นางก็ยังไม่อาจเทียบเท่าคนอย่างเฉินผิงอันได้มิใช่หรือ?!
“หยุดเดี๋ยวนี้! พวกเจ้าเอะอะโวยวายเพื่ออะไรจะสร้างความวุ่นวายเพื่ออะไรกัน?”
ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านกระโจนเข้าไปหมายจะตบตีอีกครั้งแต่เฉินฉ่เกินคว้าตัวของนางได้ทัน ในขณะนั้นเขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะสงสัยสตรีที่จิตใจอ่อนโยนผู้นั้นสามารถทะเลาะตบตีกับผู้อื่นได้ขนาดนี้เชียวหรือ?
“ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน อย่าได้ลําเอียงแล้วเข้าข้างภรรยาตัวเอง! ทุกคนรู้ดีแม้ลูกสาวของข้าจะไม่เอาไหน แต่ลูกสาวของเจ้าดีอย่างไร? อย่างน้อยข้าก็ไม่เคยจะให้เจียวเจียวไปแต่งงานกับคนที่นางไม่ชอบแต่ตอนนี้เจ้าพยายามที่จะทําใหบุตรสาวไร้ยางอายเช่นนี้ต้องแต่งออกไปเป็นนางบําเรอผู้อื่น!”
ยิ่งได้ยินอย่างนั้น ใบหน้าของเขายิ่งดําคล้ําขึ้น จึงหันกลับมาตะคอกใส่ภรรยาของตนอย่างรุนแรง “ทําข้าขายหน้าพอหรือยัง?ไสหัวกลับบ้านไปเดี๋ยวนี้!”
ภรรยาของเขากลับทิ้งตึงใส่ แต่ก็รู้ว่าสามีนั้นรักในศักดิ์ศรีมากเพียงใดหากยังคงยืนกรานไม่อ่อนข้อ กลับบ้านไปคงไม่พ้นถูกทุบตีอย่างหนักแน่
แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยลงมือกับภรรยานักแต่หากยังยั่วโมโหมาก ๆเกรงว่าอาจไม่มีข้าวกินหลายวัน!
ลําคอนางหดลงเล็กน้อยก่อนจะเดินกลับบ้านไปอย่างไม่เต็มใจการมีเรื่องทะเลาะวิวาทเช่นนี้ ไม่ว่าจะคิดมุมไหน นางก็มีแต่เสียเปรียบ
เมื่อเห็นภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านจากไป ความหยิ่งยโสของหลี่ชุนเถียวก็เพิ่มพูนมากขึ้น
“หัวหน้าหมู่บ้าน ข้าได้ยินว่าท่านก็เคยสั่งสอนลูกสาวท่านคงเข้าใจเหตุผลและปฏิบัติตามกฏ ไม่รู้ว่าการที่เกิดเรื่องเช่นนี้ ท่านวา งแผนจะให้ลูกสาวแต่งเข้าบ้านผู้ใดหรือ?”
หัวหน้าหมู่บ้านเผยสีหน้าเขียวคล้ํา “เจ้า! อย่าลําพองตัวเองไปหน่อยเลยการที่มาโวยวายอยู่ที่นี่ตอนนี้ เจ้าก็ไม่ต่างกับตัวตลกให้คนในหมู่บ้านรับชมมีแต่งผลเสียสําหรับชื่อสียงของลูกสาวทั้งสองคนในเมื่อไม่มีอะไรแล้วก็ถอยหลังคนก้าวแล้วกัน แยกย้ายกันไปได้แล้ว!”
ในตอนนั้นนางจึงรู้ว่าไม่สมควรล่วงเกินหัวหน้าหมู่บ้านมากไปกว่านี้ก่อนหน้าจะเกิดเรื่อง หัวหน้าหมู่บ้านช่วยหยุนเถียนเถียนอย่างเต็มกําลังแต่เมื่อเป็นลูกสาวของนางทําไมจึงถูกปฏิบัติอย่างแตกต่างเช่นนี้?
ก่อนหน้านี้นางเกรงว่าชื่อเสียงฉาวโฉ่ของลูกสาวตนจะทําให้ถูกขับไล่ออกจากหมู่บ้าน ทว่าตอนนี้แม้แต่ลูกสาวของหัวหน้าหมู่บ้านก็สร้างเรื่องงามหน้าไม่แพ้เช่น จึงไม่มีสิ่งใดต้องกังวลอีกต่อไป!
