ตอนที่ 912: เทพเจ้าแห่งท้องทะเลออกมาปรากฏตัว
ในฐานะที่เป็นการโจมตีจากจอมยุทธอันดับหนึ่งของทวีปสัตว์เทวะ เขาได้ดึงดูดความสนใจของทุกคนจากทวีปสัตว์เทวะ นี่รวมถึงราชาเสือแลงคีรอสด้วย พวกเขาจ้องเขม็งไปที่การโจมตีของไคเซอร์
หอกที่ควบแน่นมาจากความแข็งแกร่งที่สุดยอดของไคเซอร์ได้ฉีกผ่านอากาศไป มันพุ่งลงไปที่มหาสมุทรด้วยพลังที่หยุดไม่ได้ และมิติก็ได้เปิดออกทุกที่ที่มันผ่านไป
หอกยังอยู่ที่กลางอากาศ มันยังไม่ได้แตะไปถูกน้ำเลย แต่แรงกดดันที่น่ากลัวของมันก็ได้ดันน้ำทั้งหมดขยายออกไปรอบ ๆ และทำให้ระดับผิวน้ำด้านล่างหอกต่ำลงไปอีก
ในตอนที่หอกแตะน้ำ น้ำก็หายไปทันที มันเผยให้เห็นหลุมดำที่นำทางไปสู่ก้นของมหาสมุทร
ในตอนนี้ เสาแสงสีฟ้าได้พุ่งออกมาจากม่านพลังที่ครอบคุลมอาณาจักรทะเลเอาไว้ มันปะทะเข้าโดยตรงกับหอกของไคเซอร์
ตู้ม !
เสียงดังอื้ออึงสนั่นมาจากทะเล พื้นผิวของน้ำเริ่มที่จะปั่นป่วน มันพุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็วและพุ่งขึ้นไปหลายพันเมตรเหนืออากาศด้วยคลื่นพลังงานที่รุนแรง
ม่านพลังสีฟ้าพุ่งขึ้นมาจากส่วนลึกของทะเล ม่านพลังที่ปกป้องทั่วทั้งอาณาจักรทะเลขยายขนาดหลายเท่าจากขนาดเดิมและพุ่งขึ้นมาเหนือน้ำ น้ำทะเลดันออกไปรอบ ๆ จากม่านพลังที่อยู่ดี ๆ ก็เพิ่มขนาดไปอย่างกะทันหันและพื้นผิวของมันเริ่มที่จะปั่นป่วน มันทำให้เกิดคลื่นยักษ์ที่สูงหลายร้อยเมตรและกระเพื่อมออกไปทุกทิศทาง
“คนของทวีปสัตว์เทวะออกไปซะ โลกของเผ่าพันธุ์ทะเลไม่ใช่ที่ที่พวกเจ้าจะเข้ามาได้” เสียงดังก้องออกมาจากด้านหน้า ร่างลาง ๆ อยู่ในม่านพลังใหญ่ ร่างนั้นสง่างามมาก มันเป็นร่างของผู้หญิง
“เจ้าเป็นใครกัน ? ” ไคเซอร์จ้องเขม็งไปที่ร่างที่เป็นส่วนหนึ่งของม่านพลัง เสียงของเขาทุ้มในขณะที่ท่าทางของเขานั้นเคร่งเครียด
หน้าของแลงคีรอสมืดมนลงอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่จากร่างนั้นแม้ว่าเขาจะเป็นถึงเซียนจักรพรรดิ แรงกดดันนั้นยิ่งใหญ่ถึงขนาดที่ทำให้เขาตกใจ แม้แต่ต่อหน้าไคเซอร์ เขาก็ไม่เคยเจอกับอะไรที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้
“ข้าคิดว่าเจ้าคงจะมีคำตอบแล้วว่าข้าเป็นใคร ข้าไม่ต้องการที่จะทำให้เรื่องนี้ยากสำหรับพวกเจ้า พวกเจ้าไปได้แล้ว ไม่มีใครที่จะบุกรุกเข้ามาในโลกของเผ่าพันธุ์ทะเลของข้าได้” เสียงนุ่มนวลดังออกมาอีกครั้ง หญิงในม่านพลังได้ก้าวออกมาจากม่านพลัง นางสร้างร่างลวงตาขึ้นมาที่กลางอากาศซึ่งเป็นร่างพร่ามัว
“เจ้าเป็นเทพเจ้าแห่งท้องทะเลงั้นหรือ ? เจ้ายังไม่ตายอีกหรือ ? ” ใบหน้าของไคเซอร์มืดมน เขาได้รับผลกระทบทางจิตใจเมื่อเขารู้ว่าเทพเจ้าแห่งท้องทะเลยังไม่ตาย นี่ทำให้เขาตกใจอย่างมาก
