สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 199 ไร้ยางอาย
ตอนที่ 199 ไร้ยางอาย
“เฉินเจียวเจียวยินดีที่จะตามนายท่านไป ข้าหวังว่านายท่านจะปล่อยท่านพ่อและท่านแม่ของข้า!”
เฉินเจียวเจียวก้มหัวลงด้วยความเขินอาย คอขาวเนียนโผล่ออกมาจากเสื้อ หลี่เฟิงจับจ้องต้นคอขาวระหงจึงเกิดอารมณ์พลุ่งพล่านออก
ชาวบ้านคนหนึ่งพลันถอนหายใจพร้อมกล่าวพึมพำ “แม้เฉินเจียวเจียวจะทำตัวแบบนี้ แต่นางก็กตัญญูยิ่งนัก… น่าเสียดาย
หลี่เฟิงถึงกับหมดอารมณ์ ในใจลอบหัวเราะอย่างเย็นชา ความกตัญญงั้นหรือ? จอมปลอมสิ้นดี ผู้หญิงคนนี้ก็แค่อยากปืนออกจากความยากจนเท่านั้น!
หลังจากหยุนเถียนเถียนฟังการตัดสินใจของเฉินเจียวเจียว มุมปากของนางก็กระตุกเช่นกันนางไม่คิดว่าเฉินเจียวเจียวจะมีพรสวรรค์ นางกล้าที่จะพูดแบบนี้ต่อหน้าคนที่แก่กว่าพ่อตัวเอง
หยุนเคอหลบอยู่หลังเสาเป็นเวลานาน เมื่อเห็นว่ามันกำลังจะจบแล้ว เขาจึงก้าวไปข้างหน้าเพื่อคว้ามือของหยุนเถียนเถียนเอาไว้ เขาได้ยินคำพูดที่เหมือนเถียนเถียนหึงหวงตนเอง แม้ไม่รู้ว่าเพราะอะไร หัวใจของเขาพลันเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นดีใจ
แต่ทันทีที่เฉินเจียวเจียวเห็นหยุนเคอ นางหยุดชะงักไปเล็ฏน้อย ถ้าเป็นไปได้ ใครจะไม่อยากแต่งงานกับชายหนุ่มที่แข็งแรงเช่นนี้ แต่ตอนนี้นางกลับได้คนที่อายุพอ ๆ กับบิดาตนเอง!
แต่เมื่อทั้งสองยืนอยู่ต่อหน้านาง หยุนเคอเต็มไปด้วยหนวดเครา ร่ายกายที่แข็งแกร่ง แต่กลับเย็นชา แต่หลี่เฟิงนั้นแตกต่างออกไป เขาเข้าถึงง่าย เป็นพ่อค้าและยังดูมี
น้ำใจ
ตาชั่งหนักไปทางหลี่เฟิงทันที
สิ่งเดียวที่นางต้องกังวลก็คือ นางอาจจะเป็นเพียงแค่อนอย่างแน่นอน ครอบครัวของหลี่เฟิงต้องมีภรรยาเอกอยู่แล้ว
หลีชุนเกียวกลอกตาไปมา จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าแบบนี้ก็ไม่เลวเลย แม้ว่าลูกสาวคนนี้จะอยู่ข้างกายนางไม่ได้ แต่ตอนนี้ในมือของนางมีถึงหนึ่งร้อยตำลึง หรืออาจจะสินสอดทองหมั้นเพิ่มอีกก็ย่อมได้
สิ่งสำคัญที่สุดคือการแต่งงานกับครอบครัวที่ดี ลูกสาวคนนี้ยังสามารถเติมเต็มบ้านของนางได้เมื่อนางแก่ตัวลงแต่ยังคงมีเงินอยู่ แค่นี้ชีวิตนางก็สุขสบายแล้ว
ดวงตาของหลี่เฟิงเป็นประกาย เห็นได้ชัดเลยว่าเขาเห็นด้วยกับความเห็นของหยุนเถียนเถียนตอนนี้ทุกฝ่ายกำลังพิจารณาข้อเสนอนั้น พวกเขาเลยไม่ได้สนใจนางมากนัก
หยุนเคอฉวยโอกาสนี้ดึงตัวเถียนเถียนออกไป ทั้งสองแยกตัวออกมาจากลานบ้านอย่างเงียบๆ จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังบ้านของตัวเอง แต่ก่อนที่จะจากไปนางมองไปที่หัวหน้าหมู่บ้านอย่างมีเลศนัย
เดิมที่หัวหน้าหมู่บ้านให้ความสนใจกับการกระทำของหยุนเถียนเถียนเป็นพิเศษ แต่ตอนนี้ยิ่งตกใจกับสายตาที่แฝงไว้ด้วยความหมายนั้น
แม้นางจะจากไปแล้ว แต่เขาก็ยังขนลุกขนพองจากแววตาเล่ห์เหลี่ยมนั้นยิ่ง
หยุนเวียนเถียนทิ้งคำแนะนำแล้วจากไป คนที่อยู่ตรงนั้นตัดสินใจเช่นไร หยุนเถียนเถียนก็ไม่คิดจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวแล้ว
ไม่นานหลังจากที่หัวหน้าหมู่บ้านกลับไป เขายิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแปลก แววตาของหยุนเถียนเถียนดูคุกคามเกินไป มันทำให้เขาไม่สบายใจยิ่ง
หยุนเสียนเถียนเป็นเพียงเด็กสาวอายุสิบปีกว่าเท่านั้น แต่เขากลับมองทางไม่ทะลุปรุโปร่ง! แต่ตอนนี้ชาวบ้านกำลังรอให้เขาช่วยแก้ปัญหา เขาจึงรีบกล่าวชื่อของหยุนเถียนเถียนออกไปหวังว่าจะรอดพ้นหายนะนี้ได้
ตอนนี้ดูเหมือนสถานการณ์จะไม่หยุดเพียงแค่นั้น เด็กนั่นมองความคิดของเขาออกอย่างชัดเจน
บ่ายวันนี้หัวหน้าหมู่บ้านไม่ได้ออกไปเดินเล่นแต่ตรงกลับไปที่บ้านของตนเอง
ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านรู้สึกถึงความผิดปกติของสามี จึงเอ่ยถาม “สามีข้า… เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ?”