“เมื่อหยุนเถียนเถียนมอบผลประโยชน์มากมายให้กับเจ้าวันนั้นเจ้าจึงปราบปรามพวกเราเพื่อนาง! แต่ตอนนี้เด็กสาวคนนั้นไม่มอง แม้แต่หน้าของเจ้าด้วยซ้ําไม่แม้แต่จะให้เกียรติเจ้าในฐานะหัวหน้าหมู่บ้านแต่เจ้าก็ยังคิดปกป้องนางงั้นหรือ? ชื่อเสียงของเจ้ามันยังสําคัญหรือไม่?”
หัวหน้าหมู่บ้านรู้ว่าตัวเองเป็นคนไร้เหตุผล ถึงแม้ในใจจะรู้สึกเคียดแค้นหยุนเถียนเถียน แต่ต่อหน้าผู้คนเขาไม่มีทางระบายความแค้นของตัวเองออกมาได้
“เรื่องภายในครอบครัว เจ้าอย่ามายุ่งถ้าว่างนักก็ไปดูลูกสาวตัว
เอง!”
พูดจบหัวหน้าหมู่บ้านก็หันหลังเดินกลับบ้านไป เขาไม่อาจยืนอยู่ตรงนี้ได้นานนักเพราะใบหน้าร้อนผ่าวจนชาแล้ว!
เมื่อหยุนเถียนเถียนรับชมละครน้ําเน่าจบ นางจึงเดินกลับบ้านอย่างสบาย ๆ ส่วนหยุนเคอถึงกับยิ้มออก เขาไม่คิดว่าสาวน้อยจะชื่นชอบการทะเลาะวิวาทที่น่ารําคาญเช่นนี้
แต่ทันทีที่กลับมาถึงบ้าน เถียนเถียนหยุดนิ่งพร้อมกับเอามือทุบศีรษะตัวเองด้วยความหงุดหงิด
“แย่แล้ว! มีเรื่องหนึ่งที่ยังไม่ได้ให้หัวหน้าหมู่บ้านจัดการให้เรียบร้อยยิ่งไปล่วงเกินเขาแบบนั้นยิ่งทําให้มันยากขึ้น”
หยุนเคอมองนางด้วยความสับสน แล้วเขาก็จําได้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น… นางขับไล่ทุกคนออกไปด้วยความโกรธตอนนี้นางคงตระหนักได้แล้วว่ายังมีงานที่ยังทําไม่เสร็จ
“พี่ใหญ่หยุน ข้าได้ยินมาว่าก่อนจะเข้าสอบ เฉินเฉินต้องถูกตรวจสอบความโปร่งใสของบรรพบุรุษถึงสามชั่วอายุคน! ขากําลังคิดว่าจะหาครอบครัวที่รับอุปการะเฉินเฉิน… แต่เรื่องนี้ยังไม่ทันแล้วเสร็จข้าก็ทะเลาะกับหัวหน้าหมู่บ้านก่อน หากข้าต้องไปขอร้องให้เขาจัดการให้คงดูไม่ค่อยดีนัก”
“ข้ามองว่าหัวหน้าหมู่บ้านไม่ได้แตกต่างจากพวกขุนนางชั่วๆไม่แน่เขาอาจจะใช้เหตุผลพวกนี้มาแก้แค้นข้าก็ได้”
หยุนเคอได้ฟังอย่างนั้นจึงยิ้มออกมา คราวแรกเขาคิดว่าเถียนเถียนจะกังวลเรื่องที่ยิ่งใหญ่กว่านี้เสียอีก
“ผู้เฒ่าในหมู่บ้านต่างตั้งรอความสําเร็จของลูกหลานพวกเขา มีเป้าหมายเช่นนั้นจึงยังมีชีวิตอยู่ มันจะดีกว่าหากเจ้าฝากฝังเฉินเฉินไว้กับพวกเขา”
หยุนเถียนเถียนถอนหายใจอย่างโล่งอก “โอ๊ย ทําไมข้าโง่เช่นนี้ทําไมถึงคิดไม่ออกนะ แม้ว่าตาแก่จะรับมือยากแต่ก็ดีกว่าหัวหน้าหมู่บ้านหลายเท่า
หยุนเถียนเถียนคิดอยู่พักหนึ่ง เพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยากนางต้องเร่งจัดการเรื่องทั้งหมดให้เร็วที่สุดเมื่อคิดได้อย่างนั้นแล้วจึงยกไหเหล้าในบ้านแล้วรีบเดินไปบ้านของท่านปูทันที
