บูเก็ตติเวย์รอนแล่นไปเรื่อย ๆ ระหว่างทางกลับบ้าน เซี่ยฉิงกงนั่งในตำแหน่งที่นั่งข้างคนขับ โดยไม่พูดไม่จาอะไร
มู่เฉินฮ่าวหันหน้าไปถาม ขณะที่กำลังขับรถว่า
“เป็นอะไรไปรึเปล่า ? คุณไม่สบายใจอะไรงั้นหรือ ?”
เซี่ยฉิงกงส่ายหน้า “เปล่า แต่มู่เฉินฮ่าว คุณไม่ควรให้เงินเขา มีครั้งแรกก็จะมีครั้งที่สอง”
“ผมไม่ได้ให้เงินเขาเปล่า ๆ หรอก นี่คุณไม่อยากรู้บ้างหรือไรว่าใครเป็นคนให้ข่าวว่าคุณแม่ของคุณอยู่โรงพยาบาลไหน ?
รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของมู่เฉินฮ่าว ขณะที่สายตาของเขาจับจ้องมองเซี่ยฉิงกง
มีเสียง ‘ติ๊ง’ ดังขึ้นในหัวของเซี่ยฉิงกง
“เอ่อ ก็น่าจะเป็นคนในตระกูลเซี่ย แต่เอ๊ะ..พ่อของฉันเคยบอกฉันว่า หากฉันรับปากแต่งงานกับคุณ เขาจะย้ายแม่ของฉันไปรักษาตัวในโรงพยาบาลที่ดีที่สุด ฉันไม่คิดว่า … ”
“ผมก็ไม่คิดว่า คุณเซี่ยจะเป็นคนแบบนั้นหรอก ฉิงกงอย่าคิดมากเลย ตอนนี้คุณป้าก็ได้รับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชนของสกุลมู่แล้ว เชื่อผมเถอะว่า เราต้องให้การรักษาที่ดีที่สุดแก่คุณป้าอย่างแน่นอน”
พร้อมกันนั้นมู่เฉินฮ่าวก็ปล่อยมือจากพวงมาลัย เพื่อเปลี่ยนไปกุมมือเซี่ยฉิงกงด้วยสีหน้าจริงจัง
“ฉันเข้าใจแล้ว มู่เฉินฮ่าวคุณขับรถดี ๆ ได้ไหม ? เก็บอุ้งเท้าของคุณกลับไปด้วย !”
การเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันของมู่เฉินฮ่าวทำให้เซี่ยฉิงกงตกใจ ผู้ชายคนนี้อยากเป็นฆาตกรบนท้องถนนหรือไงนะ ? มีใครบ้างที่สามารถขับรถมือเดียวได้
“คุณไม่เชื่อในฝีมือการขับรถของสามีคุณงั้นหรือ ?” ชายหนุ่มเลิกคิ้ว
เซี่ยฉิงกงมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า
“ฉันเชื่อว่า เวลานี้ชีวิตของฉันอยู่บนเส้นด้าย !”
มู่เฉินฮ่าวยังคงดื้อดึงปฏิเสธที่จะปล่อยมือเซี่ยฉิงกง เขายังคงกุมมือเล็ก ๆ ของเซี่ยฉิงกงแน่น พร้อมกับขับรถด้วยมือข้างเดียว และนั่นทำให้เซี่ยฉิงกงอึ้งไปเล็กน้อย หากแต่เธอก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ดังนั้นเธอจึงย้ายมือของเธอไปไว้บนตักของมู่เฉินฮ่าวเสียเลย มีแต่วิธีนี้เท่านั้นที่เขาจะสามารถปล่อยมือเธอไปแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ทันท่วงทีหากมีอันตรายเกิดขึ้น
ครั้นรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ ของเซี่ยฉิงกง ปากของมู่เฉินฮ่าวก็ยกโค้งน้อย ๆ ก่อเกิดรอยยิ้มที่ไม่อาจมองเห็น
ทั้งสองไม่ได้พูดไม่ได้จาอะไรกันอีก พลันเซี่ยฉิงกงก็เริ่มนึกถึงสิ่งที่มู่เฉินฮ่าวพูดเมื่อครู่ขึ้นมาได้
มู่เฉินฮ่าวบอกเซี่ยฉิงกงว่า เขารู้สึกแปลก ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้
ประการแรก ที่น่าแปลกก็คือ ทำไมเซี่ยชิวเต๋อถึงรู้ว่าเซี่ยฉิวเจินอยู่โรงพยาบาลไหน ?
เซี่ยชิวเต๋อไม่เคยสนใจเซี่ยฉิวเจิน ยกเว้นตอนที่เขาต้องการเงิน เขาไม่เคยสนใจว่าเซี่ยฉิวเจินจะมีชีวิตอยู่ หรือว่าตายไปแล้วด้วยซ้ำ
ประการที่สอง พ่อของเธอได้ให้สัญญากับเธอว่าจะย้ายแม่บุญธรรมของเธอไปรักษาในโรงพยาบาลที่ดีที่สุด ทำไมตอนนี้แม่ของเธอถึงได้มาอยู่ในโรงพยาบาลที่ทรุดโทรมขนาดนี้ได้ ?
เซี่ยเจิ้งหัวไม่จำเป็นต้องหลอกเธอนี่นา
ประการที่สามแม้ว่า เซี่ยชิวเต๋อจะชอบเล่นการพนัน ทว่าทุกครั้งที่เขาเสียพนัน ก็เป็นเงินจำนวนร้อยหรือพัน มากที่สุดก็แค่หมื่นหยวน หากแต่ทำไมครั้งนี้เขาถึงเสียพนันถึง 300,000 หยวนได้ ?
“เซี่ยฉิงกงอย่าคิดมากเลย พรุ่งนี้เราก็ต้องไปบ้านสกุลเซี่ยเพื่อเจรจาเรื่องงานหมั้น เมื่อถึงเวลานั้น ก็ค่อยถามทุกคำถามที่สงสัยกับคุณเซี่ยให้กระจ่างทั้งหมดจะไม่ดีกว่าหรือ ?”
มู่เฉินฮ่าวดูเหมือนจะสามารถอ่านเซี่ยฉิงกงได้ทะลุปรุโปร่ง ปากเล็ก ๆ ของเซี่ยฉิงกงเผยอขึ้นน้อย ๆ นัยน์ตาชุ่มฉ่ำราวน้ำค้างฤดูใบไม้ผลิของเธอจ้องมองมู่เฉินฮ่าวไม่กะพริบ
“มู่เฉินฮ่าว คุณเป็นใครกันแน่ คุณรู้ได้ไงว่าฉันคิดอะไรอยู่ ?”
“ผมก็เป็นสามีของคุณไง”
ภายหลังกลับถึงบ้าน เซี่ยฉิงกงและมู่เฉินฮ่าวก็กินอาหารเย็นด้วยกัน เพราะเกิดเรื่องไม่สบายใจเซี่ยฉิงกงจึงไม่ต้องการกินอาหารนอกบ้าน
อีกหนึ่งชั่วโมงถัดมา อาเจิ้งก็กลับมาถึงบ้าน
“นายน้อย นายหญิงน้อย หมอซูได้ทำการตรวจรักษาคุณนายเซี่ยแล้ว หมอซูบอกว่าตอนนี้อาการของคุณนายเซี่ยยังคงที่ไม่มีสิ่งใดน่าเป็นกังวลครับ”
“แล้วเซี่ยชิวเต๋อไปไหน ?”
***จบตอน ผมก็เป็นสามีของคุณไง***