แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก – ตอนที่ 33 เป็นคู่หมั้นกัน..ทำไมจะกอดไม่ได้ ?

“หลังจากที่พวกเราออกจากโกดัง อาเจิ้งก็พาเขาไปที่สำนักสันติบาล” มู่เฉินฮ่าวตอบ (ประเทศจีนเรียกสถานีตำรวจว่า 公安局 (gōng’ānjú, กงอันจวี๋) แปลตรงตัวได้ว่า “สำนักสันติบาล”)

 

เซี่ยฉิงกงขมวดคิ้วพยายามคิดแต่ก็คิดไม่ออก ผมยาวสลวยราวน้ำตกพลิ้วไหวเบา ๆ สะท้อนแสงอาทิตย์ที่ส่องมาจากหน้าต่าง ช่างเป็นความงามที่ไม่อาจพรรณนาได้

 

ชั่วขณะนั้น..ชายหนุ่มก็รู้สึกใจลอยเหมือนโดนมนตร์สะกด แม้เขาจะไม่อาจพูดได้ว่าชอบผู้หญิงตรงหน้า แต่เขาก็รู้สึกดีมากเมื่อได้คุยกับเธอ

 

แม้ว่าเซี่ยฉิงกงจะทำลายชีวิตของเฉินเหวินกัง แต่ทั้งหมดนั่นก็เป็นผลมาจากการกระทำของเฉินเหวินกังเอง

 

เซี่ยฉิงกงไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่า

 

“ทำตามบัญชาสววรค์”

 

“แล้วคุณพบตัวฆาตกรหรือไม่ ?” เซี่ยฉิงกงถาม

 

“เขาฆ่าตัวตาย อาเจิ้งส่งตัวเขาไปที่สำนักสันติบาล ตำรวจก็กักตัวเขาไว้ชั่วคราวก่อนจะส่งเรื่องดำเนินการฟ้องร้องตามขั้นตอน หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง เขาก็ฆ่าตัวตาย โดยการกลืนยานอนหลับจำนวนมากที่เขาแอบซุกซ่อนไว้กับตัว”

 

ฆ่าตัวตาย

 

ความคิดของเธอสับสนวุ่นวายไปหมดแล้ว

 

“ฉันจำได้ว่า คุณติดตั้งเครื่องบันทึกที่แขนของเฉินเหวินกัง แล้วคุณได้ยินอะไรแปลก ๆ ไหม ? เช่นเฉินเหวินกังโทรหาใคร ?  หรือพูดอะไรกับตัวเอง ?”

 

“คุณเซี่ย คุณพอจะมีมันสมองบ้างมั้ย ? โทรศัพท์ขณะอยู่ในสำนักสันติบาลเนี่ยนะ ?” มู่เฉินฮ่าวเยาะเย้ย

 

เซี่ยฉิงกงอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าเล็ก ๆ ขึ้นโต้กลับ

 

“ก็ฉันยังไม่เคยเข้าไปอยู่ในสำนักสันติบาลนี่ ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่า หากอยู่ในนั้นฉันจะสามารถโทรออกได้หรือไม่ หรือว่าคุณ… นายน้อยมู่เคยเข้าสำนักสันติบาล ? ถึงได้รู้ดีนัก ?”

 

“อืม..ดูเหมือนว่าตระกูลเซี่ยจะไม่ต้องการความช่วยเหลือจากผมอีกแล้ว”

 

เอาเรื่องนี้มาขู่เธออีกแล้วเหรอ ?

 

“โอเค … ไอ้คนใจร้าย … ฉันผิดเอง ตกลงไหม ? ฉันขอโทษนายน้อยมู่ ฉันขอโทษ”

 

เซี่ยฉิงกงยอมรับว่านี่คือจุดอ่อนของเธอ หากปราศจากความช่วยเหลือของมู่เฉินฮ่าว คงเป็นเรื่องยากที่เซี่ยฉิงกงจะค้นพบเรื่องราวแท้จริงในเวลานั้น และไม่มีทางที่จะฆ่าแม่เลี้ยงและน้องสาวที่แทงข้างหลังเธอได้

 

เธอยอมรับความพ่ายแพ้แล้ว ? มู่เฉินฮ่าวคลี่ยิ้มที่มุมปาก เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้หนังของผู้บริหาร จากนั้นก็ก้าวไปที่เซี่ยฉิงกง มือใหญ่ของเขาเชยคางของเซี่ยฉิงกงเบา ๆ

 

“ขอโทษแค่เนี้ยนะ ? ขอโทษแล้วหายเหรอ ?”

 

“แล้วอย่างนั้นคุณยังต้องการอะไรอีก ?”

 

เซี่ยฉิงกงถามกลับ ก็เธอขอโทษแล้วเขายังต้องการอะไรอีก ?

 

“คุณทำไม่ได้หรอก”

 

เซี่ยฉิงกงตกตะลึงเมื่อได้ยินคำตอบ สีหน้าของเธอเปลี่ยนจากขาวใสกลายเป็นสีเขียว เธอปัดมือของมู่เฉินฮ่าวออกโดยไม่รู้ตัว พร้อมกันนั้นก็หันหลังกลับตั้งท่าจะผละจากไป หากแต่กลับถูกชายหนุ่มกักขังไว้ในอ้อมแขนของเขา

 

จังหวะเต้นของหัวใจชายหนุ่มแทรกซึมผ่านเนื้อผ้าบาง ๆ เข้าไปถึงร่างของเซี่ยฉิงกง ทำให้เซี่ยฉิงกงอึดอัดเล็กน้อย

 

เซี่ยฉิงกงอายจนหูแดง ผู้ชายคนนี้คิดจะแต๊ะอั๋งเธออีกแล้วหรือ ? กอดเธอทั้งที่เธอไม่ยินยอมสักหน่อย ?

 

“ปล่อยฉันนะ คนอันธพาล !”

 

“คุณเป็นคู่หมั้นของผม ทำไมผมจะกอดคุณไม่ได้..หืม ?”

 

ทั้งสองต่อล้อต่อเถียงกัน และเริ่มต้นทะเลาะกันอีกครั้ง ในที่สุดเซี่ยฉิงกงก็กัดเข้าที่ไหล่ของมู่เฉินฮ่าวอย่างแรง ทำให้มู่เฉินฮ่าวยอมปล่อยเธอออกจากอ้อมกอด และผละไปอย่างหงุดหงิด

 

อาเจิ้งยืนรอที่ประตู เขาได้ยินคนทั้งสองโต้เถียงกัน เลยไม่กล้าเข้าไป เวลานี้มีเหงื่อเย็น ๆ ผุดขึ้นเต็มศีรษะของเขา นายน้อยกับนายหญิงน้อยหยอกล้อกันอย่างอบอุ่นและรักใคร่ … และเขาก็มาได้ยินเข้าพอดี

 

อาเจิ้งไม่เคยมีแฟน เขาเข้าตระกูลมู่ตั้งแต่อายุสิบขวบ และเริ่มทำงานให้กับตระกูลมู่เมื่อมีอายุได้สิบห้าปี เขาเรียนรู้ทักษะมากมายเพื่อติดตามมู่เฉินฮ่าว ทว่าเวลานี้ใบหน้าของเขากลับแดงก่ำเมื่อได้ยินเสียงและการเคลื่อนไหวภายในห้อง

 

ครั้นเซี่ยฉิงกงเปิดประตูออกจากห้องหนังสือของมู่เฉินฮ่าว เธอก็รู้สึกประหลาดใจ ทั้งอายเล็กน้อย เมื่อเห็นอาเจิ้งที่ประตู

 

“อา..อาเจิ้ง …”

 

***จบตอน เป็นคู่หมั้นกัน..ทำไมจะกอดไม่ได้ ?***

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก
Status: Ongoing
โดย เรื่อง แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก บ้างส่วนของนิยาย ณ ผับคราวน์คลับ ที่ยิ่งดึกก็ยิ่งมีชีวิตชีวา ภายในห้องส่วนตัวห้องหนึ่งที่ตกแต่งด้วยแสงสลัว และมืดทึม “โจวตัน ไอ้หัวหมูนั่นอยากร่วมมือกับฉันด้วยเรอะ ! เฮอะ เขาคงเขมือบเงินทองมากไปจนไม่ดูฐานะของตัวเองเลย ถ้าไม่ใช่เพื่อกำราบความหยิ่งยโสของตระกูลเซี่ย ฉันไม่ทางเซ็นสัญญากับไอ้หมูนั่นแน่ ?” “ตูม !” มือเล็กกดโทรศัพท์บนโต๊ะ เพื่อปิดเสียงที่บันทึกไว้ นิ้วเรียวยาวขาวละเอียดวาวอย่างคนสุขภาพผิวดี “บอสโจว คุณได้ยินแล้วใช่ไหม ?” เจ้าของมือยิ้ม ใบหน้าของโจวตันที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเปลี่ยนเป็นสีตับหมูซึ่งเห็นได้ชัดเจนมากแม้จะอยู่ภายใต้แสงริบหรี่ “อ้อ..และนี่” เซี่ยฉิงกงจูบสัญญานั่นแล้วพับครึ่ง ก่อนจะซุกไว้บริเวณบั้นเอวภายใต้เสื้อของเธอ เครื่องแบบบริกรของผับคราวน์คลับนี่ออกจะเปิดเผยมาก จนเซี่ยฉิงกงต้องดึงขอบเสื้อบนหน้าอกของเธอขึ้นอย่างแรง แต่ก่อนที่เธอจะจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เธอก็รู้สึกว่าไหล่ของเธอถูกดึงขึ้น “นี่เธอ ช่วยส่งไวน์นี้ไปที่ห้อง 8069 ด้วย” ผู้จัดการเจ้ากี้เจ้าการยกแขนของเซี่ยฉิงกงแล้วยัดถาดใส่มือเธอ เซี่ยฉิงกงยักไหล่ ในเมื่อปลอมตัวเป็นบริกรก็ต้องมีจรรยาบรรณในวิชาชีพจนกว่าจะหมดหน้าที่ อย่างไรเสียที่สุดฉันก็ได้สัญญามาแล้ว เอาเป็นว่าฉันยินดีที่จะส่งไวน์ให้ก็แล้วกัน “8096 หรือ 8069 ?” เซี่ยฉิงกงคลำทางเดินไปพร้อมกับถาดที่ใส่ไวน์แดง ขณะเดียวกันก็มองผู้คนในห้องส่วนตัวเหล่านั้นอย่างระแวดระวัง เธอโทรไปที่แผนกต้อนรับ แต่สายไม่ว่างเลย เธอจึงไม่รู้ว่าห้องไหนแน่ และนั่นทำให้เซี่ยฉิงกงต้องค่อย ๆ คลำหาไปเรื่อย ๆ “ช่างมันเถอะ เลือกเอาสักห้องก็แล้วกัน !” ต่อให้เปิดประตูเข้าไปแล้วผิด ก็แค่ออกมาเท่านั้นเอง ! เมื่อนึกได้เช่นนี้ เซี่ยฉิงกงก็เคาะประตู 8069 เธอไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวใด ๆ จึงค่อย ๆ แง้มประตูเปิดออก “อา !” แล้วเซี่ยฉิงกงก็ต้องผงะกับฉากในห้อง “ขอโทษค่ะ คุณผู้ชาย… “ แม้ว่าแสงไฟจะไม่สว่างไสวเท่าใดนัก ทว่าเซี่ยฉิงกงก็พอจะมองเห็นว่า ชายคนหนึ่งในห้องกำลังกดร่างของผู้หญิงที่เสื้อผ้าหลุดรุ่ยอยู่บนโซฟา ทันทีที่เห็นประตูเปิดออก ทั้งสองคนในห้องก็มองไปที่ประตู เซี่ยฉิงกงยังคงสามารถมองเห็นผมยาวยุ่งเหยิงของสาวงามคนนั้น ทั้งยังใบหน้าที่ดูเหมือนจะเมามายเล็กน้อย นอกจากนี้เสื้อผ้าที่แหวกลึกของเธอยังเปิดรับสายลมฤดูใบไม้ผลิมากจนน่าละอาย “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ !” เซี่ยฉิงกงกำลังจะปิดประตู รีบเผ่นจากไป ทว่าชายในห้องกลับห้ามเธอไว้ มู่เฉินฮ่าวปลดมือหญิงสาวที่กำลังคล้องคอของเขาไว้ เขาเหลือบตาไปมองเซี่ยฉิงกงด้วยท่าทีที่อันตราย “ไม่คาดคิดว่าจะมีพวกมาด้วย” มู่เฉินฮ่าวลุกขึ้นนั่งตัวตรง สายตาที่เขามองเซี่ยฉิงกงเต็มไปด้วยความเย็นชา “คุณผู้ชายคะ คุณเข้าใจผิด ฉันไม่รู้จักเธอเลย” เซี่ยฉิงกงรู้ดีว่าคนที่มาผับคราวน์คลับแห่งนี้ล้วนเป็นพวกเศรษฐี หรือมีอำนาจพอควร ดังนั้นเธอจึงไม่ควรสร้างปัญหาใด ๆ ที่นี่ หลังจากได้สัญญา และเสิร์ฟไวน์เรียบร้อยแล้ว เธอก็จะออกไปจากที่นี่ทันที “นั่นเธอถ่ายรูปไว้ใช่ไหม เอามานี่” เซี่ยฉิงกงเพิ่งสังเกตเห็นว่า เธอยังคงถือมือถือที่เพิ่งโทรหาแผนกต้อนรับเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง … แย่แล้ว ! เขาคงคิดว่า เธอกำลังถ่ายภาพลามกที่พวกเขามีอะไรกันเพื่อใช้แบล็คเมล์ ดังนั้นเขาจึงมองเธอด้วยสายตาเช่นนั้น ! คนอะไรหน้าด้านชะมัด ? นี่คงลักกินขโมยกินล่ะสิท่าถึงกลัวโดนถ่ายรูป ? หน้าตาก็หล่อเหลาดี แต่กลับกินไม่เลือกเหมือนหมา ฉิงกงคิดกับตัวเอง “คุณผู้ชาย ฉันคิดว่าคุณคงเข้าใจผิด ฉันไม่ได้ถ่ายรูปคุณ” ในใจของเซี่ยฉิงกงรู้สึกขยะแขยง ทว่าเธอก็พยายามพูดอย่างใจเย็น เพราะมีรูปโป๊ของภรรยาโจวตันกับชายอื่นอยู่ในโทรศัพท์มือถือของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่อาจโชว์ให้เขาดูได้ มู่เฉินฮ่าวยิ่งมั่นใจว่า ผู้หญิงทั้งสองคนเป็นพวกเดียวกัน “ใครส่งเธอมา ?” น้ำเสียงของมู่เฉินฮ่าวเย็นชา ทำให้เซี่ยฉิงกงอึดอัดมาก นี่หมายความว่าไง ? แสดงว่าต่อให้เธอกระโดดลงล้างตัวที่แม่น้ำฮวงโหก็ไม่สะอาดล่ะสินะ ? (สำนวนแปลว่า แก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น) “ฉันมาเอง” เซี่ยฉิงกงเผลอตอบไปโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็เหลือบไปมองหญิงสาวบนโซฟาที่กำลังมองจ้องมาด้วยสายตาแปลก ๆ เธอรีบเปลี่ยนคำพูดว่า “คุณผู้ชาย คุณเห็นมั้ย ? ฉันเป็นแค่บริกรตัวเล็ก ๆ ฉันต้องรีบนำไวน์ไปเสิร์ฟห้องที่เขาสั่งไว้ !” “เลิกพูดไร้สาระ ส่งโทรศัพท์ของเธอมา” มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจคำร้องขอความเมตตาของเธอ เขากวาดตามองเธอจากหัวจรดเท้าก่อนจะพูดต่อ เซี่ยฉิงกงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ คน ๆ นี้ คือโจโฉกลับชาติมาเกิดหรือไง ? ท่าทางเขาแลดูน่าสงสัยมาก ถ้าจะระแวงกันถึงขนาดนี้ จะมาเที่ยวผับนี่ทำไม ? “ฉัน…” “ยังไม่ไสหัวไปอีก !” “ฉันจะไปแล้ว จะไปแล้ว … ” เซี่ยฉิงกงพยักหน้า พร้อมกับโค้งคำนับทันทีที่เธอได้ยินประโยคนี้ “ไม่ใช่เธอ” มู่เฉินฮ่าวขัดจังหวะเซี่ยฉิงกงทันที เขาเบี่ยงหน้าเล็กน้อยแววตาของเขาเย็นชาอีกทั้งน่ากลัว ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขาดึงขอบเสื้อเกาะอกของเธอขึ้นมาให้เข้าที่เข้าทาง ความขาวเนียนราวหิมะทำให้เซี่ยฉิงกงตาแทบค้าง “คุณชายมู่… ” ผู้หญิงคนนั้นครางชื่อเขาเบา ๆ ด้วยความเสียใจ หากแต่เธอกลัวสายตาที่เย็นชาของมู่เฉินฮ่าวมากกว่า เธอจึงไม่กล้าขัดขืนคำสั่งเขา ก่อนที่เธอจะจากไป เธอยังกวาดตามองเซี่ยฉิงกงอย่างอาฆาตมาดร้าย เซี่ยฉิงกงสับสน เธอหันไปมองมู่เฉินฮ่าวด้วยความประหลาดใจ เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย ? “ฉันเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟเท่านั้น !” เซี่ยฉิงกงพยายามใจกล้ากล่าวย้ำอีกครั้ง มู่เฉินฮ่าวเยาะเย้ย “บริกรที่ผับคราวน์ก็ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงเสิร์ฟน้ำเท่านั้นนี่” ครั้นได้ยินเขาพูดเช่นนั้น เซี่ยฉิงกงก็เข้าใจได้ทันที เธอหยิบถาดขึ้นมาด้วยความโกรธ หวังจะรีบออกไปจากห้อง ทว่าเธอก้าวออกไปได้เพียงก้าวเดียว มู่เฉินฮ่าวก็กระชากตัวเธอกลับมาอย่างแรง ไวน์แดงในถาดพลัดตกลงบนพื้นและแตกกระจาย จบกัน ฉันทำไวน์ตกแตก ไวน์นี่มีมูลค่าหลายแสนเสียด้วย ? “คุณบ้าไปแล้ว !” เซี่ยฉิงกงโกรธมาก มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจกับความโกรธของเธอเลย เขากดร่างเซี่ยฉิงกงลงบนโซฟา ครั้นถูกกดตัวอย่างแรง เซี่ยฉิงกงก็เดือดจัด เธอยกมือขึ้นผลักอกมู่เฉินฮ่าวออก “นี่ไม่ใช่ความต้องการของเธอหรอกเหรอ ในเมื่อมาเสนอตัวถึงหน้าประตูก็อย่าโทษว่าฉันหยาบคาย” “ความต้องการของฉันงั้นรึ ? นี่คุณสมองพิการหรือเปล่า..หา..?” เซี่ยฉิงกงดิ้นรนขัดขืน ทว่ากลับถูกกดตัวไว้อย่างแน่นหนา มู่เฉินฮ่าวยกมือของเธอขึ้นเหนือศีรษะ “ปล่อยฉันนะ คนไร้ยางอาย !”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset