แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก – ตอนที่ 18 ออกจากบ้านสกุลเซี่ย

“พี่ฉิงกง ไม่รู้จักมารยาทเลยรึไง ? ไม่เห็นเหรอว่าพวกเราทั้งครอบครัวรอรับประทานอาหารเช้าอยู่ ? ไม่มีใครสั่งสอนเรื่องการรักษาเวลาเลยรึไง ?”

 

ฉิงกงยังไม่ทันได้พูดอะไร คำพูดเสียดสีของเซี่ยชิงฉวนก็ยิงใส่เธอเป็นชุด

 

เจินเมี่ยวหยูยิ้ม พลางยกมือของเซี่ยชิงฉวนขึ้นมาตบเบา ๆ

 

“ชิงฉวน ลูกพูดกับพี่สาวแบบนี้ได้อย่างไร ? เธอกำลังจะแต่งงานกับบ้านสกุลมู่ อย่างที่คนเขาว่าไว้ ลูกสาวที่แต่งงานแล้วก็เหมือนน้ำที่สาดออกไปแล้ว เดี๋ยวต่อไปเราจะเข้าหน้ากันไม่ติดนะ”

 

ฉิงกงเข้าใจนัยยะในคำพูดของเจินเมี่ยวหยูดี

 

ทันทีที่ฉิงกงแต่งงานไป ชิงฉวนก็จะกลายเป็นคุณหนูคนเดียวของตระกูลนี้ใช่ไหม ?

 

เมื่อถึงเวลานั้น ทั้งเจินเมี่ยวหยูที่นอนร่วมเตียงเดียวกัน ทั้งชิงฉวนที่อยู่ร่วมกับเซี่ยเจิ้งหัวมานานก็จะกลับมาใช้ชีวิตร่วมกันแบบเดิมอีกครั้ง และรักกันอย่างที่เคยเป็นมา

 

เพียงไม่กี่วัน เขาก็คงลืมว่ายังมีเธอเป็นลูกสาวของเขาอีกคน

 

และเธอ เซี่ยฉิงกงก็จะกลายเป็นเพียงเครื่องมือเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลมู่โดยอาศัยการแต่งงานไม่มีอะไรนอกเหนือจากนั้น

 

หากไม่ใช่เป็นเพราะเจินเมี่ยวหยูส่งคนไปไล่ล่าเธอ ฉิงกงก็คงจะไม่กลับมาตระกูลเซี่ยเพื่อมีเรื่องกับแม่ลูกคู่นี้

 

และตอนนี้ คนอย่างเซี่ยฉิงกงก็ไม่มีทางปล่อยเจินเมี่ยวหยูไปอย่างแน่นอน

 

แม่บุญธรรมเคยมีสุขภาพแข็งแรงมาตลอด จู่ ๆ ก็มาล้มป่วยหนักอย่างน่าประหลาดใจ สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้เซี่ยฉิงกงจะต้องสืบให้ทราบทีละประเด็น ๆ

 

“ใช่ น่าเสียดายที่แม่ของหนูเสียชีวิตเร็วเกินไป ดังนั้นหนูขอให้คุณน้าช่วยดูแลคุณพ่อของหนูด้วย”

 

ครั้นเห็นหยาดน้ำตาเริ่มเอ่อคลอที่หัวตาของเซี่ยฉิงกง เซี่ยเจิ้งหัวก็ยิ่งรู้สึกทุกข์ใจ

 

เซี่ยเจิ้งหัวกล่าวตำหนิ

 

“เมี่ยวหยูพูดอะไรแบบนั้น ? ชิงฉวนก็ไม่รู้อะไรควรพูดไม่ควรพูด หลังจากฉิงกงแต่งงานเข้าบ้านสกุลมู่แล้ว ก็ยังสามารถกลับมาที่บ้านสกุลเซี่ยได้ตลอดเวลา เข้าใจมั้ย ?”

 

จากคำตำหนิของเซี่ยเจิ้งหัว ใบหน้าของเจินเมี่ยวหยูพลันซีดลง เธอไม่กล้าพูดอะไรมากกว่านี้ เพราะเซี่ยเจิ้งหัวยังคงเป็นผู้นำตระกูล

 

“จริงเหรอคะ ขอบคุณค่ะคุณพ่อ”

 

เซี่ยฉิงกงแสร้งทำเป็นตื่นเต้นดีใจ เธอโผเข้าไปกอดแขนของเซี่ยเจิ้งหัว และนั่นทำให้หัวใจของเซี่ยเจิ้งหัวลุกโชนด้วยความรักลูกสาวคนนี้ขึ้นมาอีกครั้ง

 

เขารู้สึกเสียใจมาหลายปีแล้ว ที่ทอดทิ้งปล่อยให้ลูกสาวคนนี้ใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกเพียงลำพัง

 

 

มู่เฉินฮ่าวเอนกายพิงพนักเก้าอี้ พลางรับประทานอาหารเช้าด้วยท่วงท่าสง่างาม ขณะเดียวกันก็รับชม ‘การแสดง’ ของเซี่ยฉิงกงไปด้วย รอยยิ้มยกขึ้นที่มุมปากโดยไม่รู้ตัว นัยน์ตาแหลมคมลึกล้ำของเขาจับจ้องมองเซี่ยฉิงกงไม่วางตา

 

ผู้หญิงคนนี้..น่าสนใจจริง ๆ .. ทั้งฉลาด ทั้งเจ้าเล่ห์ เธอแสร้งทำเป็นกระต่ายขาวตัวน้อย ทั้งที่แท้จริงแล้ว เธอเป็นเม่นที่มีหนามแหลมนับร้อยอยู่บนตัว

 

หลังอาหารเช้า คนที่ตระกูลมู่ส่งมารับเซี่ยฉิงกง และมู่เฉินฮ่าวก็มาถึง

 

ผู้มาเยือนเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา แม้จะอายุยังน้อย หากแต่เขาก็ดูจริงจัง เขายืนอยู่ที่ประตูอย่างสำรวมพลางกล่าวว่า

 

“นายน้อย คุณหนูเซี่ย นี่ก็สายมากแล้ว ได้เวลากลับบ้านกันแล้ว นายท่านกำลังรอพวกคุณอยู่”

 

มู่เฉินฮ่าวพยักหน้า

 

“อืม งั้นเราก็ไปกันเลย”

 

เซี่ยฉิงกงต้องกลับไปที่บ้านสกุลมู่พร้อมกับมู่เฉินฮ่าว แม้ว่าเธอจะไม่อยากไปบ้านสกุลมู่พร้อมกับเขา แต่ก็ยังดีกว่าอยู่ที่บ้านสกุลเซี่ย และต้องทนเห็นหน้าสองแม่ลูกที่น่าขยะแขยงนั่นทุกวัน

 

ณ บริเวณทางเข้าคฤหาสน์บ้านสกุลเซี่ยมีรถเมอร์ซิเดสเบนซ์ รุ่น เอส 600 สีดำจอดอยู่ ตามด้วยแถวของรถเมอร์ซิเดสเบนซ์เรียงกันเป็นตับ

 

 

หลังจากเซี่ยฉิงกงกวาดตามองแล้ว เธอก็ต้องสะดุดตากับเอส 600 รถเก๋งหรูระดับเอสคลาสของบริษัทเมอร์ซิเดสเบนซ์ ซึ่งมันเป็นรถกันกระสุน ถ้าฉิงกงจำไม่ผิด… รถคันนี้ต้องเป็นของผู้นำทางการเมือง หรือไม่ก็นักธุรกิจระดับโลกเท่านั้น

 

