มีแสงบางอย่างพุ่งมาและเฉี่ยวไหล่ของเคียร่าจนมีเลือดพุ่งกระจายออกมา ย้อมให้ทิวทัศน์ของฉันย้อมเป็นสีแดง เพราะไหล่ที่โดนบาดนั้นอยู่ตรงใบหน้าของฉัน
และทำได้แค่อ้าปากค้างทำหน้าเหวออยู่แบบนั้น โดยไม่ได้สังเกตเลย ว่าสีหน้าของเคียร่านั้นบิดเบี้ยวไปด้วยความเจ็บปวด
“อึก!”
‘เคียร่า!’
ฉันแผดเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจปนร้อนรน อะไร? แสงเมื่อกี้มันอะไร? ทำไมเคียร่าถึงมีแผล? แล้วกลิ่นเวทมนตร์เมื่อกี้คืออะไร
ความสับสนถาโถมเข้ามาในหัวโดยที่เราทั้งคู่นั้นล้มลงนอนไปกับพื้น สิ่งที่ดึงสติฉันกลับมาได้คือเคียร่าที่พยายามลุกขึ้นทั้ง ๆ ที่สีหน้ายังคงเจ็บปวด
แล้วยกมือขึ้นมาป้องฉัน…กำลังปกป้องฉันอยู่เหรอ?
แล้วพวกเราก็จ้องไปที่ที่มาของแสงในทันที ก็พบกับร่างของมนุษย์…ผู้ชายสามคน และมีมังกรอีกหนึ่งตัว…ซึ่งเห็นภาพนั้นแล้วฉันได้แต่เบิกตากว้าง
เป็นมังกรยืนสี่ขาตัวเล็ก…เล็กกว่าฉันอีก แต่ดูท่านั่นคงโตเต็มวัยแล้ว แต่เหนือสิ่งอื่นใด…ปลอกคอที่มีอัญมณีส่องแสงอยู่ พร้อมกับโซ่ที่หนาและใหญ่จนเกิดเสียงเสียดสีกันเวลาเดิน
อย่างกับว่า…เป็นแค่สัตว์เลี้ยง ไม่สิ สัตว์ที่ถูกใช้งานเลย มังกรตัวอื่นในกองคาราวานนั้นดูสะอาดสะอ้าน ยิ้มแย้มแจ่มใสดูแล้วมีความสุข
แต่มังกรตัวนี้ไม่ สัมผัสได้ถึงความเศร้าและทุกข์ทรมานทันที จนเผลอส่งเสียงขู่ต่อภาพนั้น และวิต่อมาก็มีเท้าข้างหนึ่งเตะเข้าที่ท้องของมังกรตัวนั้น
“เฮ้ย บอกว่าให้ใช้เวทจับไม่ใช่เหรอวะ!? ไหงถึงใช้เวทโจมตีละถ้าเป้าหมายตายขึ้นมาจะทำยังไง!!”
“กรร!!”
ฉันส่งเสียงขู่ดังขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หงุดหงิด ทำไมการเห็นมังกรทำร้ายถึงได้รู้สึกหงุดหงิดขนาดนี้ รู้สึกเลือดในตัวกำลังเดือดพล่าน เกลียด อยากจะ…
“ทำอะไรของพวกคุณน่ะ!!”
ในตอนที่รู้สึกว่าสติกำลังจะหลุดลอยออกไปไกลราวกับไม่สามารถควบคุมได้ เคียร่าก็ตะคอกขึ้นมาเสียงดังจนดึงสติของฉันไปด้วย…อะไรน่ะ เมื่อกี้ฉันกำลังคิดว่า…
อยากจะฉีกพวกเขาเหรอ? เมื่อนึกได้แบบนั้นก็รู้สึกสั่นเทาไปทั่วทั้งร่างกาย กลัว ฉันกลัวความคิดที่ผุดขึ้นมาของตนเองเหลือเกิน
เหมือนนั่นไม่ใช่ตัวฉันเลย แล้วตั้งแต่เมื่อไหร่กัน…กลิ่นเลือดของเคียร่ากลับรู้สึกหอมหวานขนาดนี้ ไม่ ไม่มีทาง ฉันไม่ได้รู้สึกแบบนั้น ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น ไม่มีทาง…
“ชิ เด็กนี่น่ารำคาญจริง เฮ้ย แล้วทำไงกับเด็กวะ”
“จับไปด้วยนั่นแหละ ถ้าปล่อยมันไปเดี๋ยวเรื่องจะถึงหูไอ้บิลลี่เข้า พวกเราโดนตามล่าแน่”
พอมาตอนนี้ฉันก็โดนจู่โจมด้วยความสับสน ว่าพวกเขามาโจมตีเราทำไม? แถมยังที่ว่าจับไปนั่นอีกหมายความว่าไง? แต่ดูจากมังกรที่ถูกพามาด้วยแล้วคงไม่ใช่เรื่องดีแน่
แต่ในระหว่างที่ฉันสับสน เคียร่ากลับลุกขึ้นอย่างมั่นคงและหยิบมีดเล็กสำหรับเข้าป่าออกมา เป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อว่าเด็กตัวเล็กแค่นี้จะกล้าหยิบของมีคมออกมาชี้ใส่คนอื่น
อยากจะบอกว่าสมกับเป็นเคียร่า…แต่นี่ไม่ใช่เวลามาชม เพราะเธอกำลังทำเพื่อปกป้องฉันที่กำลังสับสนอยู่ต่างหาก ในระหว่างที่พวกเราล้มเมื่อกี้ทั้งสี่รวมถึงมังกรอีกตัว ก็ปิดทางหนีพวกเราอย่างรวดเร็ว
มีชายคนหนึ่งกระชากโซ่ที่ล่ามคอของมังกรตัวนั้นอย่างแรง มันก็แสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมาก่อนจะมีแสงก่อขึ้นที่คอ พร้อมกับกลิ่นจาง ๆ แบบเดิมกับก่อนหน้านี้
หนนี้มันเล็งไปที่ตัวเคียร่าฉันจึงดึงสติตัวเองให้พุ่งเข้าไปผลักตัวเธอออก และก็พอดีกับที่มีแสงสีเขียวเหมือนตัวของมังกรออกมาจากปาก
จากทิศทางที่ถูกปล่อยมามันจะพุ่งเข้าที่ท้องฉันอย่างจัง จึงได้แต่หลับตารอรับความเจ็บปวดอย่างรุนแรง
แต่แล้ว…
“อ๊ะ ปล่อยริเกลนะ!”
แสงนั่นแตกออกและกลายเป็นตาข่ายทำจากเถาวัลย์มาคลุมตัวฉันไว้ ต่อให้ออกแรงพยายามให้ขาดมันก็เหนียวทนทานจนน่าเหลือเชื่อ
แย่แล้ว ฉันโดนจำกัดการเคลื่อนไหวโดยสมบูรณ์ เหลือเพียงเคียร่าคนเดียวกับมีดเล็ก ๆ ในมือ สถานการณ์เลวร้ายขั้นสุดเพราะว่าอีกสามคนมีอาวุธครบมือ
แถมยังเป็นผู้ชายตัวโตอีก ถึงกระนั้นเคียร่าก็ไม่แสดงความกลัวออกมาเล็กน้อย ยิ่งทำให้คนที่ล้อมเราเอาไว้นั้นแสยะยิ้มอย่างสนุกสนาน ราวกับกำลังหยอกล้อเหยื่อเล่นอยู่
และหนึ่งในนั้นอยู่ก็เดินเข้ามาหาฉัน เคียร่าตอบสนองภาพนั้นอย่างรวดเร็วและทำท่าจะฟันมือที่ยื่นมาทางฉัน โดยไม่มีท่าทีลังเลแม้แต่น้อย
มีดนั่นจึงเฉือนมือของชายคนนั้นที่ประมาทเธอเกินไป
“อ๊าก นังเด็กนี่!”
นั่นทำให้เขาโมโหและพยายามต่อยเคียร่า แต่เธอหลบมันได้แบบฉิวเฉียดก่อนจะก้มลงอย่างรวดเร็ว และออกแรงสุดเพื่อผลักขาเขาให้ล้มลง
ชายคนนั้นจึงลงไปกองกับพื้นอย่างรวดเร็ว สุดยอดเลย แต่ในขณะที่ฉันกำลังชื่นชมฝีมือของเคียร่าอยู่นั้นก็มีอีกคนเข้ามาจากด้านหลัง
‘เคียร่าระวัง!’
ฉันส่งเสียงร้องออกไปเตือนเคียร่า ซึ่งมันได้ผลเธอรีบหันมาทางฉัน และเจอเข้ากับคนนั้นพอดี…และเพราะพวกนั้นระวังไม่ให้พวกเราบาดเจ็บด้วยหรือเปล่านะ จึงไม่มีใครชักดาบที่เอวออกมาเลยสักคน
แต่พยายามล็อกตัวพวกเราเอาไว้มากกว่า ในระยะนั้นเคียร่าไม่มีทางหลบได้แน่นอน แต่เธอได้เปรียบตรงที่…ในมือเธอมีมีด
“อึก!”
เคียร่าใช้มีดเล่มนั้นแทงลึกเข้าไปตรงบริเวณไหล่ รู้สึกได้เลยจากสีหน้าของเธอ ว่าวิที่เลือดของชายคนนั้นไหลออกมา เคียร่าเองก็หวาดกลัวเหมือนกัน
จนไม่แน่ใจว่าที่สั่นอยู่เป็นเพราะอีกคนพยายามต่อต้าน หรือเป็นมือของเคียร่าที่กำลังสั่นอยู่กันแน่ จริงสิพวกนั้นมี 3 คนกับอีก 1 ตัว แล้วอีกคนล่ะ?
“จะมากไปแล้วนะนังเด็กนี่ เฮ้ย ยิงมันดิ!”
คำพูดของอีกคนซึ่งจูงมังกรเอาไว้พูดขึ้นทำให้พวกเราสะดุ้งและหันไปมอง เขาสั่งการมังกรโดยการใช้เท้าเตะเช่นเดิมนั่นเอง
กลิ่นฉุนแทรกเข้ามาในจมูกของฉันอีกครั้ง แรงจนแทบอ้วกฉันจำได้…เป็นแสงที่บาดไหล่ของเคียร่านั่นเอง เหมือนว่าเธอเองก็รู้ตัว จึงพยายามดึงมีดออกแต่ก็ติดแน่น
ในตอนที่รู้ว่าเอาออกไม่ทันจึงตัดสินใจปล่อยมือ แต่อีกฝ่ายก็ยิ้มกว้างและจับมือของเธอเอาไว้แน่น แย่แล้ว
“หึ ทำได้แสบนักนะ นังเด็กนี่”
และแสงก็ออกมาจากปากของมังกร พุ่งตรงใส่ร่างของเคียร่าโดยไม่กลายเป็นตาข่าย…และทะลุหัวไหล่ขวาของเธอก่อนจะหายไป
“อะ…อา”
ไม่มีเสียง ดูจากสภาพเธอคงเจ็บจนพูดอะไรไม่ออก และก่อนที่จะได้ทำอะไรชายที่ล้มแล้วพึ่งตื่นก็หยิบดาบออกมาทั้งปลอก
และใช้ปลอกดาบทุบเข้าที่หัวของเธออย่างแรง จนดวงตาของเคียร่าสั่นสะเทือนก่อนจะหลุดลอยออกไปและหลับตาลง เธอหมดสติไปแล้วนั่นเอง
ว่าแล้วร่างเล็ก ๆ ของเธอก็ล้มลงไปกองอยู่กับพื้น พร้อมทั้งใบหน้าที่เจ็บปวดและลมหายใจที่โรยริน รอบตัวของเธอถูกย้อมไปด้วยสีแดงจากไหล่ของเธอ
เลือด…เลือดไหลออกมาเต็มไปหมด ไม่ ไม่เอาน่า เด็กตัวเล็กแค่นี้กับเลือดที่ไหลออกมามากขนาดนั้น…นี่มันอันตรายแล้วนะ นี่!
ฉันดิ้นแรงขึ้นเพราะรู้สึกร้อนใจที่เห็นสภาพแบบนั้นของเคียร่า หัวที่โดนทุบก็มีเลือดซึมออกมาเช่นกัน กลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งจนอยากจะอ้วกกระตุ้นให้เลือดในตัวเดือดพล่าน
ฉันร้องโวยวายออกมาเสียงดังราวกับคำราม แต่พวกนั้นก็ไม่มีท่าทีกลัวทั้งยังเดินมาหาฉันอย่างรำคาญ และเอาตาข่ายออกพร้อมกับรีบรุมจับตัวฉันไว้
ล็อกปากจนร้องเสียงดังไม่ได้ ล็อกปีกจนไม่อาจกางออกเพื่อบิน ล็อกขาหน้าเพื่อไม่ให้อาละวาด ฉันโดนควบคุมอย่างสมบูรณ์แบบ
“อา…สภาพแบบนี้เก็บไปก็ภาระเปล่าแฮะ”
มีชายพูดขึ้นแบบนั้นพร้อมทั้งใช้เท้าเตะเข้าที่ท้องของเคียร่า ทำให้ฉันเบิกตากว้างและอาละวาดหนักกว่าเดิม อย่าทำแบบนั้นกับเคียร่านะ! หยุดได้แล้ว!!