สําหรับอาวุโสคนอื่น เถียนเถียนไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวแต่สําหรับหัวหน้าหมู่บ้านนั้นแตกต่างกันไป เขาเข้าถึงได้ง่ายกว่าแต่ก็มีความลําเอียงไม่น้อยแต่คราวนี้เรื่องทั้งหมดเป็นประโยชน์กับเฉินเฉินนางเชื่อว่าผู้อาวุโสทั้งหมดจะตอบตกลง
อาวุโสทั้งหมดล้วนแต่อายุมาก พวกเขาสนุกกับการจับจ่ายและเพลิดเพลินไปกับหลานชาย ที่บ้านมีแต่ความสะดวกสบายให้ใช้สอยชายชรานั่งอยู่ใต้ต้นพุทราใหญ่หน้าลานบ้าน เขามองดูห ลานสองสามคนวิ่งไปมาอย่างสนุกสนานที่ใต้ต้นไม้
หยุนเถียนเถียนเดินเข้ามาในลานบ้าน นางถอนหายใจอย่างเหนี่อยหน่ายผู้คนในยุคนี้อายุยืนยิ่งนัก ชายชราตรงหน้านางอายุกว่าแปดสิบปีซึ่งมากที่สุดในหมู่บ้านแล้ว
แต่ดูเหมือนว่าเคล็ดลับของการอายุยืนจะไม่ใช่ความลับ ชายชราผู้นี้ดูผ่อนคลายราวกับไม่คิดสิ่งใด เขายิ้มจนตาหยีขณะมองลูกหลานวิ่งเล่นอีกทั้งยังหัวเราะอย่างสนุกสนานจนนางแอบประหม่าเล็กน้อยเพราะไม่ต้องการขัดจังหวะแห่งความสุข
“ท่านปู!”
ชายชราเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่สดใส “เถียนเถียน ทําไมมาอยู่นี่ล่ะมีอะไรให้ข้าช่วยงั้นรึ?”
“ข้าได้ยินมาว่าท่านชอบดื่มสุรายิ่งนัก ข้าได้รับสุราชั้นดีมาหนึ่งไฟจึงตั้งใจนํามันมาให้ท่าน แต่ข้ามีสิ่งหนึ่งที่อยากให้ท่านช่วย…”
ขณะพูด นางวางไหเหล้าไว้บนโต๊ะกลมในลานบ้านแล้ว
“สุราชั้นเลิศนี้ข้าไม่รีบร้อนจะดื่ม แต่เจ้าบอกมาเถิดว่าต้องการให้ข้าช่วยสิ่งใดข้าไม่คิดจะเอาเปรียบแน่ หากข้าช่วยได้จึงจะขอรับมันไว้แต่หากข้าไม่อาจช่วยเหลือเจ้าก็จงนํามันกลับไปเสีย
หญิงสาวยิ้มกว้างก่อนจะกล่าวออก “ท่านรู้ข่าวหรือไม่ ข้าส่งเฉินเฉินเข้าโรงเรียนแล้ว ปีหน้าเขาจะได้สอบคัดเลือก”
ชายชราถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก “เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมนักตระกูลเฉินของพวกเราไม่มีนักวิชาการมาเนิ่นนานแล้ว แม้ว่าจะมีหนึ่งหรือสองแต่ก็เท่านั้นเอง คนที่มีความสามารถนั้นหาได้ยากยิ่ง”
“เพียงแต่ท่านอาจจะยังไม่รู้ หากคิดจะสอบ ต้องมีบรรพบุรุษและลูกหลานสามรุ่นที่มีประวัติโปร่งใสและขาวสะอาดไม่ต้องพูดถึงเฉินผังอันหรือหลินชวนฮวา เพราะชาติกําเนิดเช่นนั้นทําให้เด็กคนนี้ล่าช้ากว่าเด็กคนอื่น”
ชายชรายิ้มก่อนจะกล่าวตอบ “แต่เจ้าก็ยังจะส่งเขาไปเรียนเช่นนี้อาจารย์คงจะยอมรับเขาแล้วเพราะมันมีวิธีแก้ไขใช่หรือไม่?”