***จบตอน ออกจากบ้านสกุลเซี่ย***

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก
Status: Ongoing
โดย เรื่อง แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก บ้างส่วนของนิยาย ณ ผับคราวน์คลับ ที่ยิ่งดึกก็ยิ่งมีชีวิตชีวา ภายในห้องส่วนตัวห้องหนึ่งที่ตกแต่งด้วยแสงสลัว และมืดทึม “โจวตัน ไอ้หัวหมูนั่นอยากร่วมมือกับฉันด้วยเรอะ ! เฮอะ เขาคงเขมือบเงินทองมากไปจนไม่ดูฐานะของตัวเองเลย ถ้าไม่ใช่เพื่อกำราบความหยิ่งยโสของตระกูลเซี่ย ฉันไม่ทางเซ็นสัญญากับไอ้หมูนั่นแน่ ?” “ตูม !” มือเล็กกดโทรศัพท์บนโต๊ะ เพื่อปิดเสียงที่บันทึกไว้ นิ้วเรียวยาวขาวละเอียดวาวอย่างคนสุขภาพผิวดี “บอสโจว คุณได้ยินแล้วใช่ไหม ?” เจ้าของมือยิ้ม ใบหน้าของโจวตันที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเปลี่ยนเป็นสีตับหมูซึ่งเห็นได้ชัดเจนมากแม้จะอยู่ภายใต้แสงริบหรี่ “อ้อ..และนี่” เซี่ยฉิงกงจูบสัญญานั่นแล้วพับครึ่ง ก่อนจะซุกไว้บริเวณบั้นเอวภายใต้เสื้อของเธอ เครื่องแบบบริกรของผับคราวน์คลับนี่ออกจะเปิดเผยมาก จนเซี่ยฉิงกงต้องดึงขอบเสื้อบนหน้าอกของเธอขึ้นอย่างแรง แต่ก่อนที่เธอจะจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เธอก็รู้สึกว่าไหล่ของเธอถูกดึงขึ้น “นี่เธอ ช่วยส่งไวน์นี้ไปที่ห้อง 8069 ด้วย” ผู้จัดการเจ้ากี้เจ้าการยกแขนของเซี่ยฉิงกงแล้วยัดถาดใส่มือเธอ เซี่ยฉิงกงยักไหล่ ในเมื่อปลอมตัวเป็นบริกรก็ต้องมีจรรยาบรรณในวิชาชีพจนกว่าจะหมดหน้าที่ อย่างไรเสียที่สุดฉันก็ได้สัญญามาแล้ว เอาเป็นว่าฉันยินดีที่จะส่งไวน์ให้ก็แล้วกัน “8096 หรือ 8069 ?” เซี่ยฉิงกงคลำทางเดินไปพร้อมกับถาดที่ใส่ไวน์แดง ขณะเดียวกันก็มองผู้คนในห้องส่วนตัวเหล่านั้นอย่างระแวดระวัง เธอโทรไปที่แผนกต้อนรับ แต่สายไม่ว่างเลย เธอจึงไม่รู้ว่าห้องไหนแน่ และนั่นทำให้เซี่ยฉิงกงต้องค่อย ๆ คลำหาไปเรื่อย ๆ “ช่างมันเถอะ เลือกเอาสักห้องก็แล้วกัน !” ต่อให้เปิดประตูเข้าไปแล้วผิด ก็แค่ออกมาเท่านั้นเอง ! เมื่อนึกได้เช่นนี้ เซี่ยฉิงกงก็เคาะประตู 8069 เธอไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวใด ๆ จึงค่อย ๆ แง้มประตูเปิดออก “อา !” แล้วเซี่ยฉิงกงก็ต้องผงะกับฉากในห้อง “ขอโทษค่ะ คุณผู้ชาย… “ แม้ว่าแสงไฟจะไม่สว่างไสวเท่าใดนัก ทว่าเซี่ยฉิงกงก็พอจะมองเห็นว่า ชายคนหนึ่งในห้องกำลังกดร่างของผู้หญิงที่เสื้อผ้าหลุดรุ่ยอยู่บนโซฟา ทันทีที่เห็นประตูเปิดออก ทั้งสองคนในห้องก็มองไปที่ประตู เซี่ยฉิงกงยังคงสามารถมองเห็นผมยาวยุ่งเหยิงของสาวงามคนนั้น ทั้งยังใบหน้าที่ดูเหมือนจะเมามายเล็กน้อย นอกจากนี้เสื้อผ้าที่แหวกลึกของเธอยังเปิดรับสายลมฤดูใบไม้ผลิมากจนน่าละอาย “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ !” เซี่ยฉิงกงกำลังจะปิดประตู รีบเผ่นจากไป ทว่าชายในห้องกลับห้ามเธอไว้ มู่เฉินฮ่าวปลดมือหญิงสาวที่กำลังคล้องคอของเขาไว้ เขาเหลือบตาไปมองเซี่ยฉิงกงด้วยท่าทีที่อันตราย “ไม่คาดคิดว่าจะมีพวกมาด้วย” มู่เฉินฮ่าวลุกขึ้นนั่งตัวตรง สายตาที่เขามองเซี่ยฉิงกงเต็มไปด้วยความเย็นชา “คุณผู้ชายคะ คุณเข้าใจผิด ฉันไม่รู้จักเธอเลย” เซี่ยฉิงกงรู้ดีว่าคนที่มาผับคราวน์คลับแห่งนี้ล้วนเป็นพวกเศรษฐี หรือมีอำนาจพอควร ดังนั้นเธอจึงไม่ควรสร้างปัญหาใด ๆ ที่นี่ หลังจากได้สัญญา และเสิร์ฟไวน์เรียบร้อยแล้ว เธอก็จะออกไปจากที่นี่ทันที “นั่นเธอถ่ายรูปไว้ใช่ไหม เอามานี่” เซี่ยฉิงกงเพิ่งสังเกตเห็นว่า เธอยังคงถือมือถือที่เพิ่งโทรหาแผนกต้อนรับเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง … แย่แล้ว ! เขาคงคิดว่า เธอกำลังถ่ายภาพลามกที่พวกเขามีอะไรกันเพื่อใช้แบล็คเมล์ ดังนั้นเขาจึงมองเธอด้วยสายตาเช่นนั้น ! คนอะไรหน้าด้านชะมัด ? นี่คงลักกินขโมยกินล่ะสิท่าถึงกลัวโดนถ่ายรูป ? หน้าตาก็หล่อเหลาดี แต่กลับกินไม่เลือกเหมือนหมา ฉิงกงคิดกับตัวเอง “คุณผู้ชาย ฉันคิดว่าคุณคงเข้าใจผิด ฉันไม่ได้ถ่ายรูปคุณ” ในใจของเซี่ยฉิงกงรู้สึกขยะแขยง ทว่าเธอก็พยายามพูดอย่างใจเย็น เพราะมีรูปโป๊ของภรรยาโจวตันกับชายอื่นอยู่ในโทรศัพท์มือถือของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่อาจโชว์ให้เขาดูได้ มู่เฉินฮ่าวยิ่งมั่นใจว่า ผู้หญิงทั้งสองคนเป็นพวกเดียวกัน “ใครส่งเธอมา ?” น้ำเสียงของมู่เฉินฮ่าวเย็นชา ทำให้เซี่ยฉิงกงอึดอัดมาก นี่หมายความว่าไง ? แสดงว่าต่อให้เธอกระโดดลงล้างตัวที่แม่น้ำฮวงโหก็ไม่สะอาดล่ะสินะ ? (สำนวนแปลว่า แก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น) “ฉันมาเอง” เซี่ยฉิงกงเผลอตอบไปโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็เหลือบไปมองหญิงสาวบนโซฟาที่กำลังมองจ้องมาด้วยสายตาแปลก ๆ เธอรีบเปลี่ยนคำพูดว่า “คุณผู้ชาย คุณเห็นมั้ย ? ฉันเป็นแค่บริกรตัวเล็ก ๆ ฉันต้องรีบนำไวน์ไปเสิร์ฟห้องที่เขาสั่งไว้ !” “เลิกพูดไร้สาระ ส่งโทรศัพท์ของเธอมา” มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจคำร้องขอความเมตตาของเธอ เขากวาดตามองเธอจากหัวจรดเท้าก่อนจะพูดต่อ เซี่ยฉิงกงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ คน ๆ นี้ คือโจโฉกลับชาติมาเกิดหรือไง ? ท่าทางเขาแลดูน่าสงสัยมาก ถ้าจะระแวงกันถึงขนาดนี้ จะมาเที่ยวผับนี่ทำไม ? “ฉัน…” “ยังไม่ไสหัวไปอีก !” “ฉันจะไปแล้ว จะไปแล้ว … ” เซี่ยฉิงกงพยักหน้า พร้อมกับโค้งคำนับทันทีที่เธอได้ยินประโยคนี้ “ไม่ใช่เธอ” มู่เฉินฮ่าวขัดจังหวะเซี่ยฉิงกงทันที เขาเบี่ยงหน้าเล็กน้อยแววตาของเขาเย็นชาอีกทั้งน่ากลัว ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขาดึงขอบเสื้อเกาะอกของเธอขึ้นมาให้เข้าที่เข้าทาง ความขาวเนียนราวหิมะทำให้เซี่ยฉิงกงตาแทบค้าง “คุณชายมู่… ” ผู้หญิงคนนั้นครางชื่อเขาเบา ๆ ด้วยความเสียใจ หากแต่เธอกลัวสายตาที่เย็นชาของมู่เฉินฮ่าวมากกว่า เธอจึงไม่กล้าขัดขืนคำสั่งเขา ก่อนที่เธอจะจากไป เธอยังกวาดตามองเซี่ยฉิงกงอย่างอาฆาตมาดร้าย เซี่ยฉิงกงสับสน เธอหันไปมองมู่เฉินฮ่าวด้วยความประหลาดใจ เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย ? “ฉันเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟเท่านั้น !” เซี่ยฉิงกงพยายามใจกล้ากล่าวย้ำอีกครั้ง มู่เฉินฮ่าวเยาะเย้ย “บริกรที่ผับคราวน์ก็ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงเสิร์ฟน้ำเท่านั้นนี่” ครั้นได้ยินเขาพูดเช่นนั้น เซี่ยฉิงกงก็เข้าใจได้ทันที เธอหยิบถาดขึ้นมาด้วยความโกรธ หวังจะรีบออกไปจากห้อง ทว่าเธอก้าวออกไปได้เพียงก้าวเดียว มู่เฉินฮ่าวก็กระชากตัวเธอกลับมาอย่างแรง ไวน์แดงในถาดพลัดตกลงบนพื้นและแตกกระจาย จบกัน ฉันทำไวน์ตกแตก ไวน์นี่มีมูลค่าหลายแสนเสียด้วย ? “คุณบ้าไปแล้ว !” เซี่ยฉิงกงโกรธมาก มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจกับความโกรธของเธอเลย เขากดร่างเซี่ยฉิงกงลงบนโซฟา ครั้นถูกกดตัวอย่างแรง เซี่ยฉิงกงก็เดือดจัด เธอยกมือขึ้นผลักอกมู่เฉินฮ่าวออก “นี่ไม่ใช่ความต้องการของเธอหรอกเหรอ ในเมื่อมาเสนอตัวถึงหน้าประตูก็อย่าโทษว่าฉันหยาบคาย” “ความต้องการของฉันงั้นรึ ? นี่คุณสมองพิการหรือเปล่า..หา..?” เซี่ยฉิงกงดิ้นรนขัดขืน ทว่ากลับถูกกดตัวไว้อย่างแน่นหนา มู่เฉินฮ่าวยกมือของเธอขึ้นเหนือศีรษะ “ปล่อยฉันนะ คนไร้ยางอาย !”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset