แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก – ตอนที่ 67 แม่บุญธรรมช่วยจัดการให้เสร็จสรรพ

จู่ ๆ น้ำตาของฉีเหยียนเอ๋อก็ไหลออกมาโดยไม่คาดคิด

 

“แม่บุญธรรม หนูคิดถึงพี่เฉินฮ่าวมากเลย หลังจากที่หนูจากไปแค่ไม่นาน ทำไมเขาถึงมีคู่หมั้นได้ล่ะ ?”

 

ซิงเหวินจิ้งถอนหายใจ

 

“เฮ้อ ! เอาล่ะ ๆ ไม่ใช่ว่าแม่ไม่อยากช่วยหนูหรอกนะ แต่เธอคนนั้นก็เป็นแค่คู่หมั้นยังไม่ได้แต่งงาน”

 

“แต่แม่บุญธรรมบอกเองไม่ใช่หรือว่า สัญญาแต่งงานครั้งนี้พ่อบุญธรรมเป็นคนทำไว้ พ่อบุญธรรมคงไม่อยากได้เหยียนเอ๋อเป็นลูกสะใภ้ของเขาใช่ไหม ?”

 

ฉีเหยียนเอ๋อยังคงสะอื้น

 

เมื่อหวนนึกถึงสัญญาการแต่งงานครั้งนี้ ซิงเหวินจิ้งก็โกรธมาก ที่เธอไม่พูด ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่รู้ว่ามู่จื่อหมิงแอบหลงรักน่าหลานเซวี่ยมารดาผู้ให้กำเนิดเซี่ยฉิงกง

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งใบหน้าของเซี่ยฉิงกงที่ดูคล้ายกับน่าหลานเซวี่ยมาก

 

เพียงแต่เธอคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผ่านมานานแล้ว ไม่ใช่เรื่องที่ควรนำมาพูดต่อหน้าพวกเด็ก ๆ ซิงเหวินจิ้งจึงต้องกลืนมันลงไป

 

“นั่นเป็นเพียงเรื่องตลกที่พ่อบุญธรรมทำไว้กับตระกูลเซี่ยตั้งแต่พ่อบุญธรรมของหนูยังหนุ่มอยู่เลย นอกจากนี้เขาก็ยังเป็นคนหน้าบางก็เลยอายที่จะต้องปฏิเสธ ส่วนเฉินฮ่าวก็เป็นลูกกตัญญู ที่ไม่ต้องการขัดคำสั่งพ่อ หนูก็เพียงแค่ต้องทำให้เฉินฮ่าวชอบหนู ส่วนเรื่องพ่อบุญธรรมของหนูน่ะ ไว้แม่จะพูดกับเขาเอง”

 

คำพูดของซิงเหวินจิ้งช่วยสร้างความมั่นใจให้กับฉีเหยียนเอ๋อ

 

คำพูดเหล่านี้ทำให้น้ำตาของฉีเหยียนเอ๋อหยุดไหล เธอจับแขนของซิงเหวินจิ้งเอ่ยกล่าวอย่างน่าเอ็นดูว่า

 

“แม่บุญธรรม ช่างดีกับหนูเหลือเกิน”

 

“นี่..แม่บุญธรรมจะบอกหนูว่า เดี๋ยวเอาน้ำซุปบำรุงเลือดไปส่งให้พี่เฉินฮ่าวของหนู พวกผู้ชายชอบภรรยาที่เอาอกเอาใจ หนูต้องแย่งเฉินฮ่าวมาจากเซี่ยฉิงกงนั่นให้ได้ ทำให้เฉินฮ่าวมีความประทับใจที่ดีในตัวหนู และรู้สึกว่าหนูเป็นผู้หญิงที่เขาควรแต่งงานด้วย อีกทั้งเหมาะสมที่จะเป็นภรรยาของเขา”

 

หลังจากได้ยินเช่นนั้น ฉีเหยียนเอ๋อก็ดูมีความสุข แต่เมื่อเธอคิดได้เรื่องซุป ใบหน้าที่ยิ้มแย้มก็โรยรา

 

“แต่..แม่บุญธรรมคะ จะให้หนูไปทำซุปที่ไหน … ?”

 

“เด็กโง่ ทำไมหนูจะต้องทำซุปด้วยเล่า ? แม่บุญธรรมเตรียมไว้ให้แล้ว เมื่อเช้าแม่สั่งให้แพทย์จีนโบราณที่มากประสบการณ์จากศูนย์การแพทย์แผนจีนช่วยหาสูตรลับเฉพาะที่ว่ากันว่าวิเศษมากในการเติมพลังชี่ และเลือดลม เอาล่ะตอนนี้ซุปต้มอยู่ในครัวด้านหลังแล้ว หนูก็แค่รอต่ออีกสักสามชั่วโมงจากนั้นค่อยนำไปส่ง แล้วก็ถือโอกาสกินอาหารกลางวันกับเฉินฮ่าวเสียเลย”

 

ซิงเหวินจิ้งบีบจมูกของฉีเหยียนเอ๋อเบา ๆ เอ่ยกล่าวด้วยความเอ็นดู

 

“ขอบคุณค่ะ แม่บุญธรรม !”

 

ฉีเหยียนเอ๋ออดไม่ได้ที่จะกอดซิงเหวินจิ้ง แววตาของเธอเต็มไปด้วยพลัง

 

เซี่ยฉิงกงรอให้หมั่นโถวขับรถออกมาจากโรงรถ ไม่คาดคิดว่าหมั่นโถวจะขับรถลัมโบร์กีนีสีแดงออกมา … มู่เฉินฮ่าวบอกว่าซื้อมานานแล้ว แต่เขาไม่ค่อยได้ขับบ่อยนัก ต่อมาเมื่อเห็นว่าหมั่นโถวชอบ ก็เลยมอบมันให้กับหมั่นโถว

 

พวกเขาตั้งใจจะไปซื้ออาหารที่ตลาดสด … เซี่ยฉิงกงไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาใคร เธอจึงบอกให้หมั่นโถวไปหารถคันใหม่แบบธรรมดา ๆ

 

หมั่นโถวต้องขับลัมโบร์กีนีกลับไปที่โรงรถใต้ดิน จากนั้นเธอก็ขับรถคาดิลแลคเอสคาเลดสีขาวออกมา เธอมองเซี่ยฉิงกงที่ยังไม่พอใจเล็กน้อย และพูดอย่างไม่รู้จะทำเช่นไรว่า

 

“นายหญิงน้อย นี่เป็นรถที่เรียกได้ว่า ‘ขยะ’ ที่สุดในโรงรถของนายน้อยแล้ว หากคุณยังไม่ต้องการอีก ฉันคงต้องขับบูกัตติ เวย์รอน รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นที่นายหนุ่มสะสมไว้พาคุณไปซื้อของชำแทนแล้ว”

 

“ไม่ต้อง … ขอบใจ”

 

เซี่ยฉิงกงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากก้าวขึ้นรถ

 

ในความคิดของเซี่ยฉิงกง แค่รถยนต์ราคาหลายแสนก็นับได้ว่าเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยแล้ว … ไม่ต้องพูดถึงรถราคาเป็นล้านคันนี้

 

ซึ่งยังจัดว่าห่วยที่สุดของที่นี่อีก …

 

เธอไม่คิดเลยว่ายังมี บูกัตติ เวย์รอน มูลค่ามากกว่า 20 ล้านในโรงรถด้วย

 

เซี่ยฉิงกงมีนิยามใหม่เกี่ยวกับมู่เฉินฮ่าวในใจของเธอ ‘จอมฟุ่มเฟือย’

 

ณ ตลาดสดในบริเวณใกล้เคียงที่ใกล้ที่สุด ‘ขยะที่สุด’ ในโรงรถของมู่เฉินฮ่าวก็ยังดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมาก ต่างพากันถ่ายภาพของมันอย่างสนอกสนใจ

 

โชคดีที่เซี่ยฉิงกงไม่ได้ซื้อของอะไรมากมายนัก และเธอก็คุ้นเคยกับทางในตลาดสดเป็นอย่างดี ซ้ำเธอยังต่อรองกับป้าขายผักเก่งมากจนหมั่นโถวถึงกับตะลึง …

 

หลังจากซื้อของเสร็จภายในสิบห้านาที พวกเธอก็กลับ

 

***จบตอน แม่บุญธรรมช่วยจัดการให้เสร็จสรรพ***

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก
Status: Ongoing
โดย เรื่อง แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก บ้างส่วนของนิยาย ณ ผับคราวน์คลับ ที่ยิ่งดึกก็ยิ่งมีชีวิตชีวา ภายในห้องส่วนตัวห้องหนึ่งที่ตกแต่งด้วยแสงสลัว และมืดทึม “โจวตัน ไอ้หัวหมูนั่นอยากร่วมมือกับฉันด้วยเรอะ ! เฮอะ เขาคงเขมือบเงินทองมากไปจนไม่ดูฐานะของตัวเองเลย ถ้าไม่ใช่เพื่อกำราบความหยิ่งยโสของตระกูลเซี่ย ฉันไม่ทางเซ็นสัญญากับไอ้หมูนั่นแน่ ?” “ตูม !” มือเล็กกดโทรศัพท์บนโต๊ะ เพื่อปิดเสียงที่บันทึกไว้ นิ้วเรียวยาวขาวละเอียดวาวอย่างคนสุขภาพผิวดี “บอสโจว คุณได้ยินแล้วใช่ไหม ?” เจ้าของมือยิ้ม ใบหน้าของโจวตันที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเปลี่ยนเป็นสีตับหมูซึ่งเห็นได้ชัดเจนมากแม้จะอยู่ภายใต้แสงริบหรี่ “อ้อ..และนี่” เซี่ยฉิงกงจูบสัญญานั่นแล้วพับครึ่ง ก่อนจะซุกไว้บริเวณบั้นเอวภายใต้เสื้อของเธอ เครื่องแบบบริกรของผับคราวน์คลับนี่ออกจะเปิดเผยมาก จนเซี่ยฉิงกงต้องดึงขอบเสื้อบนหน้าอกของเธอขึ้นอย่างแรง แต่ก่อนที่เธอจะจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เธอก็รู้สึกว่าไหล่ของเธอถูกดึงขึ้น “นี่เธอ ช่วยส่งไวน์นี้ไปที่ห้อง 8069 ด้วย” ผู้จัดการเจ้ากี้เจ้าการยกแขนของเซี่ยฉิงกงแล้วยัดถาดใส่มือเธอ เซี่ยฉิงกงยักไหล่ ในเมื่อปลอมตัวเป็นบริกรก็ต้องมีจรรยาบรรณในวิชาชีพจนกว่าจะหมดหน้าที่ อย่างไรเสียที่สุดฉันก็ได้สัญญามาแล้ว เอาเป็นว่าฉันยินดีที่จะส่งไวน์ให้ก็แล้วกัน “8096 หรือ 8069 ?” เซี่ยฉิงกงคลำทางเดินไปพร้อมกับถาดที่ใส่ไวน์แดง ขณะเดียวกันก็มองผู้คนในห้องส่วนตัวเหล่านั้นอย่างระแวดระวัง เธอโทรไปที่แผนกต้อนรับ แต่สายไม่ว่างเลย เธอจึงไม่รู้ว่าห้องไหนแน่ และนั่นทำให้เซี่ยฉิงกงต้องค่อย ๆ คลำหาไปเรื่อย ๆ “ช่างมันเถอะ เลือกเอาสักห้องก็แล้วกัน !” ต่อให้เปิดประตูเข้าไปแล้วผิด ก็แค่ออกมาเท่านั้นเอง ! เมื่อนึกได้เช่นนี้ เซี่ยฉิงกงก็เคาะประตู 8069 เธอไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวใด ๆ จึงค่อย ๆ แง้มประตูเปิดออก “อา !” แล้วเซี่ยฉิงกงก็ต้องผงะกับฉากในห้อง “ขอโทษค่ะ คุณผู้ชาย… “ แม้ว่าแสงไฟจะไม่สว่างไสวเท่าใดนัก ทว่าเซี่ยฉิงกงก็พอจะมองเห็นว่า ชายคนหนึ่งในห้องกำลังกดร่างของผู้หญิงที่เสื้อผ้าหลุดรุ่ยอยู่บนโซฟา