แต่การดิ้นรนของฉันไร้ประโยชน์ รังแต่จะทำให้รู้สึกเจ็บปวดจุดที่โดนล็อกเท่านั้น แต่ก็ไม่หยุด พวกมันทำร้ายเคียร่า พวกมันทำร้ายมังกร หงุดหงิด อยากจะฉีกทิ้ง…อยากจะให้กลิ่นคาวที่คลุ้งอยู่นี่กลายเป็นพวกมัน
ฉันคิดแบบนั้นพร้อมทั้งส่งเสียงขู่ทุกคนด้วยดวงตาแดงก่ำ รู้สึก ได้กลิ่นฉุนลอยออกมาจากตัวเอง…
‘อย่านะ เจ้าหนู’
ในตอนนั้นเองเสียงของดีอาร์ก็ลอยเข้ามาในหัว ดึงสติที่กำลังหลุดลอยไปของตัวเองกลับมาอีกครั้ง พร้อมกันนั้นก็เกิดลมพัดอย่างแรงจนหญ้าปลิวไปมาอย่างแรง
ผืนป่าส่องแสงสีเขียวสดไปทั่วทุกบริเวณพร้อมกับหญ้าสีเขียวและดอกไม้ที่ผลิบานอย่างรวดเร็วไม่เข้ากับภาพของปลายฤดูใบไม้ร่วง
พร้อมกับเสียงที่คุ้นเคยซึ่งเคยได้ยิน
“ข้าละสายตาเพียงครู่เดียว พวกเจ้ากล้าทำกับคนของข้าถึงเพียงนี้เลยรึ”
คุณโรเวิร์ตที่แต่งตัวเหมือนพึ่งออกไปข้างนอกมานั้นส่งสายตามองชายที่ทำร้ายพวกเราด้วยแววตานิ่งเรียบ น้ำเสียงก็เย็นยะเยือกอย่างน่ากลัว
พร้อมทั้งจับดีอาร์ซึ่งกำลังรวบรวมลมเอาไว้บนกลางระหว่างเขาทั้งสองข้าง ไม่ต้องเสียเวลาดมกลิ่นเลยด้วยซ้ำ แค่มองตาเปล่าก็รู้ได้เลยว่านั่นคือเวทมนตร์ของดีอาร์
(เครดิตผู้ออกแบบ : Kola-rabbit )
“แย่ละ เจ้าเมืองมา!”
“แค่มังกรก็ยังดี หนีเร็ว!!”
พวกนั้นพยายามอุ้มตัวฉันและหนีไป แต่คุณโรเวิร์ตก็ไม่ขยับเขยื้อน ไม่แม้แต่จะร้อนรนพลางชุดมือขึ้นและสั่ง
“จับพวกนั้นไว้ซะ”
ว่าจบ ก็มีเถาวัลย์พุ่งขึ้นมาจับขาของชายทั้งสามเอาไว้ จนไม่อาจหนีได้ สุดยอดเวทมนตร์นี่สุดยอดขนาดนี้เลยเหรอ…อะนี่ไม่ใช่เวลามาห่วงเรื่องนั้นนะ!
ฉันที่โดนปล่อยมือจนล้มลงกับพื้นนั้นพยายามตะเกียกตะกายไปหาเคียร่าอย่างยากลำบาก เพราะว่าโดนล็อกตัวเอาไว้จนแทบจะขยับไม่ได้ แต่ในที่สุดก็คลานมาถึงจุดที่เธอล้มอยู่
ลมหายใจแผ่วเบาแถมยังมีสีหน้าทรมาน ไม่นะ อย่านะ อย่ามาแยกเคียร่าไปจากฉันนะ ไม่เอา…
“บาดเจ็บหนักขนาดนี้เลยรึ ดีอาร์พอช่วยได้หรือเปล่า”
‘ไม่มากนักหรอก’
ทั้งคู่เดินเข้ามาดูอาการของเคียร่า และเวทมนตร์ที่รวบรวมเอาไว้ก็ถูกปล่อยมาที่เธอ ก่อนที่จะมีไม้เลื้อยเล็กๆ สีเขียวเกาะตามตัวของเธอไปจนถึงบาดแผล
พร้อมทั้งภาพน่าฉงนอย่างมีดอกไม้บานขึ้นตรงจุดที่มีแผล และหยุดเลือดเอาไว้ ต่อมาเจ้าตัวก็ผ่อนลมหายใจเบาลงราวกับว่าหายทรมาน
เหมือนว่าเธอจะปลอดภัยแล้วสินะ แต่จากคำพูดของพวกคุณโรเวิร์ตน่าจะยังวางใจไม่ได้ต้องให้ถึงมือหมอ แต่ก็นะ…ถึงจะไม่ได้ทำอะไร
แต่การดิ้นไปมาแล้วก็แผดเสียงร้องก็ทำให้เหนื่อยเหลือเกิน ภาพตรงหน้าค่อย ๆ …เลือนรางและมืดดับไป
พร้อมทั้งกลิ่นคาวเลือดที่จางลงจนแทบไม่ได้กลิ่น แต่ฉันก็ยังจำได้…จำฝังลึกเอาไว้ในหัวใจ กลิ่นฉุนอันน่าสะอิดสะเอียนนี่ ฉันเกลียดมันเหลือเกิน