ใบหน้าของเขาเผยความหวาดกลัวขณะกล่าวออก “เจ้าไม่เห็นที่ลานบ้านของเฉินนูเป็นงั้นรึ? หยุนเสียนเถียนไม่ธรรมดาเลย แค่คำพูดง่าย ๆ ไม่กี่ประโยคก็ช่วยแก้ปัญหาทั้งหมดได้แล้ว”
“ไม่เพียงแค่ทำลายความคิดที่หลี่เฟิงพยายามสร้างปัญหา แต่ยังเอานายน้อยหลี่มาขู่อีกด้วยอีกอย่างนางกำจัดคนที่อยากได้คู่หมั้นของตนอย่างง่ายดาย วิธีการแบบนี้มิใช่เด็กน้อยทั่วไปแล้ว!”
แต่ภรรยาของเขากลับกล่าวขัดแย้ง “สาวน้อยคนนั้นอายุเท่าไหร่กัน อะไรทำให้สามีคิดเช่นนี้ได้? ข้าคิดว่าแค่เห็นเฉินเจียวเจียวอยากหลบหนีความยากจน ก็เลยส่งตนเองไปเป็นอนผู้อื่น แต่ควรไปหาคนที่ดีกว่านี้ ดูหลี่เฟิงสิ อายุมากกว่าพ่อของนางเสียอีก”
“ข้ามองไม่ออกว่าเฉินเจียวเจียวกตัญญอย่างไร มันไม่มีอะไรไปมากกว่าการปีนป่ายหาอำนาจให้กับตัวเอง”
หัวหน้าหมู่บ้านพยักหน้าด้วยความเข้าใจ “ช่างมันเอะ พวกเราไม่ต้องสนใจเรื่องนี้แล้ว แต่เรื่องแต่งงานของไม่ดี เราต้องรีบหน่อย ข้าว่าเด็กตระกูลจางคนนั้นไม่เลวเลย”
ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านถอนหายใจออก “ถึงเจ้าเด็กนั้นจะดีแต่มันมีประโยชน์อะไรกัน ลูกสาวของเราไม่ชอบเขาตั้งแต่พบหน้า ข้ารับปากนางแล้วว่าถ้าไม่อยากแต่งก็ไม่ต้องแต่ง หากนางไม่เต็มใจ เราบังคับลูกไม่ได้”
“วันนั้นมีเรื่องหนึ่งที่ข้าสงสัย เจ้าบอกว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญที่ได้พบกับนายน้อยหลีที่นั่น และในตอนนั้นนายน้อยหลี่ก็เดินขึ้นไปชั้นบนงั้นหรือ?”
เดิมที่ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านทราบเรื่องนี้ดี แต่สุดท้ายแล้วนางก็ไม่ต้องการที่จะมองลู กสาวของตนในแง่ร้าย
“เหตุใดจึงไม่คิดบอกกล่าวเรื่องนี้กับข้า? บังเอิญอะไรกัน เมื่อสองสามวันก่อนนางไม่ได้เข้าเมืองไปงั้นหรือ? นางคิดทำสิ่งใดเจ้าไม่คิดสงสัยบ้างเลยหรือไร?”
“แล้วหลายวันมานี้ตระกูลจางส่งจดหมายมาบ้างไหม พวกเขาว่าอย่างไรบ้าง?”
ฝั่งภรรยาถึงกับถอนหายใจยาว “เด็กทั้งสองคน คนหนึ่งเอาแต่ก้มหน้าแก้มแดงไปถึงใบหูส่วนอีกคนก็ไม่สนใจอีกฝ่าย อย่างไรข้าเห็นนายน้อยจางดูชื่นชอบไล่อ แต่เหมือนจางชิวไฉไม่ค่อยชอบลูกสาวของเรานัก”
นางหยุดไปสักครู่ก่อนจะกล่าวต่ออย่างไม่ค่อยพอใจนัก “ข้าไม่เข้าใจเรื่องนี้เลย ก็แค่มี พรสวรรค์ทำไมต้องดูถูกลูกสาวของเราด้วย? คิดจริง ๆ หรือว่าลูกชายตัวเองจะเป็นหยกฝังทอง”
หัวหน้าหมู่บ้านส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “ข้ากลัวว่าจางชิวไม่ตาไม่คิดอย่างนั้น เขาคงดูออกว่าลูกสาวเราเป็นคนแบบไหน ดังนั้นจึงไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่”
“ข้าไม่เชื่อหรอก หรือว่าจางชิวไฉ่จะฉลาดขึ้น เขาดูออกได้อย่างไรว่าเราเป็นแบบไหน? ถ้าการที่เขาสอบซิ่วไฉได้ทำให้เขาฉลาดขึ้นหรือไร?”
“นอกจากนี้ได้เป็นคนแบบไหนกัน? นางเป็นคนฉลาด รอบรู้ มีเหตุผล เหตุใดนางถึงไม่คู่ควร?”