ถึงจะเสียงจะน่าตลกไปหน่อย แต่ก็คงเป็นเพราะทางนี้ไม่ชินเองแหละเดี๋ยวใช้ไปเรื่อย ๆ ก็คงไม่มีปัญหา ทางด้านเคียร่าเองก็ยิ้มร่าอย่างดีใจ ก่อนจะพยายามลุกขึ้นพร้อมทั้งอุ้มตัวฉันออก
“จริงสิ เดี๋ยวต้องบอกพ่อกับแม่ด้วยนี่นา รออยู่ในห้องนี้ก่อนนะ ริเกล”
เธอวางฉันลงด้านข้างพร้อมทั้งพูดกำชับเอาไว้ด้วยสีหน้าจริงจังเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกมาห้องไป อารมณ์เหมือนเด็กเก็บหมาถูกทิ้งเอาไว้ข้างทางเพราะสงสาร เลยต้องไปขออนุญาตที่บ้านสินะ อืม ๆ
…เดี๋ยวนะ นี่มังกรนะเฮ้ยทำเหมือนหมาเหมือนแมวไปได้ จะไม่เป็นไรงั้นเหรอมีลูกมังกรอยู่ในบ้านเลยหน่า ฉันคิดแบบนั้นพลางนึกถึงมังกรที่วิ่งไล่ตามตัวเอง
ถ้ามังกรเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดุร้ายแบบนั้นฉันจะไม่โดนล่าเหรอ ถึงเคียร่าจะต้อนรับอย่างดีก็เถอะแต่เธอก็แค่เด็กตัวเล็กๆ เอง ถ้าเป็นผู้ใหญ่อาจจะคิดอีกแบบนึง ซวยแล้ว ๆ ทำยังไงดี
“เคียร่า พวกเรากลับมาแล้ว”
ในตอนนั้นเองก็มีเสียงประตูดังอยู่ไม่ไกลมากนัก พร้อมทั้งเสียงของผู้ชายดังขึ้น ไม่นะ ยังไม่ทันหาทางคิดเลยก็หมดเวลาซะแล้วเหรอ…อา!! น่าปวดหัวจริง!!
สุดท้ายฉันก็แอบซนแง้มประตูห้องที่ตัวเองอยู่เล็กน้อยเพื่อมองออกไปด้านนอก ก็พบได้ว่าประตูบ้านอยู่ไม่ไกลจริง ๆ ด้วย มองจากมุมที่ฉันแง้มอยู่ก็เห็น
มีชายหนุ่มผมสั้นสีน้ำตาลแดงในมือถือตะกร้าที่เต็มไปด้วยพืชต่างๆ เต็มไปหมด ด้านข้างนั้นก็มีผู้หญิงผมยาวสีเดียวกันกับเคียร่า ที่น่าจะอายุเท่าชายหนุ่มคนแรกเดินตามมาติด ๆ โดยที่ในมือก็ถือของแบบเดียวกัน
นั่นคงจะเป็นพ่อกับแม่ของเคียร่าไม่ผิดแน่ ทางเคียร่าเองที่ยืนอยู่หน้าประตูก็เดินไปหาทั้งคู่ด้วยรอยยิ้มเบิกบาน ซึ่งจากมุมที่ฉันอยู่นั้นได้ยินทุกอย่างที่คุยกันอย่างชัดเจน
เนื้อหาตอนแรกก็ไม่มีอะไรมากนัก ก็แค่ครอบครัวธรรมดาที่เมื่อพ่อกับแม่กลับมาบ้าน ก็มีลูกตัวน้อยไปต้อนรับเป็นภาพครอบครัวอันอบอุ่น…ที่ฉันมองเห็นซ้อนทับกับตัวเองในอดีต
ไม่ ๆ ๆ อย่าไปคิดถึงเรื่องนั้น ตอนนี้ฉันคือริเกลลูกมังกรอายุ 2 วันที่ต้องรอลุ้นถึงโชคชะตาตัวเอง เอาล่ะ…ถ้าเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นมา อย่างน้อย ๆ ก็รู้ทางออกแล้วล่ะนะ
“จริงสิ พ่อ–”
“เคียร่า วันนี้ลูกคงไม่ได้แอบไปเข้าป่าคนเดียวอีกใช่ไหม”
เมื่อเคียร่าจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ถูกพ่อของเธอขัดขึ้นมาจนทำให้ตัวแข็งไปขณะหนึ่ง อ้าว ถ้าต้องปิดเป็นความลับ การที่จะบอกว่าเก็บฉันมาได้คงต้องลำบากแหง ๆ ซวยของจริงเลยสินะ
เธอแสดงท่าทางลนลานออกมาอย่างชัดเจนในขณะที่กลอกตาไปมาเพราะทำตัวไม่ถูก นั่นทำให้พ่อจ้องเธอเขม็งราวกับจะบีบบังคับให้พูดออกมา ส่วนทางแม่นั้นก็ยกมือขึ้นมาหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดี
สู้ ๆ นะเคียร่า ถึงแม้ว่าท่าทางแบบนี้อีกฝ่ายน่าจะรู้คำตอบอยู่แล้วก็เถอะ
“คะ- คือว่า…ค่ะ หนูออกไปในป่ามา”
“เฮ้อ ว่าแล้วเชียว”
ท้ายที่สุดเธอก็เลือกไม่ปิดบังแล้วบอกออกไปตามตรง นั่นทำให้พ่อของเธอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ โดยที่แม่นั้นยังคงมีท่าทีเช่นเดิม ราวกับเป็นเรื่องเคยชิน
และแม้เคียร่าจะถูกดุอย่างยืดยาว เธอก็ไม่มีทีท่าสะทกสะท้านแม้แต่น้อย อีแบบนี้แสดงว่าคงทำบ่อยจนเป็นเรื่องปกติแล้วสิท่า แล้วเวลาก็ผ่านไปอีกพักใหญ่ ๆ
“เอาเถอะ…แต่วันนี้มีเรื่องแปลกนิดหน่อย ที่มังกรปฐพีจะอาละวาดสงสัยจังนะว่ามีอะไร”
“อืม นั่นสินะ…จริงสิ หนูเจอลูกมังกรหน้าตาแปลกตา เลยเก็บมาด้วยล่ะ”
เคียร่าทำเป็นไม่สนใจสิ่งที่พ่อเธอกังวล พลางหยิบเรื่องของฉันขึ้นมาพูดตรง ๆ เลย ทำให้ทางนี้แอบรู้สึกกังวลขึ้นมาเลย แถมทั้งคู่ก็ทำท่าทางตกใจด้วย
รู้สึกไม่ค่อยดีเลยแฮะ
“มังกรแปลกตาเหรอ หมายความว่ายังไง”
อ้าว ไหงเรื่องที่สงสัยกลับกลายเป็นว่าแปลกตาล่ะ ไม่ใช่ว่าต้องแปลกใจตั้งแต่ว่าเก็บมังกรมาแล้วเรอะ และเพราะท่าทางของพวกนั้นทำให้ฉันเป็นฝ่ายตกใจ และเผลอตัวดันประตูจนเปิดออก
“อ๊ะ ริเกล! ฉันบอกว่าให้รออยู่ในห้องไง”
“นั่นมัน…มังกรไม่คุ้นจริง ๆ ด้วย แต่นี่ลูกตั้งชื่อให้มันแล้วเหรอ”
พ่อของเธอทำสีหน้าตกตะลึงอีกครั้งเมื่อเห็นร่างของฉันที่คอกับหางลู่ตกลงเพราะรู้สึกผิด เคียร่าจึงเดินเข้ามาหาฉันแล้วอุ้มขึ้นกอดราวกับว่าฉันเป็นหมาตัวน้อย
อืม ขนาดตัวฉันก็เท่าลูกหมาจริง ๆ นั่นแหละ
“เฮ้อ ลูกคนนี้…แล้วเจอมันที่ไหน”
“ในป่า ใกล้ ๆ ตีนผา”
เมื่อเคียร่าตอบคำถามแต่โดยดี พ่อของเธอก็ยิงคำถามต่อมาเรื่อย ๆ ทันที
“พ่อแม่มันล่ะ”
“ไม่เห็นนะ คิดว่าน่าจะหลงมา”
“…มันอายุเท่าไหร่”
“เอ…น่าจะพึ่งออกจากไข่มั้งคะ”
เมื่อจบคำถามนั้นที่ว่าจะเป็นอย่างสุดท้ายแล้วเขาก็ได้แต่กุมขมับ ในขณะที่ทางเคียร่านั้นออกแรงกอดฉันมากขึ้นราวกับพยายามไม่ให้ฉันถูกแย่งไป
และก็เพราะแบบนั้นเลยกลายเป็นว่าฉันถูกอุ้มให้จ้องหน้ากับชายหนุ่มที่ส่งสายตาเชิงดุใส่ฉัน น่ากลัว แบบนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว อยากจะหนีเอาซะเดี๋ยวนี้เลย
“กรร…”
“เอ๋ ริเกล”
ฉันส่งเสียงเบา ๆ ออกมาจากลำคอพลางพลิกตัวให้กลับไปซุกเคียร่าเพื่อหลบสายตาขอชายคนนั้น ทำให้เธอเองก็โอบกอดฉันเอาไว้เช่นกัน
ก่อนที่จะขยับกล้ามเนื้อบางอย่างบริเวณไหล่ให้โอบตัวเธอไว้ ซึ่งนั่นก็คือปีกนั่นเอง
“ฮึ่ม…ก็ได้ เลี้ยงเอาไว้ก็ได้ แต่ลูกต้องดูแลมันดี ๆ นะ”
คำตอบของชายคนนั้นทำให้เคียร่ากลับมาร่าเริงได้อย่างรวดเร็วทันที เดี๋ยวนะ ไอ้สถานการณ์ตอนนี้มันแบบเดียวกันกับเวลาลูกแอบเก็บสัตว์มาเลี้ยงเลยนี่หว่า
จากนั้นเคียร่าที่ดีใจก็ชูฉันขึ้นสูงพลางหมุนตัวไปมาอย่างตื่นเต้น ทำให้ทางพ่อกับแม่นั้นคลี่ยิ้มบาง ๆ อย่างมีความสุข และฉันก็ถูกยอมรับว่าเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวอย่างรวดเร็ว
โดยที่ในใจฉันก็ยังงงอยู่ดีว่าทำไมยอมรับกันง่ายเหลือเกิน…และคำตอบนั้นฉันก็ได้รับในตอนที่กำลังจะนอน
“นอนไม่หลับเหรอ”
เคียร่าถามในขณะที่ฉันกำลังปีนขึ้นไปบนเตียงของเธอ ฉันจึงพยักหน้าเบา ๆ พลางส่งเสียงร้องราวกับออดอ้อน เธอก็ยิ้มให้ก่อนจะอุ้มฉันให้ขึ้นมานอนข้าง ๆ เธอ
“เวลาแบบนี้ต้องเล่านิทานสินะ…ถ้างั้นเล่าเรื่องนี้ดีกว่า”
จากนั้นเคียร่าก็เริ่มเล่าเรื่องบางอย่าง ซึ่งเป็นเรื่องราวของโลกใบนี้และนั่นก็เป็นคำตอบให้ฉันได้ว่าทำไมพวกเธอจึงไม่ตกใจที่ฉันเป็นมังกร
เมื่ออดีตนานแสนนานมาแล้ว ในโลกที่ชื่อ ‘ดราโทก้า’ มีสิ่งมีชีวิตจากโบราณกาลเรียกว่า ‘มังกร’ อาศัยอยู่ก่อนเผ่าอื่น ๆ ซึ่งแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ได้สองชนิดคือ มังกรปฐพี และ มังกรวารี
ทั้งสองนั้นไม่ถูกกันและต่อสู้ห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด และเมื่อเริ่มมีสิ่งชีวิตอย่างอื่นถือกำเนิดขึ้นมา การต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายของผู้ทรงพลังนั้นก่อให้เกิดความเสียหายมากเกินไป
ดังนั้นเหล่าสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอจึงได้อ้อนวอนแด่พระผู้เป็นเจ้า ให้หาทางหยุดการต่อสู้เหล่านี้เสียที และผู้ที่ตอบสนองนั้นก็ไม่ใช่พระเจ้าแต่อย่างใด หากแต่เป็นมังกรด้วยกันเอง
มังกรที่มีร่างกายอันทรงพลังอันเป็นเอกลักษณ์ของมังกรปฐพี และมีความพลิ้วไหวและสง่างามอันเป็นของมังกรวารี มีชื่อเรียกว่า มังกรพิภพ
เป็นผู้ที่อยู่เหนือเหล่ามังกรทั้งปวงและลงมาจัดระเบียบเผ่าพันธุ์มังกรทั้งหมดใหม่อีกครั้ง รวบรวมเกาะเล็กใหญ่ให้รวมกันและเป็นที่อยู่ให้กับมังกรปฐพี เรียกว่าทวีป
สร้างแหล่งน้ำขนาดใหญ่อันไกลสุดลูกหูลูกตาทั่วทั้งโลก เรียกว่าทะเล และให้ทั้งสองนั้นแยกกันอยู่อย่างสันติสุข
ดังนั้นบนผืนทวีปเหล่านี้ก็เหมือนเป็นบ้านของเหล่ามังกร การที่จะเจอพวกเขานั้นไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด
แต่ที่บอกว่าไม่คุ้นมังกรแบบฉันเพราะว่ามังกรปฐพีในประเทศนี้ส่วนใหญ่จะไม่มีปีก ทั้งยังไม่ค่อยมีสีสดสวยงามแบบนี้อีกด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงได้แปลกใจ
ส่วนมังกรพิภพนั้นหลับใหลอยู่ในเกาะเล็ก ๆ อันห่างไกลจากผู้คน ล้อมรอบไปด้วยพายุจนไม่อาจเข้าไปใกล้ได้
แล้วจากนั้นทุกคนก็อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขนับแต่นั้นมา…
ก็ เรื่องราวก็เป็นประมาณนี้ล่ะนะ ถึงจะมีบางส่วนที่กำกวมหรือไม่สมเหตุสมผลบ้าง แต่ก็พอทำเนาได้เพราะว่ามันเป็นเรื่องเล่าจากอดีต
แต่ยังไม่ทันจะรู้อะไรมากกว่านั้น ฝ่ายคนเล่าก็ดันชิงหลับไปก่อนซะงั้น เอาเถอะ พอฟังอะไรแบบนี้แล้วก็เริ่มง่วงขึ้นมาเหมือนกัน…
—————- ——————–
ในตอนเช้าฉันตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่โดยไม่ทราบสาเหตุ อาจจะเป็นเพราะสัญชาตญาณของร่างกาย หรืออะไรก็ไม่แน่ใจแต่ตาก็สว่างจนไม่อาจหลับต่อได้
ดังนั้นฉันจึงค่อย ๆ ลุกจากเตียงของเคียร่าให้เบาที่สุดเพื่อไม่ให้เธอตื่น แล้วแง้มประตูเดินออกไปด้านนอกเพื่อหาอะไรทำ ในตอนนั้นเองก็ได้ยินเสียงไม้ดังอยู่หลังบ้าน
ฉันเดินออกทางหน้าบ้านแล้วอ้อมไปด้านหลังเพื่อหาต้นเสียง แล้วก็เจอกับพ่อกำลังตัดฟืนอยู่
“หืม ตื่นแล้วเหรอริเกล”
เขาหยุดขยับมือพร้อมทั้งหันมาทักทายฉันที่เดินเข้าไปหา ฉันพยักหน้าหงึก ๆ พร้อมทั้งนั่งจ้องมองเขาอยู่เงียบ ๆ อีกฝ่ายจึงไม่รอช้าลงมือทำงานของตนเองต่อทันที
เพราะความว่างหรือเปล่านะ สายตาของฉันจึงจับจ้องไปที่ใบมีดของขวานที่สับขึ้นลงอย่างชำนาญ รู้สึกเพลินดีแฮะมองภาพที่ขยับแบบเดิม ๆ ซ้ำ ๆ พร้อมทั้งเสียงกะเทาะไม้ที่ไพเราะอย่างน่าประหลาด
ทำให้ฉันเผลอหลับตาลงอย่างเคลิบเคลิ้มและโยกหัวไปมาตามจังหวะของไม้ ราวกับกำลังฟังเสียงเพลง จนเวลาผ่านไปพักหนึ่งฉันก็ต้องตัวกระตุกกึกไป
หมอจัง มีกลิ่นหอมโชยออกมาเข้าในจมูกของฉันทำให้ถูกดึงดูดไปหา ดังนั้นจึงไม่รอช้าที่จะลืมตาขึ้น แล้วลุกหันไปทางต้นทางของกลิ่น
มันมาจากในห้องครัวของบ้านนั่นเอง
“โอ๊ะ หิวแล้วเหรอจ๊ะ เจ้ามังกรน้อย”
แม่ที่กำลังเคี่ยวบางอย่างในหม้อขนาดใหญ่วางมือลง ก่อนจะหันมามองฉันแล้วก้มตัวลงมาลูบหัวอย่างอ่อนโยน อือ พอได้กลิ่นแบบนี้ก็หิวจริง ๆ นั่นแหละ
ของกินจะเป็นอะไรกันนะ
เธอหัวเราะให้กับท่าทางของฉันที่น้ำลายไหลเมื่อนึกถึงรสชาติจากกลิ่น รู้สึกพอเป็นมังกรก็มีประสาทสัมผัสได้ดียิ่งขึ้น จนได้กลิ่นของเครื่องเทศอย่างชัดเจน
แม่กำชับกับฉันว่ายังไม่ถึงเวลาและให้รอก่อน ฉันจึงนั่งลงอย่างว่าง่ายพร้อมทั้งส่ายหางไปมาในขณะมองมือของเธอที่คนอย่างคุ้นมือ
แล้วไม่นานอาหารในหม้อก็เสร็จสมบูรณ์พร้อมทั้งเคียร่าที่เดินออกมาจากห้องอย่างสะลึมสะลือ ฉันลุกขึ้นอย่างร่าเริงพลางเดินไปวนรอบ ๆ ขอของเธอเพื่อเป็นการทักทาย
อรุณสวัสดิ์เคียร่า ที่เล่าเมื่อคืนสนุกมากเลยล่ะ เป็นไปได้ฉันอยากฟังมากกว่านี้อีก
“โอ้…อรุณสวัสดิ์ริเกล ตื่นเช้าจังนะหลับสบายหรือเปล่า”
เธอตอบฉันด้วยน้ำเสียงที่เชื่องช้าเพราะว่าพึ่งตื่น แต่ว่าสิ่งที่ฉันพยายามพูดกับเธอนั้นไม่มีคำพูดออกไปก็จริง แต่ก็มีเสียงร้องเล็ก ๆ ออกมาพร้อมกับความคิด ราวกับพยายามสื่อสารกับเธออยู่
ที่ฉันอยากฟังมากกว่านี้ไม่ใช่แค่เพราะว่ารวบรวมข้อมูล แต่ว่ามันสนุกจนอยากฟังอีกเช่นกัน ไม่รู้เพราะเป็นความน่าสนใจของเรื่องราว หรือเป็นเพราะการเล่าของเคียร่ากันแน่จนทำให้ฉันฟังได้ไม่มีเบื่อ
แต่แน่นอนว่าแค่การร้องของฉันส่งข้อความเหล่านี้ไปไม่ถึงเธอ นอกจากทักทายยามเช้าพลางลูบหัวให้ ทุกคนก็มารวมตัวกันกินข้าวเช้าซึ่งเป็นสตูสีขาวนวลอย่างสวยงาม
ถึงจะน้อยใจไปบ้างที่เธอไม่เข้าใจฉัน แต่ก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้แหละนะ ฉันจึงจำใจยอมรับแล้วก้มหน้าก้มตากินส่วนของตัวเองอย่างเงียบ ๆ
อะ อร่อยแฮะ ถ้าได้กินอะไรแบบนี้ไปตลอดก็ไม่เลวเท่าไหร่แฮะ
ฉันส่ายหางไปมาพร้อมทั้งยิ้มออกมาอย่างมีความสุข และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นในบ้านหลังใหม่ ชีวิตใหม่ และเหล่าครอบครัวใหม่ของฉัน สุดท้ายแล้วก็ต้องใช้ชีวิตตอนนี้ให้เต็มที่ล่ะนะ