“พี่ฉิงกง ไม่รู้จักมารยาทเลยรึไง ? ไม่เห็นเหรอว่าพวกเราทั้งครอบครัวรอรับประทานอาหารเช้าอยู่ ? ไม่มีใครสั่งสอนเรื่องการรักษาเวลาเลยรึไง ?”
ฉิงกงยังไม่ทันได้พูดอะไร คำพูดเสียดสีของเซี่ยชิงฉวนก็ยิงใส่เธอเป็นชุด
เจินเมี่ยวหยูยิ้ม พลางยกมือของเซี่ยชิงฉวนขึ้นมาตบเบา ๆ
“ชิงฉวน ลูกพูดกับพี่สาวแบบนี้ได้อย่างไร ? เธอกำลังจะแต่งงานกับบ้านสกุลมู่ อย่างที่คนเขาว่าไว้ ลูกสาวที่แต่งงานแล้วก็เหมือนน้ำที่สาดออกไปแล้ว เดี๋ยวต่อไปเราจะเข้าหน้ากันไม่ติดนะ”
ฉิงกงเข้าใจนัยยะในคำพูดของเจินเมี่ยวหยูดี
ทันทีที่ฉิงกงแต่งงานไป ชิงฉวนก็จะกลายเป็นคุณหนูคนเดียวของตระกูลนี้ใช่ไหม ?
เมื่อถึงเวลานั้น ทั้งเจินเมี่ยวหยูที่นอนร่วมเตียงเดียวกัน ทั้งชิงฉวนที่อยู่ร่วมกับเซี่ยเจิ้งหัวมานานก็จะกลับมาใช้ชีวิตร่วมกันแบบเดิมอีกครั้ง และรักกันอย่างที่เคยเป็นมา
เพียงไม่กี่วัน เขาก็คงลืมว่ายังมีเธอเป็นลูกสาวของเขาอีกคน
และเธอ เซี่ยฉิงกงก็จะกลายเป็นเพียงเครื่องมือเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลมู่โดยอาศัยการแต่งงานไม่มีอะไรนอกเหนือจากนั้น
หากไม่ใช่เป็นเพราะเจินเมี่ยวหยูส่งคนไปไล่ล่าเธอ ฉิงกงก็คงจะไม่กลับมาตระกูลเซี่ยเพื่อมีเรื่องกับแม่ลูกคู่นี้
และตอนนี้ คนอย่างเซี่ยฉิงกงก็ไม่มีทางปล่อยเจินเมี่ยวหยูไปอย่างแน่นอน
แม่บุญธรรมเคยมีสุขภาพแข็งแรงมาตลอด จู่ ๆ ก็มาล้มป่วยหนักอย่างน่าประหลาดใจ สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้เซี่ยฉิงกงจะต้องสืบให้ทราบทีละประเด็น ๆ
“ใช่ น่าเสียดายที่แม่ของหนูเสียชีวิตเร็วเกินไป ดังนั้นหนูขอให้คุณน้าช่วยดูแลคุณพ่อของหนูด้วย”
ครั้นเห็นหยาดน้ำตาเริ่มเอ่อคลอที่หัวตาของเซี่ยฉิงกง เซี่ยเจิ้งหัวก็ยิ่งรู้สึกทุกข์ใจ
เซี่ยเจิ้งหัวกล่าวตำหนิ
“เมี่ยวหยูพูดอะไรแบบนั้น ? ชิงฉวนก็ไม่รู้อะไรควรพูดไม่ควรพูด หลังจากฉิงกงแต่งงานเข้าบ้านสกุลมู่แล้ว ก็ยังสามารถกลับมาที่บ้านสกุลเซี่ยได้ตลอดเวลา เข้าใจมั้ย ?”
จากคำตำหนิของเซี่ยเจิ้งหัว ใบหน้าของเจินเมี่ยวหยูพลันซีดลง เธอไม่กล้าพูดอะไรมากกว่านี้ เพราะเซี่ยเจิ้งหัวยังคงเป็นผู้นำตระกูล
“จริงเหรอคะ ขอบคุณค่ะคุณพ่อ”
เซี่ยฉิงกงแสร้งทำเป็นตื่นเต้นดีใจ เธอโผเข้าไปกอดแขนของเซี่ยเจิ้งหัว และนั่นทำให้หัวใจของเซี่ยเจิ้งหัวลุกโชนด้วยความรักลูกสาวคนนี้ขึ้นมาอีกครั้ง
เขารู้สึกเสียใจมาหลายปีแล้ว ที่ทอดทิ้งปล่อยให้ลูกสาวคนนี้ใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกเพียงลำพัง
…
มู่เฉินฮ่าวเอนกายพิงพนักเก้าอี้ พลางรับประทานอาหารเช้าด้วยท่วงท่าสง่างาม ขณะเดียวกันก็รับชม ‘การแสดง’ ของเซี่ยฉิงกงไปด้วย รอยยิ้มยกขึ้นที่มุมปากโดยไม่รู้ตัว นัยน์ตาแหลมคมลึกล้ำของเขาจับจ้องมองเซี่ยฉิงกงไม่วางตา
ผู้หญิงคนนี้..น่าสนใจจริง ๆ .. ทั้งฉลาด ทั้งเจ้าเล่ห์ เธอแสร้งทำเป็นกระต่ายขาวตัวน้อย ทั้งที่แท้จริงแล้ว เธอเป็นเม่นที่มีหนามแหลมนับร้อยอยู่บนตัว
หลังอาหารเช้า คนที่ตระกูลมู่ส่งมารับเซี่ยฉิงกง และมู่เฉินฮ่าวก็มาถึง
ผู้มาเยือนเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา แม้จะอายุยังน้อย หากแต่เขาก็ดูจริงจัง เขายืนอยู่ที่ประตูอย่างสำรวมพลางกล่าวว่า
“นายน้อย คุณหนูเซี่ย นี่ก็สายมากแล้ว ได้เวลากลับบ้านกันแล้ว นายท่านกำลังรอพวกคุณอยู่”
มู่เฉินฮ่าวพยักหน้า
“อืม งั้นเราก็ไปกันเลย”
เซี่ยฉิงกงต้องกลับไปที่บ้านสกุลมู่พร้อมกับมู่เฉินฮ่าว แม้ว่าเธอจะไม่อยากไปบ้านสกุลมู่พร้อมกับเขา แต่ก็ยังดีกว่าอยู่ที่บ้านสกุลเซี่ย และต้องทนเห็นหน้าสองแม่ลูกที่น่าขยะแขยงนั่นทุกวัน
ณ บริเวณทางเข้าคฤหาสน์บ้านสกุลเซี่ยมีรถเมอร์ซิเดสเบนซ์ รุ่น เอส 600 สีดำจอดอยู่ ตามด้วยแถวของรถเมอร์ซิเดสเบนซ์เรียงกันเป็นตับ
…
หลังจากเซี่ยฉิงกงกวาดตามองแล้ว เธอก็ต้องสะดุดตากับเอส 600 รถเก๋งหรูระดับเอสคลาสของบริษัทเมอร์ซิเดสเบนซ์ ซึ่งมันเป็นรถกันกระสุน ถ้าฉิงกงจำไม่ผิด… รถคันนี้ต้องเป็นของผู้นำทางการเมือง หรือไม่ก็นักธุรกิจระดับโลกเท่านั้น
***จบตอน ออกจากบ้านสกุลเซี่ย***