เซี่ยชิวเต๋อรู้สึกไม่พอใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าแก่ ๆ ของเขาแลดูน่าเกลียดยิ่งขึ้นไปอีก เขาลูบหนวด พลางจ้องมองเซี่ยฉิงกง
“หลานสาว น้าชายรู้สึกไม่ดีเลยที่ได้ยินหลานพูดแบบนั้น อีกไม่นานหนูก็จะแต่งงานกับครอบครัวที่ร่ำรวย ทำไมไม่ช่วยสนับสนุนน้าบ้างล่ะ น้าก็แค่อยากเปิดร้านหม้อไฟเล็ก ๆ แค่นี้ก็พอใจแล้ว ไม่ได้เลยหรือ ?”
นี่คือความปรารถนาเล็ก ๆ แล้วงั้นรึ ? เซี่ยฉิงกงมองจ้องตา แววตาของเธอยิ่งเย็นชาลงเรื่อย ๆ
ตั้งแต่เด็ก เซี่ยชิวเต๋อไม่เคยซื้ออะไรให้เซี่ยฉิงกงเลย และทุกครั้งที่เขาอ้าปากพูดก็มีแต่เรื่องขอเงิน ไม่ก็ขอนั่นขอนี่จากเซี่ยฉิวเจินแม่ของเธอเท่านั้น
หากแต่ทั้งหมดที่กล่าวมาก็นับว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย เซี่ยฉิงกงไม่ต้องการลำเลิกเรื่องเก่า ๆ กับเขา
ทว่าหลังจากทราบว่า เซี่ยฉิวเจินป่วย จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ทั้งยังต้องการค่ากายภาพบำบัดจำนวนมาก เขาก็หายหัวไปเลย โทรศัพท์ไปก็ไม่รับสาย เขาไม่ยอมกระทั่งเปิดประตูรับตอนที่เธอไปเรียกที่บ้านอีกด้วย
กลางดึกคืนหนึ่ง เซี่ยฉิงกงต้องแบกเซี่ยฉิวเจินไปโรงพยาบาลด้วยน้ำตานองหน้า
“นี่หนูคิดจะทำอะไร ? ทำไมมองน้าแบบนี้ แค่ขอเงิน 300,000 หยวน หนูไม่ยอมช่วยมากกว่า ดูสิ หลานสาวและหลานเขยมาอยู่พร้อมหน้ากันที่นี่แล้ว ไม่อยากเชื่อเลยว่า ตระกูลเซี่ย และตระกูลมู่จะไม่สามารถให้เงินก้อนนี้ได้ ?”
เซี่ยชิวเต๋อยักไหล่ พร้อมกับพูดประชดประชัน นี่ถ้าเซี่ยฉิวเจินไม่อยู่ที่นี่ เขาก็คงต้องออกไปนานแล้ว
มู่เฉินฮ่าวรับฟังอยู่ด้านข้างอย่างเงียบ ๆ เขาไม่พูดแทรกใด ๆ เขาเพียงทอดสายตามองเซี่ยฉิงกง นั่นทำให้เธอรู้สึกว่าอย่างน้อยเขาก็ยังอยู่ที่นี่ด้วย
“นี่คุณกล้าขอเงิน 300,000 หยวนกับฉันจริง หรือล้อเล่น เฮอะ ?”
ฝ่ามือของเซี่ยฉิงกงกำแน่นขึ้นอย่างช้า ๆ เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพราะรู้สึกว่าบรรยากาศที่นี่อึดอัดเหลือเกิน
“ทำไมน้าจะไม่กล้าขอ ? ทั้งหลานสาว และหลานเขยของน้าต่างก็มีศักยภาพ ทำไมน้าถึงจะขอไม่ได้ ?” เซี่ยชิวเต๋อยังไม่ยอมรับ
เซี่ยฉิวเจินมองเซี่ยชิวเต๋อ และเซี่ยฉิงกงที่กำลังจะทะเลาะกันอีกครั้ง เธอรู้สึกสับสนอย่างมาก
“ฉิงกงอย่าพูดกับน้าของหนูแบบนี้ บางทีน้าของหนูอาจจะต้องการเงินอย่างเร่งด่วนจริง ๆ ก็เป็นได้… “
“แม่ นี่แม่ไม่รู้จักคนอย่างเขาจริง ๆ หรือ ?”
สำหรับเซี่ยฉิวเจินแล้ว เซี่ยฉิงกงไม่รู้จะพูดอย่างไรจริง ๆ อาจเป็นเพราะเซี่ยฉิวเจินถูกกดขี่รังแกตั้งแต่อายุยังน้อย ทั้งยังเรียนหนังสือน้อยด้วย ดังนั้นเธอจึงคุ้นเคยกับการถูกรังแก เธอมักจะยอมเซี่ยชิวเต๋อ เธอไม่กล้าที่จะต่อต้านแม้จะเป็นคำขอที่ไม่มีเหตุผลของเซี่ยชิวเต๋อด้วยซ้ำ
ทว่าเซี่ยฉิงกงไม่ใช่ เซี่ยฉิวเจิน !
เธอไม่เชื่อว่าเซี่ยชิวเต๋อคนที่เอาแต่เกาะพ่อแม่ ขายของเก่าในบ้านกินมานานหลายสิบปีจะเปลี่ยนสันดานได้ หากเขาสามารถเปลี่ยนแปลงตนเองได้ก็คงต้องโดนผีดีเข้าสิงแน่นอน
เซี่ยชิวเต๋อเคยเล่นการพนัน แล้วก็สูญเงินเป็นจำนวนมากมาก่อน
อย่างไรก็ตาม คนอย่างเขา หากเล่นได้ก็จะเก็บเงินใส่กระเป๋าตัวเองหยวนนึงก็ไม่มีกระเด็น แต่หากเสียล่ะก็ เขาเป็นต้องวิ่งโร่กลับบ้านมาประจบสอพลอขอเงินเซี่ยฉิวเจิน และพ่อของเขา
“ความจริงก็คือ คุณเสียพนันมาอีกแล้วใช่ไหม ?”
เซี่ยฉิงกงเอ่ยถามพร้อมกับมองจ้องหน้าเซี่ยชิวเต๋อ
“น้าจะเล่นจนเสียเงินมากมายขนาดนั้นได้อย่างไร ? น้าก็แค่อยากเปิดร้านอาหารหม้อไฟ น้าอยากจะพัฒนาตัวเอง น้าจะเอาเงินที่ไหนไปเสียจำนวนมากขนาดนั้นได้เล่า ?”
“จริงงั้นรึ ?”
“แน่นอนสิ หนูต้องเชื่อน้านะ”
“ฉันขอถามคุณอีกครั้งว่า คุณเสียพนันมาใช่ไหม ?”
เซี่ยชิวเต๋อทำท่าทางฮึดฮัดไม่สบอารมณ์
“เป็นไปไม่ได้หรอกที่น้าจะเสียเงินมากมายขนาดนั้น น้าจะเล่นเสียถึง 300,000 หยวนได้อย่างไร ? หลานฉิงกง หลานดูถูกน้ามากไปแล้วนะ”
ครั้นเซี่ยฉิงกงได้ยินคำตอบ เธอก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเซี่ยชิวเต๋ออีกต่อไป เธอดึงผ้านวมขึ้นมาคลุมอกให้เซี่ยฉิวเจิน ก่อนจะออกไปรินน้ำให้แม่ของเธอ
หลังจากก้าวเข้ามาในห้องอีกครั้ง เซี่ยฉิงกงก็หันไปมองเซี่ยชิวเต๋อ
“เซี่ยชิวเต๋อ ฉันขอถามคุณเป็นครั้งสุดท้ายว่า คุณต้องการเงินก้อนนี้ไปใช้หนี้พนันใช่หรือไม่ ?
***จบตอน ความปรารถนาเล็ก ๆ งั้นรึ ?**