“ถูกต้อง ข้ายังมีชีวิตอยู่แน่นอน” เทพเจ้าแห่งท้องทะเลพูดอย่างนุ่มนวล
ไคเซอร์จ้องเขม็งไปที่ร่างมายาและดูเหมือนเขาจะคิดอะไรบางอย่างได้ ตาของเขาเบิกกว้างขึ้นมาทันทีในขณะที่เขาเย้ยหยันออกมา “เทพเจ้าแห่งท้องทะเล ในเมื่อเจ้ายังไม่ตาย ทำไมเจ้าไม่ออกมาด้วยตัวเอง ทำไมเจ้าถึงส่งแต่วิญญาณออกมา ? บางทีเจ้าอาจจะเหลือแต่วิญญาณหรือเปล่าตอนนี้ ? “
“แค่วิญญาณของข้าก็เพียงพอแล้วที่จะหยุดเจ้าจากการเข้ามาได้” เทพเจ้าแห่งท้องทะเลพูดออกมา เสียงของนางสงบและไร้อารมณ์
“เป็นไปไม่ได้ แม้ว่าเจ้าจะเหนือกว่าเซียนจักรพรรดิ มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะอยู่ได้นานขนาดนี้ เทพเจ้าแห่งท้องทะเล ถ้าข้าเดาถูก เจ้าน่าจะตายไปนานแล้ว อาจจะมีเหตุผลบางอย่างที่วิญญาณของเจ้าไม่สลายไปและยังมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้ ข้าพูดถูกหรือไม่ ? แย่หน่อย ที่เจ้าไม่สามารถข่มขู่พวกเราได้จากรูปแบบที่เจ้าเป็นอยู่ในตอนนี้” ใบหน้าของไคเซอร์เหยียดออกมา ความกลัวในหัวใจของเขาค่อย ๆ หายไป
“ม่านพลังของอาณาจักรทะเล ข้าใช้เวลาถึงร้อยปีในการร่ายมัน ข้าสามารถใช้พลังของม่านพลังได้ตามที่ปรารถนา แม้ว่าข้าจะเป็นแค่วิญญาณ เจ้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า” เทพเจ้าแห่งท้องทะเลพูด
“เป็นเช่นนั้นหรอกหรือ ? ” ไคเซอร์ยิ้มออกมาอย่างเย็นชา “ข้าอยากจะเห็นว่าม่านพลังที่ของเจ้าที่มีมาหลายปีนี้จะทนการโจมตีของข้ากับแลงคีรอสได้หรือไม่” พลังแห่งการมีอยู่ที่ทรงพลังเปล่งรัศมีออกมาจากร่างของเขา ซึ่งทำให้พลังงานรอบ ๆ รุนแรงขึ้น พลังธรรมชาติปริมาณมหาศาลได้เริ่มที่จะมารวมที่ไคเซอร์อย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกัน พลังแห่งการมีอยู่ที่รุนแรงได้เปล่งประกายออกมาจากแลงคีรอสเช่นกัน แขนทั้งสองของเขาเริ่มที่จะขยายออกและฉีกผ่านเสื้อของเขาออกมา พวกมันเปลี่ยนเป็นกรงเล็บเสือทอง 2 กรงเล็บ ในขณะที่พลังธรรมชาติที่มองไม่เห็นได้มารวมอยู่รอบ ๆ พวกเขา
“ลงมือเลย ! ” ไคเซอร์ตะโกนออกมา เขากับแลงคีรอสโจมตีออกไปอย่างทรงพลังและมันก็พุ่งอย่างรวดเร็วไปที่เทพเจ้าแห่งท้องทะเล
มิติด้านหน้ากลายเป็นกำแพงแห่งความมืดทันที การโจมตีจากเซียนจักรพรรดิทั้งสองได้ทำให้มันแตกกระจายและพังทลายลงมาทันที
การโจมตีได้พุ่งผ่านร่างของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลไปและโจมตีไปที่ม่านพลังด้านหลังของนางอย่างรุนแรง เกิดเสียงอื้ออึงรุนแรง ม่านพลังก็กระเพื่อมเท่านั้น มันไม่แม้แต่จะสั่นไหว และต้านการโจมตีจากเซียนจักรพรรดิทั้งสองคนได้อย่างง่ายดาย
คลื่นพลังที่รุนแรงจากพลังงานที่เหลืออยู่ได้ทำลายล้างบริเวณโดยรอบ มันทำให้สัตว์อสูรระดับ 7 และระดับ 8 เป็นพันคนจากทวีปสัตว์เทวะกระเด็นถอยไป
“มันไร้ประโยชน์ เว้นเสียแต่ว่าเจ้าจะผ่านขอบเขตเซียนและไปถึงที่ขอบเขตดั้งเดิมเสียก่อน ไม่เช่นนั้นเจ้าก็ไม่สามารถทำลายม่านพลังที่ข้าร่ายเอาไว้ได้ แม้ว่าสามเซียนจักรพรรดิจากทวีปสัตว์เทวะจะมา มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร” เสียงของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลดังอยู่ในหูของไคเซอร์และแลงคีรอส
ใบหน้าของทั้งสองคนมืดมนลงอย่างมาก หลังจากที่คิดอยู่เงียบ ๆ สักพัก แลงคีรอสก็พูดออกมา “เทพเจ้าแห่งท้องทะเล พวกเราไม่ได้มีความตั้งใจที่จะบุกรุกอาณาจักรทะเล เทพเจ้าสัตว์อสูรที่ยิ่งใหญ่ของพวกเราบังเอิญอยู่ที่อาณาจักรทะเลพอดี พวกเราต้องการเพียงที่จะพาเขากลับไปเท่านั้น”
“กฎของอาณาจักรทะเลของข้าก็ไม่เปลี่ยนแปลง เฉพาะสัตว์อสูรที่ต่ำกว่าระดับ 8 เท่านั้นที่สามารถเข้ามาได้ มันไม่สำคัญว่าคนนั้นจะเป็นใคร ใครที่เป็นระดับ 8 และมากกว่านั้นห้ามเข้า” เทพเจ้าแห่งท้องทะเลพูด
“เอาล่ะ ถ้างั้นพวกเราจะส่งสัตว์อสูรที่อยู่ในระดับสูงสุดของระดับ 7 บางคนเข้าไปที่อาณาจักรทะเล ข้าหวังว่าเทพเจ้าแห่งท้องทะเลจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับพวกเราในการตามหาเทพเจ้าสัตว์อสูร ทวีปสัตว์เทวะของข้าจะดีใจเป็นอย่างยิ่ง” แลงคีรอสพูดอย่างไร้อารมณ์
“ทวีปสัตว์เทวะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้า หลังจากที่คนของพวกเจ้าเข้ามาที่อาณาจักรทะเล มันก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของพวกเขาแล้ว ข้าจะไม่ช่วยอะไรพวกเจ้า” เทพเจ้าแห่งท้องทะเลพูด
หลังจากนั้น ไคเซอร์และแลงคีรอสทั้งคู่ก็แสดงท่าทางน่ากลัวออกมา
“อีกทั้งคนที่พวกเจ้ากำลังตามหานั้นไม่ง่ายอย่างที่พวกเจ้าคิด เว้นเสียแต่ว่าสัตว์อสูรระดับ 8 จะไปด้วยตัวเอง ไม่เช่นนั้นเจ้าก็คงจัดการกับเขาไม่ได้เลย เจ้าน่าจะตัดสินใจให้ดีถ้าเจ้าต้องการที่จะส่งคนเข้ามาในอาณาจักรทะเลของข้า” เทพเจ้าแห่งท้องทะเลหันไปและกลับเข้าไปในม่านพลังหลังจากที่นางพูดแบบนั่น นางหลอมรวมกับม่านพลังอีกครั้ง
ไคเซอร์กำหมัดแน่นในขณะที่เขาจ้องอย่างเย็นชาไปที่ด้านหลังของเทพเจ้าแห่งท้องทะเล เขาคำราม “มันต้องมีสักวันที่ข้าจะสามารถตัดผ่านขอบเขตเซียนและไปถึงขอบเขตดั้งเดิมในตำนานนั่น ในตอนนั้น ข้าจะมาทำลายม่านพลังของเจ้าแน่ พวกเราไปกัน” ไคเซอร์กลับไปที่ทวีปสัตว์เทวะพร้อมกับจอมยุทธของเขาหลังจากที่เขาพูดออกไปแบบนั้น
