แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก – ตอนที่ 4 กลับบ้าน

ชายที่สวมแว่นกรอบทองเข้าใจได้ในทันที เขารีบบอกให้บอดี้การ์ดที่ยังคงงงงวยถอดเสื้อสูทของตนออกมาแล้วส่งมอบให้เซี่ยฉิงกง

 

เซี่ยฉิงกงรีบสวมเสื้อสูท ทว่าในขณะที่เธอกำลังจะก้าวออกจากห้อง เธอก็ถูกชายสวมแว่นตากรอบทองเรียกไว้

 

“คุณหนูใหญ่ โปรดกลับบ้านพร้อมพวกเราเถอะ”

 

“กลับบ้าน ?”

 

เซี่ยฉิงกงกำลังจะอาละวาด แต่ครั้นเหลือบไปเห็นมู่เฉินฮ่าวที่กำลังชมการแสดงสนุก ๆ ตรงหน้าอยู่ เธอก็ลดเสียงลง

 

“ฉันไม่กลับ”

 

ครั้นเซี่ยฉิงกงพูดจบ เธอก็จะผละจากไป มู่เฉินฮ่าวรีบก้าวหลบออกไปยืนด้านข้าง เขาได้ยินชายสวมแว่นตากรอบทองพูดกับเซี่ยฉิงกงว่า

 

“รถของตระกูลเซี่ยจอดอยู่ที่ประตูหลัง นายท่านสั่งมาว่า ครั้งนี้ผมต้องขอร้องคุณหนูให้กลับไปให้ได้”

 

ก่อนที่เซี่ยฉิงกงจะทันพูดอะไรออกมา เธอก็ถูกบอดี้การ์ดสองคนเข้ามาประกบข้าง ทั้งสองจ้องมองชายสวมแว่นกรอบทองจากนั้นก็บังคับพาตัวเธอจากไป

 

ทันทีที่มู่เฉินฮ่าวได้ยินคำว่า ‘ตระกูลเซี่ย’ เขาก็มีคำตอบในใจทันที

 

เซี่ยฉิงกงถูกนำตัวออกจากประตูหลัง จากนั้นก็ถูกส่งตัวเข้าไปในรถ ชายแว่นตากรอบทองเข้ามานั่งข้าง ๆ เธอ เพื่อป้องกันไม่ให้เธอหลบหนี

 

รถขับไปเรื่อย ๆ ส่วนเซี่ยฉิงกงก็ทำหน้าเบื่อหน่ายหากแต่ก็ไม่พูดอะไร

 

“คุณหนูใหญ่หายตัวไปจากบ้านตั้งแต่เกิด และนั่นทำให้นายท่านไม่สบายใจมานานหลายปีแล้ว”

 

“ผมเองก็ออกติดตามหาคุณหนูใหญ่นานหลายปี กระทั่งในที่สุดก็หาพบ ทว่าน่าเสียดายที่คุณหนูกลับไม่เต็มใจที่จะกลับตระกูลของเรา”

 

“พวกคนรับใช้อย่างเราต่างก็ชื่มชมยกย่องคุณหนูใหญ่เสมอ ส่วนคุณนายก็รับปากว่าจะเลิกสร้างปัญหาแล้ว คุณหนูใหญ่สบายใจได้”

 

เซี่ยฉิงกงเบะปาก พลางหดคอลงในชุดสูทตัวใหญ่

 

เธออาศัยอยู่กับแม่ ‘เซี่ยฉิวเจิน’  และน้องสาว ‘เซี่ยหว่านอิง’ นับตั้งแต่ยังเด็ก แม่ของเธอรักและเอ็นดูเธอมาก

 

หากแต่ไม่คาดคิดว่า เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา กลุ่มชายในชุดสูทก็มาพบเธอ พวกเขาบอกเธอว่าเ ธอคือคุณหนูใหญ่ที่หายไปนานของตระกูลเซี่ย

 

ตระกูลเซี่ย แล้วไง ? ก็แค่หนึ่งในตระกูลยักษ์ใหญ่อันดับต้น ๆ ในนครเซี่ยงไฮ้ ตระกูลที่ผูกขาดการค้าไม่เหลือให้ปลาเล็กปลาน้อยได้กินเลย

 

เมื่อไม่นานมานี้ เธอเกือบเสียชีวิตบนสะพานด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ซึ่งนั่นเป็นฝีมือของแม่เลี้ยงที่ทำเพื่อป้องกันไม่ให้เธอกลับไปที่บ้านตระกูลเซี่ย

 

ครั้นนึกถึงเรื่องนี้ เซี่ยฉิงกงก็บิดตัวอย่างหงุดหงิด พลางมองออกไปนอกรถ

 

รถแล่นด้วยความเร็วค่อนข้างสูง เพียงไม่นานก็มาถึงประตูบ้านตระกูลเซี่ย

 

ก่อนที่เซี่ยฉิงกงจะลงจากรถ เธอก็เห็นแสงไฟสว่างจ้าที่บริเวณทางเข้าของคฤหาสน์บ้านตระกูลเซี่ยอันงดงาม เธอเห็นกลุ่มคนที่ยืนอยู่บริเวณทางเข้า

 

“คุณหนูใหญ่กลับมาแล้ว”

 

ชายที่สวมแว่นตากรอบทองตะโกน พลางก้าวลงจากรถคนแรก เซี่ยฉิงกงขมวดคิ้วแล้วลงจากรถ ทันทีที่นิ้วเท้าของเธอสัมผัสลงบนพื้น เธอก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

 

ตายล่ะ เธอยังคงสวมชุดที่เปิดเผย อีกทั้งเสื้อผ้าก็ขาดรุ่งริ่งด้วยน้ำมือของมู่เฉินฮ่าว ไม่ว่าใครก็ต้องเห็นสภาพน่าละอาย และเซ็กซี่ของเธอในชุดสูท …

 

ให้ตายเถอะ ทำไมถึงได้เป๊ะเว่อร์อย่างนี้นะ !

 

ชายผู้สวมแว่นตากรอบทองคนนี้เป็นลูกชายของผู้ดูแลบ้านของตระกูลเซี่ยชื่อ โจวหยุนเซิน เขารีบไล่พวกที่รอต้อนรับหน้าประตูบ้านตระกูลเซี่ยให้ถอยไป

 

แน่นอนว่า พวกตระกูลเซี่ยนี่ก็ไม่ใช่คนดีนัก รวมถึงคุณชายตระกูลมู่..ไอ้คนหาเรื่องตายนั่นด้วย กล้าดียังไงมาฉีกเสื้อผ้าของเธอเป็นชิ้น ๆ ซ้ำยังเป็นชิ้นที่อยู่บริเวณหน้าอกของเธอ ซึ่งทำให้เธอต้องอับอายขายหน้ามากในตอนนี้

 

ในขณะที่กลุ่มคนค่อย ๆ ทะยอยเดินเข้าบ้านตระกูลเซี่ย จู่ ๆ พวกเขาก็ต้องหยุดชะงัก

 

แม่เลี้ยงของเธอ เจินเมี่ยวหยูเดินนำ คุณหนูรอง เซี่ยชิงฉวนมา หยุดยืนอยู่ที่ประตู สองแม่ลูกมองเสื้อผ้าของเซี่ยฉิงกงด้วยสายตาดูถูกอย่างเห็นได้ชัดเจน

 

เซี่ยฉิงกงหัวเราะเยาะ พลางเชิดหน้าขึ้น เธอเดินอย่างมั่นใจเข้าไปหาผู้หญิงทั้งสองที่ยืนอยู่ตรงหน้า

 

“โอ้..ใครกันนี่ ? จำแทบไม่ได้เลย แหม่…ฉันก็นึกว่ามาจากซ่องไหนซะอีก” เซี่ยชิงฉวนกอดอก พลางมองเซี่ยฉิงกงด้วยท่าทางเยาะเย้ย

 

“วันนี้นายท่านสั่งให้ผมไปพาคุณหนูใหญ่กลับมา” โจวหยุนเซินตอบกลับเซี่ยชิงฉวน

 

“คุณหนู..ใหญ่จริง ๆ” เซี่ยชิงฉวนพูดเล่นสำนวน พลันแววตาประชดของเธอก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น

 

***จบตอน กลับบ้าน***

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก
Status: Ongoing
โดย เรื่อง แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก บ้างส่วนของนิยาย ณ ผับคราวน์คลับ ที่ยิ่งดึกก็ยิ่งมีชีวิตชีวา ภายในห้องส่วนตัวห้องหนึ่งที่ตกแต่งด้วยแสงสลัว และมืดทึม “โจวตัน ไอ้หัวหมูนั่นอยากร่วมมือกับฉันด้วยเรอะ ! เฮอะ เขาคงเขมือบเงินทองมากไปจนไม่ดูฐานะของตัวเองเลย ถ้าไม่ใช่เพื่อกำราบความหยิ่งยโสของตระกูลเซี่ย ฉันไม่ทางเซ็นสัญญากับไอ้หมูนั่นแน่ ?” “ตูม !” มือเล็กกดโทรศัพท์บนโต๊ะ เพื่อปิดเสียงที่บันทึกไว้ นิ้วเรียวยาวขาวละเอียดวาวอย่างคนสุขภาพผิวดี “บอสโจว คุณได้ยินแล้วใช่ไหม ?” เจ้าของมือยิ้ม ใบหน้าของโจวตันที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเปลี่ยนเป็นสีตับหมูซึ่งเห็นได้ชัดเจนมากแม้จะอยู่ภายใต้แสงริบหรี่ “อ้อ..และนี่” เซี่ยฉิงกงจูบสัญญานั่นแล้วพับครึ่ง ก่อนจะซุกไว้บริเวณบั้นเอวภายใต้เสื้อของเธอ เครื่องแบบบริกรของผับคราวน์คลับนี่ออกจะเปิดเผยมาก จนเซี่ยฉิงกงต้องดึงขอบเสื้อบนหน้าอกของเธอขึ้นอย่างแรง แต่ก่อนที่เธอจะจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เธอก็รู้สึกว่าไหล่ของเธอถูกดึงขึ้น “นี่เธอ ช่วยส่งไวน์นี้ไปที่ห้อง 8069 ด้วย” ผู้จัดการเจ้ากี้เจ้าการยกแขนของเซี่ยฉิงกงแล้วยัดถาดใส่มือเธอ เซี่ยฉิงกงยักไหล่ ในเมื่อปลอมตัวเป็นบริกรก็ต้องมีจรรยาบรรณในวิชาชีพจนกว่าจะหมดหน้าที่ อย่างไรเสียที่สุดฉันก็ได้สัญญามาแล้ว เอาเป็นว่าฉันยินดีที่จะส่งไวน์ให้ก็แล้วกัน “8096 หรือ 8069 ?” เซี่ยฉิงกงคลำทางเดินไปพร้อมกับถาดที่ใส่ไวน์แดง ขณะเดียวกันก็มองผู้คนในห้องส่วนตัวเหล่านั้นอย่างระแวดระวัง เธอโทรไปที่แผนกต้อนรับ แต่สายไม่ว่างเลย เธอจึงไม่รู้ว่าห้องไหนแน่ และนั่นทำให้เซี่ยฉิงกงต้องค่อย ๆ คลำหาไปเรื่อย ๆ “ช่างมันเถอะ เลือกเอาสักห้องก็แล้วกัน !” ต่อให้เปิดประตูเข้าไปแล้วผิด ก็แค่ออกมาเท่านั้นเอง ! เมื่อนึกได้เช่นนี้ เซี่ยฉิงกงก็เคาะประตู 8069 เธอไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวใด ๆ จึงค่อย ๆ แง้มประตูเปิดออก “อา !” แล้วเซี่ยฉิงกงก็ต้องผงะกับฉากในห้อง “ขอโทษค่ะ คุณผู้ชาย… “ แม้ว่าแสงไฟจะไม่สว่างไสวเท่าใดนัก ทว่าเซี่ยฉิงกงก็พอจะมองเห็นว่า ชายคนหนึ่งในห้องกำลังกดร่างของผู้หญิงที่เสื้อผ้าหลุดรุ่ยอยู่บนโซฟา ทันทีที่เห็นประตูเปิดออก ทั้งสองคนในห้องก็มองไปที่ประตู เซี่ยฉิงกงยังคงสามารถมองเห็นผมยาวยุ่งเหยิงของสาวงามคนนั้น ทั้งยังใบหน้าที่ดูเหมือนจะเมามายเล็กน้อย นอกจากนี้เสื้อผ้าที่แหวกลึกของเธอยังเปิดรับสายลมฤดูใบไม้ผลิมากจนน่าละอาย “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ !” เซี่ยฉิงกงกำลังจะปิดประตู รีบเผ่นจากไป ทว่าชายในห้องกลับห้ามเธอไว้ มู่เฉินฮ่าวปลดมือหญิงสาวที่กำลังคล้องคอของเขาไว้ เขาเหลือบตาไปมองเซี่ยฉิงกงด้วยท่าทีที่อันตราย “ไม่คาดคิดว่าจะมีพวกมาด้วย” มู่เฉินฮ่าวลุกขึ้นนั่งตัวตรง สายตาที่เขามองเซี่ยฉิงกงเต็มไปด้วยความเย็นชา “คุณผู้ชายคะ คุณเข้าใจผิด ฉันไม่รู้จักเธอเลย” เซี่ยฉิงกงรู้ดีว่าคนที่มาผับคราวน์คลับแห่งนี้ล้วนเป็นพวกเศรษฐี หรือมีอำนาจพอควร ดังนั้นเธอจึงไม่ควรสร้างปัญหาใด ๆ ที่นี่ หลังจากได้สัญญา และเสิร์ฟไวน์เรียบร้อยแล้ว เธอก็จะออกไปจากที่นี่ทันที “นั่นเธอถ่ายรูปไว้ใช่ไหม เอามานี่” เซี่ยฉิงกงเพิ่งสังเกตเห็นว่า เธอยังคงถือมือถือที่เพิ่งโทรหาแผนกต้อนรับเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง … แย่แล้ว ! เขาคงคิดว่า เธอกำลังถ่ายภาพลามกที่พวกเขามีอะไรกันเพื่อใช้แบล็คเมล์ ดังนั้นเขาจึงมองเธอด้วยสายตาเช่นนั้น ! คนอะไรหน้าด้านชะมัด ? นี่คงลักกินขโมยกินล่ะสิท่าถึงกลัวโดนถ่ายรูป ? หน้าตาก็หล่อเหลาดี แต่กลับกินไม่เลือกเหมือนหมา ฉิงกงคิดกับตัวเอง “คุณผู้ชาย ฉันคิดว่าคุณคงเข้าใจผิด ฉันไม่ได้ถ่ายรูปคุณ” ในใจของเซี่ยฉิงกงรู้สึกขยะแขยง ทว่าเธอก็พยายามพูดอย่างใจเย็น เพราะมีรูปโป๊ของภรรยาโจวตันกับชายอื่นอยู่ในโทรศัพท์มือถือของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่อาจโชว์ให้เขาดูได้ มู่เฉินฮ่าวยิ่งมั่นใจว่า ผู้หญิงทั้งสองคนเป็นพวกเดียวกัน “ใครส่งเธอมา ?” น้ำเสียงของมู่เฉินฮ่าวเย็นชา ทำให้เซี่ยฉิงกงอึดอัดมาก นี่หมายความว่าไง ? แสดงว่าต่อให้เธอกระโดดลงล้างตัวที่แม่น้ำฮวงโหก็ไม่สะอาดล่ะสินะ ? (สำนวนแปลว่า แก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น) “ฉันมาเอง” เซี่ยฉิงกงเผลอตอบไปโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็เหลือบไปมองหญิงสาวบนโซฟาที่กำลังมองจ้องมาด้วยสายตาแปลก ๆ เธอรีบเปลี่ยนคำพูดว่า “คุณผู้ชาย คุณเห็นมั้ย ? ฉันเป็นแค่บริกรตัวเล็ก ๆ ฉันต้องรีบนำไวน์ไปเสิร์ฟห้องที่เขาสั่งไว้ !” “เลิกพูดไร้สาระ ส่งโทรศัพท์ของเธอมา” มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจคำร้องขอความเมตตาของเธอ เขากวาดตามองเธอจากหัวจรดเท้าก่อนจะพูดต่อ เซี่ยฉิงกงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ คน ๆ นี้ คือโจโฉกลับชาติมาเกิดหรือไง ? ท่าทางเขาแลดูน่าสงสัยมาก ถ้าจะระแวงกันถึงขนาดนี้ จะมาเที่ยวผับนี่ทำไม ? “ฉัน…” “ยังไม่ไสหัวไปอีก !” “ฉันจะไปแล้ว จะไปแล้ว … ” เซี่ยฉิงกงพยักหน้า พร้อมกับโค้งคำนับทันทีที่เธอได้ยินประโยคนี้ “ไม่ใช่เธอ” มู่เฉินฮ่าวขัดจังหวะเซี่ยฉิงกงทันที เขาเบี่ยงหน้าเล็กน้อยแววตาของเขาเย็นชาอีกทั้งน่ากลัว ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขาดึงขอบเสื้อเกาะอกของเธอขึ้นมาให้เข้าที่เข้าทาง ความขาวเนียนราวหิมะทำให้เซี่ยฉิงกงตาแทบค้าง “คุณชายมู่… ” ผู้หญิงคนนั้นครางชื่อเขาเบา ๆ ด้วยความเสียใจ หากแต่เธอกลัวสายตาที่เย็นชาของมู่เฉินฮ่าวมากกว่า เธอจึงไม่กล้าขัดขืนคำสั่งเขา ก่อนที่เธอจะจากไป เธอยังกวาดตามองเซี่ยฉิงกงอย่างอาฆาตมาดร้าย เซี่ยฉิงกงสับสน เธอหันไปมองมู่เฉินฮ่าวด้วยความประหลาดใจ เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย ? “ฉันเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟเท่านั้น !” เซี่ยฉิงกงพยายามใจกล้ากล่าวย้ำอีกครั้ง มู่เฉินฮ่าวเยาะเย้ย “บริกรที่ผับคราวน์ก็ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงเสิร์ฟน้ำเท่านั้นนี่” ครั้นได้ยินเขาพูดเช่นนั้น เซี่ยฉิงกงก็เข้าใจได้ทันที เธอหยิบถาดขึ้นมาด้วยความโกรธ หวังจะรีบออกไปจากห้อง ทว่าเธอก้าวออกไปได้เพียงก้าวเดียว มู่เฉินฮ่าวก็กระชากตัวเธอกลับมาอย่างแรง ไวน์แดงในถาดพลัดตกลงบนพื้นและแตกกระจาย จบกัน ฉันทำไวน์ตกแตก ไวน์นี่มีมูลค่าหลายแสนเสียด้วย ? “คุณบ้าไปแล้ว !” เซี่ยฉิงกงโกรธมาก มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจกับความโกรธของเธอเลย เขากดร่างเซี่ยฉิงกงลงบนโซฟา ครั้นถูกกดตัวอย่างแรง เซี่ยฉิงกงก็เดือดจัด เธอยกมือขึ้นผลักอกมู่เฉินฮ่าวออก “นี่ไม่ใช่ความต้องการของเธอหรอกเหรอ ในเมื่อมาเสนอตัวถึงหน้าประตูก็อย่าโทษว่าฉันหยาบคาย” “ความต้องการของฉันงั้นรึ ? นี่คุณสมองพิการหรือเปล่า..หา..?” เซี่ยฉิงกงดิ้นรนขัดขืน ทว่ากลับถูกกดตัวไว้อย่างแน่นหนา มู่เฉินฮ่าวยกมือของเธอขึ้นเหนือศีรษะ “ปล่อยฉันนะ คนไร้ยางอาย !”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset