“ถ้าอย่างนั้นองค์หญิง มาทำให้หัวเย็นลงสักหน่อยทั้งคู่กันเถอะครับ ผมเองก็ขอตัวไปเดินเล่นในสวนที่เขียวชอุ่มนี่ด้วยนะครับ”
บอกลาองค์หญิงอันดับหนึ่งที่เหลืออยู่ในห้องคนเดียว แล้วก็ปิดประตูที่อยู่ด้านหลังลง มิราโนะ เฮริฟาลเต้ องค์ชายอันดับหนึ่งผู้งดงามจากราชอาณาจักรเฮริฟาลเต้ทำหน้าเบื่อหน่ายแล้วถอนหายใจออกมา
“เป็นการร่วมคืนที่ค่อนข้างเร็วจังเลยนะขอรับ”
“…คุมะฮาจิเหรอ”
ห่างจากประตูเล็กน้อย ก็มีชายร่างใหญ่เหมือนหมียืนอยู่ ผมสีดำยาวกระเซอะกระเซิง ใบหน้ามีหนวดเคราไปถึงตรงจอนผม กิโกโนสีครามที่ใส่อยู่ก็สีค่อนข้างตก ส่วนปลายก็ยุ่ย ให้พูดตามที่เห็นก็เห็นเป็นได้แค่คนจรจัดที่ดูเรียบร้อยเท่านั้น แต่ที่ด้านหลังของกิโมโนสกปรกๆมีสิ่งที่ได้รับอนุญาตสำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องกับราชวงศ์ของราชอาณาจักรเฮริฟาลเต้ปักไว้อยู่ รูปปักนกอินทรีย์สีทอง
“ทั้งๆที่ยังมื้อเย็นอยู่แต่อยู่ๆแขกผู้ทรงเกียรติกับองค์หญิงอันดับหนึ่งกลับรีบออกมาด้วยกันเนี่ย ทุกคน เป็นกังวลกันใหญ่เลยล่ะขอรับ”
“ถูกองค์หญิงมาชวนโดยตรงน่ะ จะไม่ไปก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ”
“แหมแหม ช่างเป็นคำพูดที่น่าอิจฉาจริงๆนะขอรับ ข้าพเจ้าเองก็มีฐานะขนาดนี้แท้ๆแต่จนถึงตอนนี้ก็ไม่เคยใครมาเป็นคู่ให้เลย”
“ก็เพราะท่าทางซอมซ่อแบบนั้นไม่ใช่หรือไง ยังไงก็หัดจำการใส่ชุดให้ดูสุภาพสิ”
“นี่คือชุดสุภาพของประเทศของข้าพเจ้า ชุดออกศึก แล้วก็ชุดตอนตายนะขอรับ ยิ่งได้รับหน้าที่ให้ปกป้ององค์ชายในฐานะคนใกล้ชิดแล้วถ้าไม่สามารถทำตัวให้สามารถขยับได้อย่างรวดเร็วตลอดล่ะก็”
ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าคุมะฮาจิ ตอบกลับอย่างเยือกเย็น
ผู้ชายที่ดูแล้วสบายๆคนนี้ คุมะฮาจินั้นไม่ได้เกิดในทวีปใหญ่ แต่ผู้ที่กำลังฝึกฝนความเป็นนักรบที่มาจากประเทศที่อยู่โพ้นทะเล ถึงจะดูแล้วอายุเกินสามสิบก็เถอะ แต่อายุนั้นก็ไม่ได้ต่างไปจากองค์ชาย
ถึงราชอาณาจักรอาร์คุยล่าจะเป็นประเทศเล็กๆ แต่ก็คงไม่ให้ผู้ชายแบบนี้ผ่านเข้าประตูมาในราชอาณาจักร หรือยอมให้เข้าร่วมงานเลี้ยงใหญ่ๆของประเทศโดยไม่ต้องถามแน่ ที่สามารถเข้าร่วมได้ก็เพราะตราเอียงๆที่กิโมโนสกปรกๆ ถ้ามีลายของราชอาณาจักรเฮริฟาลเต้ปักอยู่ล่ะก็ประเทศอื่นก็ได้แต่ต้องยอมเงียบปากทำตาม
“ชื่อองค์หญิงอัลเลสินะ เป็นเด็กสาวที่ค่อนข้างงดงามเลยนะขอรับ แล้ว รสชาติเป็นยังไงบ้างล่ะขอรับ?”
“ไม่มีอะไรทั้งนั้นล่ะ ตอนที่อยู่ๆก็เรียกเข้ามาที่ห้องนอน จับกดแล้วพูดว่า”เอาล่ะ! ช่วยรับฉันเป็นชายาด้วยค่ะ!”ก็ทำเอาคิดว่าจะโดนกินเข้าให้แล้วน่ะ”
“อะไรกัน ดูภายนอกก็ค่อนข้างเรียบร้อย แต่ก็ใจกล้าใช้ได้นะเนี่ยขอรับ”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอก”
องค์ชายมิราโนะส่ายหัว
“นั่นไม่ได้มีความอยากร่วมคืนหรอก หลักฐานก็คือ การที่เธอสั่นสุดๆ”
“สมกับเป็นองค์ชายผู้ออกเดินทาง”ตามหาชายา”มาตลอดเลยนะขอรับ ถึงหลังจากออกมาจะเต็มไปด้วยความสับสน แต่เรื่องศึกกลางคืนก็ใสสะอาดจริงๆนะขอรับ”
“อย่าล้อเล่นน่า ยังไงก็ตามเธอไม่ได้จะทำอะไรแบบนั้น นั่นน่ะคือดวงตาของผู้ที่ไม่ได้ทำตามความต้องการตัวเองแต่มีอะไรทำให้ต้องทำน่ะ”
“ตรงจริงๆนะขอรับ ถ้าเป็นข้าพเจ้าก่อนอื่นก็คงจัดการจานที่ยื่นมาทันทีแน่ขอรับ”
คุมะฮาจิหัวเราะพร้อมกับลูกเคราแพะไปพลาง ถึงจะพูดสุภาพกับองค์ชายอยู่บ้าง แต่คุมะฮาจิก็เป็นคนใกล้ชิดขององค์ชายไปพร้อมกับเป็นเพื่อนสนิทที่หาใครมาแทนไม่ได้ พวกเขานั้นเป็นทั้งนายบ่าวและเป็นคู่แข่งในฐานะผู้ฝึกวิชาอาวุธในเวลาเดียวกัน
“จะไปในป่าสักหน่อยน่ะ ยังไง มื้อเย็นที่ถูกพวกผู้หญิงที่ราวกับเหยี่ยวไล่เนี่ยมันน่ารำคาญน่ะ”
“เดี๋ยวสิ! การที่ตัวหลักหนีออกไปเนี่ยไม่ว่ายังไงมันก็แย่ไม่ใช่เหรอขอรับ!”
“นายก็ทำอะไรสักอย่างสิ แล้วก็ถ้าบอกไปว่าอยู่ในระหว่างร่วมคืนกับองค์หญิงอยู่ พวกเด็กสาวคนอื่นก็เงียบแล้วน่า”
พอพูดแบบไม่ให้ปฏิเสธออกไป มิราโนะก็ออกไปที่สวน แล้วก็เข้าป่าไปทั้งอย่างนั้น ทุกครั้งที่เข้าประเทศใหม่ก็จะถูกเชิญไปเข้าสังคม การต้องมาถูกลูบไล้โลมเล้ามันน่ารำคาญจริงๆ ถ้าไม่ให้ออกมาถอนหายใจบ้างก็ไม่รู้ว่าจะระเบิดออกมาตอนไหน
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้กันนะ…”
มิราโนะบ่นพึมพำคนเดียว เนื่องจากไม่ค่อยจะได้ท้าทาย เลยแยกพงไม้ที่พันกันซับซ้อนเข้าไป ตั้งแต่ที่ออกมาจากประเทศแม่เวลาก็ผ่านมาสักพักแล้วแต่การเดินทางของตนก็ถูกเรียกว่า”ตามหาชายา” ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ
ไม่เหมือนกับพ่อผู้ใจกว้างที่ถูกเรียกว่าราชสีห์ มิราโนะนั้นเป็นหนุ่มอ่อนโยนเหมือนแม่ เขานั้นปีนี้อายุ18ปี สำหรับเขาที่เป็นลูกราชสีห์ ต้องทำตามคำสั่งของเสด็จพ่อ มันคือคำสั่งให้เขาบอกเดินทางเพื่อศึกษาในทวีป เพื่อเปิดหูเปิดตาให้มากกว่านี้ “ผู้ที่ไม่รู้จักประชาชนก็มิอาจปกครองใครได้หรอก” เป็นความเชื่อของพ่อของเขาที่มิราโนะยอมรับอย่างมาก
จากนั้นมิราโนะก็เลือกรถม้าโทรมที่ดูแล้วไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นขององค์ชายจากประเทศมหาอำนาจ พาข้าราชบริพารที่เชื่อใจได้จำนวนน้อยนิดไป แล้วออกเดินทางไปยังประเทศต่างๆ ถึงจะมีความกังวลเล็กน้อย ด้วยความอยากรู้อยากเห็นที่จะได้พบสิ่งที่ไม่เคยเห็น ก็ทำให้หัวใจเขาเต้นไปมา
แต่ว่าความคาดหวังนั้นก็ต้องแตกเป็นเสี่ยงๆ ถึงจะบอกว่าเขาออกเดินดางอย่างๆลับๆ เรื่องที่เขาเป็นองค์ชายอันดับหนึ่งก็ไม่ได้เปลี่ยนไป จากนั้นเมื่อเขามีโอกาสผ่านประเทศใด ก็ต้องมีเรื่องเกิดขึ้นทุกที
ไม่ว่าประเทศไหนก็จะจัดงานปาร์ตี้ขนาดใหญ่ต้องรับการมาถึงของมิราโนะแล้วราชาหรือขุนนางก็จะยื่นลูกสาวสุดภาคภูมิใจให้องค์ชาย นอกจากจะเป็นโอกาสได้มหาอำนาจมาเป็นโล่ให้ข้างหลังแล้วองค์ชายเองยังมีคุณสมบัติที่ดีเยี่ยมโดยไม่ต้องหาคำมาบรรยายเพิ่มเติม ถ้าไม่เป็นแบบนั้นสิถึงจะแปลก
ข่าวลือนั้นแพร่กระจายไปประเทศต่างๆ การเดินทางขององค์ชายเพื่อฝึกฝน ไม่รู้เมื่อไหร่ก็ถูกเรียกว่า”ตามหาชายา”ไปซะแล้ว แล้วเขาก็เริ่มเดินคนเดียว ถึงข่าวลือจะเป็นของที่เพิ่มหัวเพิ่มหางเข้ามาอยู่แล้ว แต่นี่มันเพิ่มมากระทั่งเขาทั้งเขี้ยว กลายเป็นสัตว์ประหลาดที่จู่โจมองค์ชาย สำหรับมิราโนะที่อยากออกเดินทางไปยังประเทศต่างๆในฐานะนักท่องเที่ยงโดยจะลืมฐานะเจ้าชายไปแล้ว นั่นเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังมาก
“…แล้ว เข้ามาลึกนิดหน่อยแบบเกินไปซะแล้วสิ”
หลังจากคิดถึงความทรงจำน่าเบื่อๆก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ก็หลงเข้ามาลึกในป่าซะแล้ว ถึงจะพูดว่ามีแสงจันทร์ส่องอยู่แต่บริเวณรอบๆก็มืด ถ้ายังเดินวนโดยไม่จำเป็นมากกว่านี้หลงทางแน่ๆ
“เอาเถอะ ตรงกันข้ามแล้วอาจจะดีกว่าก็ได้นะ”
มิราโนะถอนหายใจแล้วยิ้มเจื่อนๆ เรื่องที่ตนเข้ามาในป่าก็บอกคุมะฮาจิไปแล้ว ถ้าเกิดมีสัตว์ร้ายโผล่มา ก็มั่นใจว่าสามาถใช้มือเปล่าไล่ไปได้แน่ ยิ่งกว่านั้น ถ้าบอกไปว่าเพื่อดับความร้อนจากเรื่องแบบนั้นกับองค์หญิงเลยเข้ามาในป่าแล้วหลงเนี่ย คงกลายเป็นข่าวลือตลกๆที่ลบไม่ออกแน่ๆ
พอคิดแบบนั้นความรู้สึกก็เบาลงจริงๆ โนราโนะพิงกายไปที่ต้นไม้ใกล้ๆ พอปล่อยกายไปกับความมืด ทิ้งฉายาอย่างองค์ชายศักดิ์สิทธิ์ ปล่อยตัวเองไว้อย่างนี้แล้วใช้ชีวิตอย่างคนป่า ความคิดบ้าๆแบบนั้นยังลอยเข้ามาในหัวเลย สภาพแวดล้อมตอนนี้ทำให้มิราโนะเป็นไปได้ถึงขนาดนั้นทีเดียว
“―― ―― ――”
“อะไรน่ะ?”
อยู่ๆ เสียงที่งดงามราวกับเสียงกระดิ่ง ก็ลอยตามสายลมมาถึงหูของเขา จากน้ำเสียงเหมือนว่าจะเป็นเสียงของเด็กสาวแต่ว่าในเวลานี้ ไม่มีทางมาอยู่ในที่แบบนี้แน่ ถึงจะคิดว่าหูแว่ว แต่องค์ชายก็เดินไปยังทางที่ได้ยินเสียงนั้น
――แล้วก็ได้เห็นสิ่งนั้น
“ผม…กำลังฝันไปเหรอเนี่ย?”
ภาพที่น่าอัศจรรย์จนทำให้เผลอพึมพำออกมา
ในที่ๆเปิดหลังพุ่มไม้ ริมฝั่งน้ำพุอันใสสะอาด มีเด็กสาวคนหนึ่งนั่งคุกเข่าภาวนาอะไรบางอย่างอยู่ ร่างกายสีขาวไร้มลทินนั้นถูกปกคลุมด้วยแสงจันทร์ ส่องแสงอ่อนๆราวกับหิ่งห้อย
ภูติแห่งจันทรา――คำง่ายๆนั้นลอยเข้ามาในหัว
ราวกับเธอกำลังอวยพรให้ ดอกไม้เล็กใหญ่รอบๆก็เบ่งบาน ส่วนใหญ่ในนั้นเป็นดอกไม้ที่ไม่รู้ชื่อ แต่จากสายตาของมิราโนะที่ดูแลสวนกุหลาบอยู่บ่อยๆนั้น ภาพที่ให้ความรู้สึกถึงการเต้นของชีวิตเช่นนี้มันช่างบริสุทธิ์ผุดผ่องจริงๆ
“เอลฟ์เหรอ? ไม่สิ พวกนั้นไม่มีทางมาอยู่ในที่แบบนี้แน่…”
พอพูดแบบนั้นเขาก็ปฏิเสธความคิดของตัวเอง เผ่าพันธุ์สีขาวบริสุทธิ์ที่รูปร่างเหมือนมนุษย์ที่เรียกว่าเอลฟ์นั้นอาศัยอยู่ในทวีปที่เรียกว่า[ป่าสีขาว]ที่อยู่ทางเหนืออันไกลโพ้น ไม่มีทางมาอยู่ในพื้นที่ของมนุษย์แน่นอน
ในหัวของมิราโนะมีสองความคิดลอยขึ้นมา
อารมณ์ที่อยากจะจ้องมองภาพที่ราวกับภาพวาดนี้โดยไม่แตะต้อง กับ ความต้องการอันขัดแย้งที่อยากจะยื่นมือไปสัมผัสกับความลึกลับเบื้องหน้า สับสนอยู่หนึ่งวิ มิราโนะก็เลือกอย่างหลัง ก็มีเด็กสาวที่มีความน่าหลงใหลขนาดนั้นอยู่นี่นะ
ขณะที่ยังความรู้สึกผิดนิดหน่อย มิราโนะก็เข้ามาใกล้ตัวเธอในที่สุด ถ้าเกิดว่าที่เห็นตอนนี้เป็นภาพลวงตาล่ะก็ถ้าส่งเสียงออกไปเวทมนต์ก็คงจะคลายไปสินะ มิราโนะเก็บความตึงเครียดนั้นไว้แล้วส่งเสียงออกไป
“ภาวนาอะไรขนาดนั้นเหรอครับ? หรือว่านั่นมันเป็นบทเพลงอะไรสักอย่างกันน่ะครับ? คุณภูติแห่งจันทราผู้งดงาม”
ถึงตัวเองจะคิดว่าเป็นคำพูดที่รู้สึกแปลกๆ แต่จากการเดินทางของมิราโนะจนถึงตอนนี้ก็เลยทำให้สามารถจำคำพูดที่ทำให้หญิงสาวดีใจได้เอง ก็ไม่คิดว่าจะมาได้ใช้ในแบบนี้เลย ทำให้มิราโนะยิ้มเจื่อนออกมาในใจ
ทางนั้นก็รู้สึกตัวแล้ว สาวน้อยสีขาวก็ตัวสั่นแรง แล้วมองมาที่ตน ดวงตาสีแดงเข้มเบิกกว้างราวกับจะหลุดออกมาได้ เรื่องที่สาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่ภาพลวงตา ทำให้ในใจของมิราโนะรู้สึกยินดี
“เกลียด!”
แต่ว่าหลังจากคิดแบบนั้นได้หนึ่งวินาที โกรธที่เข้ามาขัดขวางพิธีอันศักดิ์สิทธิ์เหรอ เด็กสาวจ้องมองมาที่ตนแล้วกลับตัวทำท่าวิ่งหนีเข้าไปในป่าลึก
“เดี๋ยวก่อนสิ”
ส่งเสียงเรียกตอบกลับไปแบบนั้น แขนที่ยื่นมือเข้ามาสาวน้อยก็ไปไม่ถึง ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน แต่ถ้าพลาดกับเธอที่นี่ก็จะไม่ได้เจออีกเป็นครั้งที่สอง พอได้แรงกระตุ้นแบบนั้นก็เริ่มการวิ่งไล่จับท่านกลางค่ำคืน
“(เร็ว…!)”
มิราโนะมีร่างกายที่เพรียวบางแถมยังมีกล้ามเนื้อที่ยืดหยุ่นเหมือนแส้ ต้องบอกว่าเพราะเป็นในป่าที่ไม่คุ้นชินตัวเองเลยไม่สามารถไล่ตามได้ ราวกับมีคนนำทางอยู่เธอสามารถวิ่งผ่านช่องว่างของแมกไม้ไปได้สบายๆ สะท้อนกับแสงจันทร์ที่ลงมา ผมสีขาวส่งแสงออกมา มองเห็นราวกับว่าภูติแห่งแสงกำลังโบยบินอยู่ในป่า
หลังจากนั้นระหว่างการไล่ตามไปเรื่อยๆ ระยะห่างของทั้งสองก็ค่อยๆห่างกัน จนไม่เห็นแสงสีขาวในที่สุด
“…ไม่อยู่แล้วสินะ”
ถึงจะวิ่งไปได้ระยะหนึ่งแต่มิราโนะก็ไม่หอบสักนิด แต่ว่าคำพูดของตัวเองก็ช่างขมขื่นยิ่งกว่าที่คิดซะอีก หลังจากฝ่าพงไม้ออกไปก็มีอาคารที่ดูเป็นโกดังสกปรกๆร่างของภูติที่งดงามนั้นอยู่ๆก็หายไป บางทีอาจจะเป็นภูติจริงๆก็ได้
เพราะมัวแต่คิดแบบนั้นเขาถึงได้รู้สึกถึงแสงของพระราชวังจากช่องว่างของต้นไม้ช้า สถานที่นี้ดูเหมือนจะอยู่ใกล้กับพระราชวัง บางทีเด็กสาวอาจจะนำทางตนที่หลงทางอยู่มาที่นี่ก็ได้
“…อาาาาา!”
มิราโนะคิดเรื่องแบบนั้น เขาก็ได้ยินเสียงเบาๆอย่างไม่คาดฝันดังออกมา เสียงครวญครางเต็มไปด้วยความเศร้าที่ราวกับบีบคั้นออกมาจากหัวใจ เสียงของสาวน้อยคนนั้น จะใช่หรือไม่ใช่ มิราโนะก็ไล่ตามหาไปรอบๆโกดัง
“นั่นมัน…?”
แล้วมิราโนะก็มาอยู่ที่ด้านหลังของโกดัง แล้วก็รู้สึกตัวว่าตรงหน้าต่างที่อยู่ตรงตำแหน่งที่ดูจะรับแสงได้แย่มีเปิดอยู่หนึ่งบาน ไม่สามารถเอื้อมมือไปถึง ที่กำแพงมีไม้เลื้อยอ้วนๆพันกันหลายชั้น มิราโนะลองหยิบหนึ่งเถาที่อยู่ใกล้มือแล้วใช้แรงดึง ถ้าเป็นผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่ล่ะก็คงจะไม่ปลอดภัย แต่ว่าถ้าเป็นเด็กก็ดูจะมีความแข็งแรงพอที่จะให้สามารถรับได้อย่างง่ายๆดาย
ไม่เลื้อยแข็งแรงที่พันกัน หน้าต่างที่เปิดอยู่อย่างผิดธรรมชาติ สาวน้อยที่หายไป ในหัวของมิราโนะกำลังค่อยๆเรียงข้อมูลวัตถุดิบพวกนั้นราวกับพัซเซิล
“อาา เจอแล้ว! องค์ชาย! จะเล่นไปถึงไหนเหรอขอรับ!”
ที่หางตาของมิราโนะมีคุมะฮาจิปรากฏออกมา คุมะฮาจินั้นเดินยกไหล่พร้อมกับเข้ามาใกล้ขณะที่เหมือนจะพูดบางอย่างออกมาด้วยความขุ่นเคือง
“พวกเด็กสาวในงานปาร์ตี้เอาแต่ส่งเสียงดังใหญ่เลยว่า”ไม่เอานาย เอาองค์ชายออกมา เอาองค์ชายออกมา”ใหญ่เลยขอรับ! ข้าพเจ้า รับมือไม่ไหวจริงๆแล้วขอรับ!”
“…”
คุมะฮาจิค่อนข้างโกรธจริงจัง แต่ว่ามิราโนะก็ทำเหมือนไม่สนใจ เอามือปิดไปที่ปากราวกับว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“องค์ชาย! ได้ยินหรือเปล่าขอรับ!”
“คุมะฮาจิ”
องค์ชายพูดออกไปสั้นๆ คำพูดจริงจังนั่นทำให้คุมะฮาจิสับสน แต่พริบตาต่อมาก็ทำสีหน้าจริงจังทันที คุมะฮาจินั้นดูเป็นผู้ชายที่ไม่ค่อยสนอะไรก็จริง แต่ก็เป็นผู้ชายที่รับรู้จิตใจของนายได้ทันที ถ้าไม่ใช่คนแบบนั้นละก็มิราโนะก็คงไม่เลือกคุมะฮาจิเดินทางมาด้วยแน่
“เกิดอะไรขึ้นเหรอขอรับ! ถ้ามีเงาน่าสงสัยอยู่ล่ะก็จะจัดการให้ในดาบเดียวเลยขอรับ”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอก มีเรื่องอยากจะปรึกษานิดหน่อยน่ะ ยื่นหูมาสิ”
แล้วมิราโนะก็เล่าเรื่องที่พบให้อย่างตรงไปตรงมา แล้วก็เล่าสิ่งที่คิดหลังจากนั้นให้ คุมะฮาจิก็กอดอกแล้วพูดออกมา
“หืมม เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อจริงๆขอรับ แต่ข้าพเจ้ารู้ดีว่าองค์ชายไม่ใช่คนที่แต่งเรื่องแบบนั้นแน่ แล้ว จะทำอะไรล่ะ”
“ถ้าสามารถแต่งเรื่องได้แบบนี้ ผมคงทิ้งศิลปะการต่อสู้แล้วไปเป็นกวีแล้วล่ะ”
องค์ชายพูดแบบนั้น คุมะฮาจิก็พูดว่า”อย่างนี้นี่เอง”แล้วหัวเราะออกมา
“ทำตามใจชอบเถอะ คืนนี้ก็เข้าร่วมงานเลี้ยงให้มันจบๆเถอะ ถ้าเกิดสนุกสักหน่อยล่ะก็ต้องก้าวผ่านเรื่องแย่ๆไปได้แน่ขอรับ”
“อา นั่นสินะ ถ้าอย่างนั้น มาทำกันวันพรุ่งนี้กัน คุมะฮาจิ ฝากด้วยล่ะ”
“รับทราบ”
พูดจบแล้ว มิราโนะกับคุมะฮาจิก็กลับไปที่พระราชวังด้วยกัน