ทันทีที่เห็นประตูเปิดออก ทั้งสองคนในห้องก็มองไปที่ประตู เซี่ยฉิงกงยังคงสามารถมองเห็นผมยาวยุ่งเหยิงของสาวงามคนนั้น ทั้งยังใบหน้าที่ดูเหมือนจะเมามายเล็กน้อย นอกจากนี้เสื้อผ้าที่แหวกลึกของเธอยังเปิดรับสายลมฤดูใบไม้ผลิมากจนน่าละอาย “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ !” เซี่ยฉิงกงกำลังจะปิดประตู รีบเผ่นจากไป ทว่าชายในห้องกลับห้ามเธอไว้ มู่เฉินฮ่าวปลดมือหญิงสาวที่กำลังคล้องคอของเขาไว้ เขาเหลือบตาไปมองเซี่ยฉิงกงด้วยท่าทีที่อันตราย “ไม่คาดคิดว่าจะมีพวกมาด้วย” มู่เฉินฮ่าวลุกขึ้นนั่งตัวตรง สายตาที่เขามองเซี่ยฉิงกงเต็มไปด้วยความเย็นชา “คุณผู้ชายคะ คุณเข้าใจผิด ฉันไม่รู้จักเธอเลย” เซี่ยฉิงกงรู้ดีว่าคนที่มาผับคราวน์คลับแห่งนี้ล้วนเป็นพวกเศรษฐี หรือมีอำนาจพอควร ดังนั้นเธอจึงไม่ควรสร้างปัญหาใด ๆ ที่นี่ หลังจากได้สัญญา และเสิร์ฟไวน์เรียบร้อยแล้ว เธอก็จะออกไปจากที่นี่ทันที “นั่นเธอถ่ายรูปไว้ใช่ไหม เอามานี่” เซี่ยฉิงกงเพิ่งสังเกตเห็นว่า เธอยังคงถือมือถือที่เพิ่งโทรหาแผนกต้อนรับเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง … แย่แล้ว ! เขาคงคิดว่า เธอกำลังถ่ายภาพลามกที่พวกเขามีอะไรกันเพื่อใช้แบล็คเมล์ ดังนั้นเขาจึงมองเธอด้วยสายตาเช่นนั้น ! คนอะไรหน้าด้านชะมัด ? นี่คงลักกินขโมยกินล่ะสิท่าถึงกลัวโดนถ่ายรูป ? หน้าตาก็หล่อเหลาดี แต่กลับกินไม่เลือกเหมือนหมา ฉิงกงคิดกับตัวเอง “คุณผู้ชาย ฉันคิดว่าคุณคงเข้าใจผิด ฉันไม่ได้ถ่ายรูปคุณ” ในใจของเซี่ยฉิงกงรู้สึกขยะแขยง ทว่าเธอก็พยายามพูดอย่างใจเย็น เพราะมีรูปโป๊ของภรรยาโจวตันกับชายอื่นอยู่ในโทรศัพท์มือถือของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่อาจโชว์ให้เขาดูได้ มู่เฉินฮ่าวยิ่งมั่นใจว่า ผู้หญิงทั้งสองคนเป็นพวกเดียวกัน “ใครส่งเธอมา ?” น้ำเสียงของมู่เฉินฮ่าวเย็นชา ทำให้เซี่ยฉิงกงอึดอัดมาก นี่หมายความว่าไง ? แสดงว่าต่อให้เธอกระโดดลงล้างตัวที่แม่น้ำฮวงโหก็ไม่สะอาดล่ะสินะ ? (สำนวนแปลว่า แก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น) “ฉันมาเอง” เซี่ยฉิงกงเผลอตอบไปโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็เหลือบไปมองหญิงสาวบนโซฟาที่กำลังมองจ้องมาด้วยสายตาแปลก ๆ เธอรีบเปลี่ยนคำพูดว่า “คุณผู้ชาย คุณเห็นมั้ย ? ฉันเป็นแค่บริกรตัวเล็ก ๆ ฉันต้องรีบนำไวน์ไปเสิร์ฟห้องที่เขาสั่งไว้ !” “เลิกพูดไร้สาระ ส่งโทรศัพท์ของเธอมา” มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจคำร้องขอความเมตตาของเธอ เขากวาดตามองเธอจากหัวจรดเท้าก่อนจะพูดต่อ เซี่ยฉิงกงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ คน ๆ นี้ คือโจโฉกลับชาติมาเกิดหรือไง ? ท่าทางเขาแลดูน่าสงสัยมาก ถ้าจะระแวงกันถึงขนาดนี้ จะมาเที่ยวผับนี่ทำไม ? “ฉัน…” “ยังไม่ไสหัวไปอีก !” “ฉันจะไปแล้ว จะไปแล้ว … ” เซี่ยฉิงกงพยักหน้า พร้อมกับโค้งคำนับทันทีที่เธอได้ยินประโยคนี้ “ไม่ใช่เธอ” มู่เฉินฮ่าวขัดจังหวะเซี่ยฉิงกงทันที เขาเบี่ยงหน้าเล็กน้อยแววตาของเขาเย็นชาอีกทั้งน่ากลัว ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขาดึงขอบเสื้อเกาะอกของเธอขึ้นมาให้เข้าที่เข้าทาง ความขาวเนียนราวหิมะทำให้เซี่ยฉิงกงตาแทบค้าง “คุณชายมู่… ” ผู้หญิงคนนั้นครางชื่อเขาเบา ๆ ด้วยความเสียใจ หากแต่เธอกลัวสายตาที่เย็นชาของมู่เฉินฮ่าวมากกว่า เธอจึงไม่กล้าขัดขืนคำสั่งเขา ก่อนที่เธอจะจากไป เธอยังกวาดตามองเซี่ยฉิงกงอย่างอาฆาตมาดร้าย เซี่ยฉิงกงสับสน เธอหันไปมองมู่เฉินฮ่าวด้วยความประหลาดใจ เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย ? “ฉันเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟเท่านั้น !” เซี่ยฉิงกงพยายามใจกล้ากล่าวย้ำอีกครั้ง มู่เฉินฮ่าวเยาะเย้ย “บริกรที่ผับคราวน์ก็ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงเสิร์ฟน้ำเท่านั้นนี่” ครั้นได้ยินเขาพูดเช่นนั้น เซี่ยฉิงกงก็เข้าใจได้ทันที เธอหยิบถาดขึ้นมาด้วยความโกรธ หวังจะรีบออกไปจากห้อง ทว่าเธอก้าวออกไปได้เพียงก้าวเดียว มู่เฉินฮ่าวก็กระชากตัวเธอกลับมาอย่างแรง ไวน์แดงในถาดพลัดตกลงบนพื้นและแตกกระจาย จบกัน ฉันทำไวน์ตกแตก ไวน์นี่มีมูลค่าหลายแสนเสียด้วย ? “คุณบ้าไปแล้ว !” เซี่ยฉิงกงโกรธมาก มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจกับความโกรธของเธอเลย เขากดร่างเซี่ยฉิงกงลงบนโซฟา ครั้นถูกกดตัวอย่างแรง เซี่ยฉิงกงก็เดือดจัด เธอยกมือขึ้นผลักอกมู่เฉินฮ่าวออก “นี่ไม่ใช่ความต้องการของเธอหรอกเหรอ ในเมื่อมาเสนอตัวถึงหน้าประตูก็อย่าโทษว่าฉันหยาบคาย” “ความต้องการของฉันงั้นรึ ? นี่คุณสมองพิการหรือเปล่า..หา..?” เซี่ยฉิงกงดิ้นรนขัดขืน ทว่ากลับถูกกดตัวไว้อย่างแน่นหนา มู่เฉินฮ่าวยกมือของเธอขึ้นเหนือศีรษะ “ปล่อยฉันนะ คนไร้ยางอาย !”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset