สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 194 ห้องโถงบรรพบุรุษ
ตอนที่ 194 ห้องโถงบรรพบุรุษ
ชายชราหลับตาอยู่เนิ่นนานก่อนจะกล่าวต่อ “ตัวตนที่แท้จริงของนางไม่ธรรมดาแน่นอน หยุนเถียนเถียนไม่ใช่คนที่เราจะสามารถดูแคลนได้…”
“อีกอย่างแม้ว่าตอนนี้นางจะใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแต่อนาคตของนางช่างมั่นคงเจ้ารอดูเอาเถิดชายชราผู้นี้พบเจอคนมานักต่อนักแล้ว… ทําไมข้าจะมองไม่ออกว่าผู้ใดคือทองผู้ใดคือก
รวด…”
สะใภ้รองพยักหน้าอย่างจริงจัง นางไม่พูดขัดและเริ่มคร้อยตามท่านพ่อช่างมีวิสัยทัศน์กว้างไกลยิ่ง
นางแต่งงานเข้ามาและให้กําเนิดบุตรชาย เช่นนี้จึงสามารถแยกบ้านออกไปได้อย่างง่ายดาย มีพื้นที่ไม่กี่ไร่ให้นางได้ปลูกบ้านอยู่กันในครอบครัวทั้งหมดก็เพื่อหลีกเลี่ยงการทะเลาะเบาะแว้งของ เหล่าลูกชายไม่ต้องมีเรื่องบาดหมางระหว่างพ่อแม่สามีกับลูกสะใภ้ เพื่อให้พี่น้องรักใคร่กลมเกลียวเมื่ออยู่ห่างไกลทุกคนก็จะห่วงใยและคิดถึง จึงทําให้เกิดเป็นความรักเป็นสายใยในครอบครัว!
ผลลัพธ์ในตอนนี้ก็ชัดเจนแล้ว แม้ระหว่างพวกเขาบางครั้งจะมีการทะเลาะวิวาทบ้าง แต่ก็ไม่เคยมีความรู้สึกห่างเหินกันตอนนี้แม่สามีเสียชีวิตไปจึงเหลือเพียงท่านพ่อเท่านั้น
แม้นางจะไม่มีเวลา เพราะลูกสะใภ้ทุกคนทํางานอย่างหนักแต่เมื่อหลานคนใหม่จะเข้ามาอยู่ในตระกูล นางก็จะดูแลให้ดี
ชายชราเต็มเปี่ยมไปด้วยความเฉลียวฉลาดและใจเย็นเขามักจะเสนอแนวทางใช้ชีวิตให้กับคนรุ่นหลังอยู่เสมอ เช่นนี้จึงน้อยนักที่จะมีใครไม่ชื่นชอบเขา
“แต่ท่านพ่อ เราอาจจะทําให้เฉินผิงอันไม่สบายใจได้ แม้เขาจะไม่สนใจใยดีและขายลูกชายตัวเองไปแล้วแต่ตอนนี้เขาจะต้องเรียกลูกชายตัวเองว่าลุงข้าว่ามันต้องน่าอึดอัดใจไม่น้อย”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ขายชราก็นั่งลงและพ่นลมออกจมูกอย่างเย็นชา“ไอ้สารเลวนั่นไม่ใช่คนที่เราต้องเกรงใจแม้เราอาจทําให้เขาขุ่นเคืองใจแต่อีกฝ่ายย่อมไม่มีทางทําอะไรเราได้แน่ ยังไงซะคนไม่เอาไหนอย่างเขาไม่อาจหยุดการเติบโตของเหล่าลูกหลานตระกูลเฉินได้เจ้ารอดูเถิดบางทีเฉินเฉินอาจจะเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง ภายในสาม ปีเขาอาจจะมีชื่อเสียงโด่งดัง!”
“เจ้าอาจจะไม่รู้ว่า ญาติห่าง ๆ ของตระดูลเฉินอย่างเฉินซิ่วในที่สอนหนังสือในเมืองเคยเขียนจดหมายถึงตาแก่ผู้นี้ว่าให้ข้าดูแลเจ้าเด็กนี้ให้ดีอย่าให้ไข่มุกถูกฝุ่นตลบตาแก่คนนั้นมองขาดเสมอนาน ๆ ที่จะมีคนรุ่นหลังที่เจ้านั่นรับรองเห็นได้ชัดว่าเจ้าเด็กน้อยนี่ย่อมมีอนาคตที่ยอดเยี่ยมเป็นแน่”
ลูกสะใภ้อยากที่จะพูดอะไรบางอย่าง แต่ชายชรากลับโบกมีอห้ามไม่ให้นางพูดแล้วจึงพูดต่อว่า “ก็แขวนอยู่ใต้ชื่อข้าเป็นหลานชายนิรนามทรัพย์สินทั้งหมดของครอบครัวก็มอบให้พี่ของน้องเจ้าเช่นเดิมแม้เด็กนั่นจะวางแผนอะไรมันก็จะไม่มีทางสําเร็จยิ่งไปกว่านั้นจากความสําเร็จของหยุนเถียนเถียนแล้วเกรงว่าอาจจะไม่ถูกใจบ้านคนในบ้านเราสักสามส่วนในเมื่อเราสามารถขายน้ําใจได้โดยเสียเงินสักบาทแล้วทําไมเราจึงไม่ทําล่ะ?”
“ลูกคนโตอายุสั้นนัก เจ้าเป็นพี่สะใภ้ต้องบอกพี่น้องที่อยู่ข้างหลังให้ชัดเจนเจ้าเด็กนั่นจะไม่เอาเปรียบพวกเขาหรอกรอจนเด็กนั่นสอบผ่านจริง ๆ เราจะมีเกียรติไม่น้อยการค้านี้ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็คุ้ม!”
เดิมที่ลูกสะใภ้คนรองไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่ตอนนี้ท่านพ่อได้อธิบายเรื่องนี้อย่างชัดเจนบวกกับที่นางได้เห็นวิสัยทัศน์ของเขามาหลายปี การเป็นลูกสะใภ้คนรองและพี่สะใภ้ใหญ่ก็ถือว่ายอมรับความจริงข้อนี้แล้ว
จากนั้นวันรุ่งขึ้น ชายชราก็ใช้ฐานะของตนเองเรียกสมาชิกในตระกูลเฉินมารวมกันที่ห้องโถงบรรพบุรุษ
ต่อหน้าทุกคน เขายอมรับการคุกเข่าของเฉินเฉินจากนั้นก็เพิ่มชื่อในลําดับวงศ์ตระกูล
ขณะที่ทุกคนกําลังสงสัยว่าเฉินผิงอันจะรู้สึกอย่างไร ตอนนั้นเองเฉินผิงอันก็เดินเข้ามา
“ท่านปู ข้าเป็นเพียงคนไร้ประโยชน์ที่เกือบจะมาร่วมงานน่ายินดีเช่นนี้ไม่ได้เพราะเมามาย!”
ชายชราเผยสีหน้าโกรธา “มาไม่ได้ก็ไม่ต้องมา! ไอ้บัดซบนับวันยิ่งทําตัวเหิมเกริม ตั้งแต่เลิกเล่นการพนันก็เปลี่ยนมาดื่มเหล้าเมายาตอนนี้แขกมากมายกําลังจับจ้อง หากต้องการมีส่วนร่วมก็ไปนั่งลง ซะอย่าได้สร้างปัญหา!”
หลังจากเสียงอันน่าเกรงขามเงียบลงเหล่าแขกเหรื่อก็เริ่มพูดคุย
บางคนคิดว่าเฉินผิงอันไม่คู่ควรที่จะเปิดพ่อแม่ของใครเฉินเฉินไปเป็นหลานของท่านปูเพื่อสะดวกในการเข้าสอบนับว่าสมเหตุสมผลแล้ว
แต่แน่นอนว่าก็ยังมีคนไม่ดีอีก เช่นลูกสะไภ้ของเฉินซ่งและภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้าน
ภรรยาของเฉินซึ่งเป็นคนที่กล้าพูด นางอดไม่ได้ที่จะโกรธเมื่อฟังการสนทนารอบ ๆ ที่เอาแต่พูดถึงแต่เรื่องดี ๆ ของหยุนเถียนเถียน
“ถ้าจะให้ข้าพูด เรื่องนี้หญิงสาวตระกูลหยุนจัดการไม่ดีพอเฉินผิงอันมีลูกชายแท้ ๆ เพียงคนเดียวเท่านั้น หากเอาเด็กน้อยคนนั้นออกไปแล้วใครจะดูแลเขายามแก่เฒ่า?”
หยุนเถียนเถียนยิ้มอย่างเย้ยหยัน “ท่านจะสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ทําไมเจ้าคะป้าหลี่ ทําไมท่านต้องห่วงคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตนเองด้วยยิ่งไปกว่านั้นหากวันหนึ่งเฉินผิงอันไม่สามารถดูแลตัวเองได้เฉินเอ๋อจะไม่สนใจเขาจริง ๆ งั้นหรือ? ท่านต้องรู้ว่าบัณฑิตนั้นให้ความสําคัญกับชื่อเสียงยิ่งกว่าสิ่งใด”
เมื่อหลายคนได้ยินเรื่องนี้พวกเขาก็พยักหน้าอย่างใจเย็นแม้ว่าเฉินผังอันจะเลวแต่ก็ถือว่าเป็นพ่อแท้ ๆ หากเฉินเฉินมองดูเฉินผังอันอดตายจริง ๆ เขาคงไร้จิตสํานึกอย่างแท้จริง และนั่นย่อมส่งผลที่เลวร้ายต่อชื่อเสียงของเขา
“อีกอย่างต่อให้เขาไม่สนใจเฉินผิงอันจริง ๆ ก็ไม่เป็นไรเพราะตอนนั้นขาใช้เงินห้าสิบตําลึงซื้อความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูก ตอนนี้เอกสารอยู่ในมือของข้าเขาไม่ต้องการลูกชายคนนี้ ทําไมเฉิน เฉินต้องมอบอะไรให้เขาหรือ?การเรียกเขามาในวันนี้ก็เพียงเพื่อให้ รับรู้เท่านั้น!”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น นางถึงกับพูดไม่ออก จึงนั่งกลอกตาไปมาอย่างไม่เต็มใจและถอยหลังกลับไปสองก้าวเพราะสายตาของอาวุโส
อย่างไรซะตําแหน่งของภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านสูงกว่าอีกฝ่ายนางจึงยืนขึ้นเพราะต้องการแสดงตัวว่าไม่พอใจต่อเหตุการณ์นี้
หลังจากไตร่ตรองอยู่นาน นางยืนขึ้นพร้อมกับกล่าวคัดค้าน
“ท่านบอกกล่าวว่าการเลี้ยงบุตรบุญธรรมนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลอื่นทั้งหมดล้วนแต่เป็นเรื่องภายในครอบครัว แต่หากท่านปูทําเช่นนี้มันจะไม่เป็นการกระทําโดยพละการงั้นหรือ? ท่านสมควรจะถามความคิดเห็นของบุตรหลานในตระกูลเสียก่อน! แม้ว่าสตรีผู้นี้จะไม่ได้ต้องการให้ท่านปูเลี้ยงเด็กคนนี้ แต่หากมีคนอื่นคิดจะทํา เช่นนางอีกล่ะ ไม่ต้องช่วยกันไปตลอดงั้นหรือ?”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว ชายชราเผยสีหน้าเคร่งขรึมทันที “ชายชราเช่นข้าจะกระทําสิ่งใด ล้วนแต่ได้รับความยินยอมจากครอบครัวแล้วบุตรหลานของข้าล้วนแต่นั่งอยู่ในที่นี้ หากไม่เชื่อก็จงถามไถ่ พวกเขา!เฉินซ่ง…. แล้วเจ้ากล้าดีอย่างไรให้ภรรยาตนพูดคัดค้านข้าในสถานที่แห่งนี้? อีกทั้งช่วงหลังมานี้เจ้าเจริญรุ่งเรืองขึ้นไม่น้อย อย่าคิดว่าข้าไม่รู้อย่างไรซะข้าจะไม่พูดกล่าวให้มากความเพราะสุดท้ายเจ้าก็ยังเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน!”