เสียงอันอ่อนโยนของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลดังขึ้นมารอบ ๆ อีกครั้งหลังจากที่พวกนั้นจากไป เสียงของนางเต็มไปด้วยความทรงจำและความสงสาร
“เจ้าคิดว่าขอบเขตเซียนมันง่ายที่จะตัดผ่านอย่างนั้นหรือ ? ในครั้งโบราณกาล มีหลายคนที่เป็นเซียนจักรพรรดิ แต่มีเพียงจำนวนน้อยคนเท่านั้นที่สามารถตัดผ่านเข้าไปถึงขอบเขตดั้งเดิมได้ นี่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องที่ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายเข้าไปแล้วอีกด้วยในตอนนี้ เว้นเสียแต่ว่าโลกจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมเหมือนที่มันเคยเป็นมาก่อน”
ในที่ที่ไกลออกไปทางทิศเหนือของทวีปเทียนหยวน มีโลกหิมะสีขาว มีภูเขาที่เป็นน้ำแข็งเหมือนผลึกอยู่มากมายเท่าที่ตาจะมองเห็นได้ น้ำแข็งนั้นเปล่งประกายไปด้วยออร่าแห่งความเยือกเย็น
หิมะและน้ำแข็งไม่เคยละลายที่นี่และมีมานับไม่ถ้วนปีแล้ว สภาพอากาศที่นี่เย็นมากและไม่มีคนธรรมดาที่ไหนสามารถทนได้ แม้แต่เซียนปฐพียังไม่สามารถที่จะอยู่ได้นานในสภาพอากาศแบบนี้
ลมหนาวหวีดหวิวเหมือนเสียงคำรามของภูตผี ไอสีขาวที่มองเห็นได้ถูกลมพัดไปรอบ ๆ อย่างต่อเนื่อง
ไอสีขาวเต็มไปด้วยปราณที่เยือกเย็น มันทรงพลังมากและอยู่ในระดับที่น่าตกใจ แม้แต่เซียนสวรรค์ยังอาจจะถูกแช่แข็งทันทีและไม่สามารถหลุดออกมาได้ถ้าพวกเขาไปสัมผัสกับมันเข้า เฉพาะเซียนผู้คุมกฎเท่านั้นที่จะสามารถทนได้
นี่เป็นขั้วโลกเหนือ ขั้วโลกเหนือที่แยกออกมาโดดเดี่ยว ในตอนนี้ ศาลาศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่เงียบเงียบอยู่ในส่วนลึกของที่นี่
ศาลานี้ใหญ่โตมาก มันยาวและกว้างมากกว่าหลายหมื่นเมตร มันตั้งอยู่เงียบ ๆ เหมือนสัตว์อสูรในตำนานที่กำลังหลับใหลอยู่ มันเปล่งประกายไปด้วยกลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่
ในตอนนี้ มีหญิงคนหนึ่งเอนตัวอยู่อย่างเงียบ ๆ บนเตียงที่สร้างมาจากน้ำแข็งที่มีอายุหมื่นปีในขณะที่นางนั้นถูกปกคลุมไปด้วยปราณที่เยือกเย็นมาก หญิงคนนี้เป็นสีขาวหิมะทั้งหมด ไม่เพียงแต่เสื้อของนางจะเป็นสีขาวเท่านั้น แม้แต่ผมยาวและขนตาของนางยังเป็นสีขาวหิมะด้วย
นางคือเจียงหยาง หมิงเยว่ หญิงสาวศักดิ์สิทธิ์ของศาลาเทพธิดาน้ำแข็งอาร์กติก
ปราณที่เยือกเย็นมากได้ถูกนางดูดซับอย่างช้า ๆ พลังแห่งการมีอยู่ที่เปล่งออกมาจากนางแข็งแกร่งขึ้นในปริมาณมากหลังจากที่นางดูดซึมเอาปรารทรงพลังที่เยือกเย็นเข้าไปและแม้แต่ปราณแห่งความเยือกเย็นของนางก็หนาแน่นขึ้น
ขนตายาวของเจียงหยาง หมิงเยว่สั่นไหวอย่างนุ่มนวล นางลืมตาขึ้นช้า ๆ ในที่สุดและลุกขึ้นจากเตียงน้ำแข็งของนาง นางปล่อยให้ความเย็นที่น่ากลัวที่เปล่งประกายออกมาจากเตียงไหลผ่านร่างกายที่ดูผอมเพรียวของนางไป
“ผู้พิทักษ์ซุย” ปากของเจียงหยาง หมิงเยว่ขยับเล็กน้อยในขณะที่นางพูดอย่างนุ่มนวลในห้องที่ว่างเปล่า
“ข้าขอคารวะสตรีศักดิ์สิทธิ์” เสียงเย็นชาปรากฏมาจากที่ใดก็ไม่ทราบ คนที่อยู่ในชุดเกราะสีชาวหิมะทั้งมหดก็ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันในห้อง นางคุกเข่าลงหนึ่งข้างอย่างเคารพ สัดส่วนรูปร่างของนางสวยและสง่างาม แม้ว่าจะไม่เห็นรูปลักษณ์ของนางเพราะหมวกเกราะ แต่มันก็ไม่ยากที่จะบอกว่านางเป็นผู้หญิง
“ผู้พิทักษ์ซุย ข้าต้องอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหน ? ข้าอยากจะกลับไปที่บ้านเพื่อที่จะไปเจอครอบครัวของข้า” เจียงหยาง หมิงเยว่ดูโดดเดี่ยว จิตใจของนางเต็มไปด้วยความคิดถึง
“สตรีศักดิ์สิทธิ์ ร่างน้ำแข็งที่ลึกซึ้งของท่านยังไม่ตื่นขึ้นโดยสมบูรณ์ ท่านไม่สามารถออกไปจากศาลาได้ในตอนนี้” ผู้พิทักษ์ซุยพูดอย่างเย็นชาโดยไม่ได้แสดงอารมณ์ใดใด ตาของนางเย็นชาทำให้นางดูเหมือนสิ่งมีชีวิตที่เลือดเย็นและไม่มีอารมณ์ใดใด
“นานขนาดไหนกว่าที่ร่างน้ำแข็งของข้าจะตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์?” เจียงหยาง หมิงหยู่ถาม
“ข้าน้อยก็ไม่รู้เช่นกัน ทั้งหมดมันขึ้นอยู่กับตัวสตรีศักดิ์สิทธิ์เอง” ผู้พิทักษ์ซุยกล่าว
“น้องชายคนเล็กสุดของข้ากำลังเผชิญหน้ากับการไล่ล่าของตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบและทวีปสัตว์เทวะอยู่ ชีวิตของเขากำลังอยู่ในอันตรายและยังมีเรื่องที่เกิดกับท่านพ่ออีกด้วย ข้าไม่สน ข้าจะไปที่เมืองลอร์เดี๋ยวนี้” เสียงของเจียงหยาง หมิงเยว่เต็มไปด้วยความกังวลในขณะที่นางกำลังเดินออกไปด้านนอก
ผู้พิทักษ์ซุยปรากฏตัวตรงหน้าเจียงหยาง หมิงเยว่จากที่ใดก็ไม่รู้และขวางทางนางเอาไว้ นางพูด “สตรีศักดิ์สิทธิ์ ท่านไม่สามารถออกไปจากศาลาได้ในตอนนี้”
“ผู้พิทักษ์ซุย เมื่อข้าเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ของท่าน ท่านต้องฟังคำสั่งของข้า ข้าสั่งให้ท่านออกไปให้พ้นทางของข้าเดี๋ยวนี้ ข้าต้องการที่จะออกไป” แววแห่งโทสะเกิดขึ้นที่ใบหน้าของเจียงหยาง หมิงเยว่
“ข้าน้อยไม่สามารถทำแบบนั้นได้” ผู้พิทักษ์ซุยพูดก่อนที่จะถอยออกไปช้า ๆ
เจียงหยาง หมิงเยว่เดินไปที่ประตูแต่ทันทีที่นางไปถึง ที่นั่นก็ถูกผนึกจากพลังที่มองไม่เห็นขวางอยู่ มันป้องกันไม่ให้นางจากไป
“ผู้พิทักษ์ซุย ทำไมเจ้าถึงขังข้าไว้ที่นี่ ? ” เจียงหยาง หมิงเยว่พูดอย่างเกรี้ยวโกรธ เสียงของนางเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย
ผู้พิทักษ์ซุยยืนอยู่ด้านนอกประตูในขณะที่นางจ้องไปที่เจียงหยาง หมิงเยว่ “หญิงสาวศักดิ์สิทธิ์ ก่อนที่ร่างน้ำแข็งของท่านจะตื่นมาอย่างเต็มที่ ข้าน้อยก็ไม่สามารถปล่อยให้ท่านออกไปจากศาลาได้”
“ผู้พิทักษ์ซุย ข้าขอร้องเจ้า โปรดให้ข้าออกไป ข้าคิดถึงบ้านจริง ๆ ข้าคิดถึงท่านแม่และน้องชายคนเล็กของข้าจริง ๆ ” น้ำตาสองสายไหลออกมาจากตาของเจียงหยาง หมิงเยว่ ในขณะที่พวกมันเปล่งประกายไปด้วยความเยือกเย็น เสียงของนางเต็มไปด้วยความอ้อนวอน
เจียงหยาง หมิงเยว่รู้ว่าภายในศาลา ผู้พิทักษ์ที่ยืนอยู่ตรงหน้านางมีฐานะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในศาลานี้ นางเทียบกับพระเจ้า
ผู้พิทักษ์ซุยจ้องตาไม่กระพริบไปที่เจียงหยาง หมิงเยว่ นางสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดของเจียงหยาง หมิงเยว่
“สตรีศักดิ์สิทธิ์ ท่านเปลี่ยนไป ข้าจำได้ว่าท่านไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน เจ้าไม่เคยร้องไห้กับเรื่องทางโลก” ผู้พิทักษ์ซุยมองไปที่นางด้วยอารมณ์ที่ผสมปนเปกันไป หลังจากนั้น นางก็ถอนหายใจเบาเบาและพูด “หญิงสาวศักดิ์สิทธิ์ ข้าถูกสั่งให้อยู่ที่นี่และรอ หลังจากที่รอให้ท่านปรากฏขึ้นมากว่าสามล้านปี ในช่วงเวลาที่สำคัญนี้ ข้าน้อยจะปล่อยท่านออกไปไม่ได้ แม้ว่าข้าน้อยจะต้องทำให้สตรีศักดิ์สิทธิ์โกรธก็ตาม ข้าน้อยก็จะไม่เปลี่ยนใจ”
“อย่ากังวลเกี่ยวกับเรื่องครอบครัวของท่านไป พวกเขาทั้งหมดปลอดภัยและน้องชายของท่านก็ปลอดภัยมากที่สุด เขาได้ไปลี้ภัยอยู่ที่อาณาจักรทะเล และเทพเจ้าแห่งท้องทะเลก็ช่วยเขาอยู่ลับ ๆ เขาไม่ได้กำลังเผชิญกับอันตรายใด และท่านพ่อของเจ้าจะถูกชุบชีวิตโดยน้องชายของเจ้าด้วยทักษะธาตุแสงในไม่ช้า”
“จริงหรือ ? ผู้พิทักษ์ซุย จริงหรือเปล่า ? เจ้าสามารถสัมผัสได้ถึงเรื่องของครอบครัวของข้าและน้องชายของข้าได้งั้นหรือ ? ” เจียงหยาง หมิงเยว่จ้องไปที่ผู้พิทักษ์ซุยในขณะที่สายตาของนางเป็นประกายสั่นไหว
ผู้พิทักษ์ซุยพูด “สตรีศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีอะไรที่ข้าไม่รู้ในโลกนี้” หลังจากที่พูดจบ นางก็ดูเหมือนจะคิดบางอย่างออกและสายตาของนางก็หม่นหมองลง นางคิด “สตรีศักดิ์สิทธิ์ ข้าหวังว่าเจ้าจะตัดความสัมพันธ์กับน้องชายของเจ้าได้ในเร็ว ๆ นี้ เพราะว่าในอนาคต เจ้าอาจจะต้องขัดแย้งและต้องเอาชีวิตกันและกัน”