หลังจากตอนนั้นแฟร์ก็เข้ามาหาเคียร่าที่นอนพักอยู่บ้านของคุณโรเวิร์ตบ่อย ๆ พร้อมทั้งยกข้อดีของการเดินทางกับกองคาราวานไม่หยุด
ทั้งบอกว่าไปเดินทางทั่วทวีปบ้าง ได้แวะเมืองต่าง ๆ บ้าง แล้วก็เอาของแปลกมาให้ดูไม่หยุด ว่าอันนี้เจอได้ที่ไหน อะไรแบบนั้น
หนักสุดก็คืออุ้มอิกนิสขึ้นมา (อย่างยากลำบาก) แล้วก็เล่าให้ฟัง…ว่าพวกอิกนิสเป็นมังกรปฐพีสายพันธุ์ ฟารีสกัน ซึ่งอาศัยอยู่บริเวณภูเขาไฟติดกับประเทศเดเวีย ซึ่งจุดที่พวกอิกนิสอยู่นั้นรกร้างไร้ผู้คนอาศัยอยู่
แต่น่าแปลกตรงที่พวกแฟร์เจอเขาตอนอยู่ประเทศริมิร่า แถมยังเป็นสภาพใกล้จมน้ำเพราะพยายามว่ายออกมาจากที่อยู่ เพราะว่ามีสายน้ำไม่ใหญ่นักกั้นไว้อยู่
แต่ก็ยังนับว่าเป็นเขตทะเลอยู่ อิกนิสที่เป็นมังกรปฐพีจึงถูกมังกรวารีโจมตีด้วยนั่นเอง แล้วตอนนั้นแฟร์ก็เป็นคนแรกที่เห็นแล้วกระโดดลงไปช่วยขึ้นบกมาได้
…สุดยอดใช่มะ
เธอพูดออกมาแบบนั้นพร้อมทั้งรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความภูมิใจ เคียร่าก็เพียง…สุดยอดเลย และยิ้มหัวเราะตามปกติ ราวกับสนุกที่ได้ยินเรื่องตื่นเต้น
แต่ก็ไม่มีท่าทีเปลี่ยนใจเรื่องการเดินทางเลยแม้แต่น้อย ทำให้แฟร์งอนตุ๊บป่องและก้าวเท้ายาว ๆ ออกไป โดยมีอิกนิสวิ่งตามหลังไปอย่างกระฉับกระเฉง
ติดเด็กคนนั้นแจน่าดู…ฉันเองก็คล้าย ๆ แบบนั้นสินะ ทำไมแอบคิดว่าก็น่ารักอยู่เหมือนกันล่ะเนี่ย…ถ้ามีสัตว์สักตัวที่ตามหลังเราติด ๆ แบบนั้น คงรู้สึกดีไม่น้อยเลย…เด็ก ๆ ถึงได้ชอบสัตว์เลี้ยงสินะ
ทุกวันก็ผ่านไปแบบนั้น จนถึงวันสุดท้ายที่กองคาราวานจะอยู่…
“เคียร่า! วันนี้แหละฉันจะทำให้เธอเปลี่ยนใจ!!”
วันนี้แฟร์ก็ยังร่าเริงเช่นเดิม พวกเราที่นอนอ่านหนังสือเวทมนตร์อยู่บนเตียงก็เบือนสายตาไปมองพร้อมกัน ไม่สิ ร่าเริงกว่าปกติอยู่นิดหน่อยล่ะมั้ง?
ด้านหลังก็ยังมีอิกนิสอยู่เช่นเดิม แต่ในมือของแฟร์นั้นถือท่อนไม้ค่อนข้างยาวมาด้วย อ๊ะ พอมองที่ปลายดีๆ ก็เห็นว่าถูกสลักนิดหน่อย…ง้าว?
เหมือนว่าเคียร่าก็จะสังเกตเหมือนฉันจึงได้แต่มองด้วยความสงสัย
“ฉันได้ยินมาว่าเธอฝึกใช้ง้าวสินะ พอดีเลย!! เห็นแบบนี้ฉันก็มาจาก เกียร์มัว นะ ที่บ้านเกิดน่ะทุกคนใช้ง้าวกันเป็นปกติอยู่แล้ว จะแสดงให้เธอดูเอง!!”
“เอ๋ มันอันตราย–”
อีกฝ่ายไม่รอฟังคำเตือนของเคียร่าพลางก้าวเท้าเข้ามาและควงไม้ในมือเพื่อแสดงท่วงท่า…แต่มันก็ดูมั่วซั่วสิ้นดี ไม่มีเศษเสี้ยวความสง่างามเหมือนเคียร่าสักนิด
“อ๊ะ!!”
ว่าแล้วด้วยน้ำมือของตัวเองแฟร์ก็โดนไม้นั่นฟาดอย่างจังจนส่งเสียงโอดครวญออกมา ก่อนจะปล่อยไม้แล้วย่อตัวลงกุมหัวตัวเอง
‘แฟร์! เป็นอะไรรึเปล่า!’
อิกนิสไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปหาแฟร์และร้องถามทันที เคียร่าเองก็ทำท่าเหมือนอยากจะลุกไปช่วยพยุง แต่ก็ต้องตัวกระตุกเพราะว่ามีแผล
แล้วกลายเป็นว่าเธอเองก็โอดครวญเพราะเผลอขยับตัวแรงเหมือนกัน ทำให้แฟร์สะดุ้งโหยงและลุกขึ้นมาดูเคียร่าทันที สถานการณ์วุ่นวายจริง…
“เฮ้ เป็นอะไรรึเปล่า!”
“ไม่…ไม่เป็นไรหรอก ไม่เจ็บเท่าไหร่-”
“สีหน้าดูไม่ดีเลย ฉันจะไปเรียกพวกหัวหน้ามาให้นะ!!”
“อ๊ะ เดี๋ยว…”
ฉันไม่เป็นไร…ไม่มีทางที่คำของเคียร่าจะส่งไปถึง เพราะว่าแฟร์รีบวิ่งออกจากห้องไปในทันทีโยไม่รอฟัง เป็นเด็กที่เอิกเกริกจริง ๆ …ตะโกนได้ตะโกนดีเหลือเกิน
แล้วก็ตามคาดไม่นานนักคุณโรเวิร์ตก็วิ่งหน้าตั้งมาหาพวกเราในห้อง แล้วพอเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้ฟังแฟร์ก็โดนดุพลางโขกกำปั้นใส่หัว พร้อมกับพูดว่า ‘ทีหลังอย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่สิ’ อะไรแบบนั้น
ในตอนนั้นเองสายตาของแฟร์ก็ไปสะดุดเข้ากับหนังสือที่พวกเราอ่านกันอยู่ ตาดีจริง ๆ เด็กคนนี้
“เวทมนตร์โบราณ?”
เธอพึมพำแบบนั้นพลางอ่านหน้าหนังสือแล้วก็ลองเปิดดู แล้วก็ได้แต่ทำสีหน้านิ่วเพราะว่าอ่านไม่ออก…ก็นะ ขึ้นชื่อว่าเวทมนตร์โบราณ ส่วนใหญ่ก็ต้องเป็นภาษาโบราณ หรือต่อให้เป็นภาษาปัจจุบันก็คำยากอยู่ดี
เด็กทั่วไปน่ะอ่านไม่ได้หรอก ใช่ เด็กทั่วไปล่ะนะ! แล้วฉันก็เผลอยืดอกเล็กน้อยเพราะว่าเคียร่านั้นอ่านออกนั่นเอง ส่วนภาษาโบราณก็ค่อย ๆ แกะเอา
“นี่เธออ่านของแบบนี้เหรอ”
“อือ ใช่แล้ว”
“เห๋…”
แฟร์ทำสีหน้าคิดหนักอยู่นานจนโรเวิร์ตดูอาการเสร็จ ก็ทักเธอว่าอีกหน่อยกองคาราวานจะออกแล้วนะ เธอจึงวางหนังสือไว้แล้ววิ่งพรวดออกไปอย่างรวดเร็ว
และกองคาราวานก็จากไปพร้อมกับแฟร์ที่ก่อกวนพวกเราในหลายวันมานี้…คงสบายหูขึ้นเยอะแน่เลย
“เด็กคนนั้นก็ดูน่าสนุกดีเนอะ”
‘ตรงไหนอะ! น่ารำคาญจะตาย’
ฉันรีบหันไปและร้องสวนเธอกลับไปเพื่อแย้งอย่างรวดเร็ว คงจะรู้ได้ทันทีเลยว่าฉันไม่เห็นด้วยเธอจึงหัวเราะออกมาจากลำคอ แล้วก็บอกว่า ไม่เห็นด้วยเหรอ
ก่อนจะเหม่อมองไปที่ประตู ซึ่งคงไม่มีใครเปิดมันเสียงดังอีกแล้ว
“ถึงที่เธอเล่าจะสนุก แต่ก็…”
…เจ็บปวดจังนะ เด็กสาวพูดออกมาอย่างแผ่วเบาด้วยใบหน้าที่ยังคงมีรอยยิ้ม แต่ในดวงตานั้นสั่นเครือและใสขึ้นเล็กน้อยราวกับจะร้องไห้
นั่นสินะ…มีคนมาตอกย้ำความฝันที่ล้มเลิกไปแล้วใครก็ต้องเจ็บปวดทั้งนั้น ถึงฉันจะเป็นสาเหตุก็เถอะ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย
ทำได้เพียงเอาคางเกยทับตัวเคียร่าเป็นการปลอบประโลม เธอจึงหัวเราะแล้วบอกว่าไม่เป็นไร ไม่เลย ไม่สักนิด…ฉันทำให้เธอต้องบาดเจ็บ ทั้งยังต้องเจ็บปวดเพราะฉันอีก
แต่ว่านะ เด็กในโลกนี้สุดยอดกันจริง ๆ นั่นแหละนะ ความฝันเหรอ…จะเคียร่าก็ดี แฟร์ก็ดี หรือแม้แต่อิกนิสเอง ก็คงมีความฝันอยู่ในใจกันทั้งนั้นสินะ
ตัวเล็กกันแค่นี้ก็รู้ทั้งเป้าหมายและสิ่งที่อยากทำ ก็สุดยอดไปอีกแบบเลยนะพอนึกย้อนมาดูตัวเองที่คิดเพียงตามเคียร่าไปตลอด…อย่าว่าแต่ตอนนี้เลย แม้แต่ชาติที่แล้วก็เหมือนกัน
ใช้ชีวิตไปวัน ๆ ตามระบบของสังคม แม้จะเรียนจนถึงมอปลายปีสามเส้นทางอนาคตก็ไม่มีอะไรยาก ก็แค่เข้ามหาลัยสักที่ อุทิศตัวให้กับการเรียน แล้วหางานประจำสักงาน
ไม่มีเป้าหมาย ไม่มีความฝัน ไม่เคยแม้แต่จะคิดตอนตัวเองโตด้วยซ้ำ ก็แค่…ใช้ชีวิตในแต่ละวันไปเรื่อยเปื่อยจนตายลงในที่สุด โดยที่ยังไม่ทำอะไร ไม่สิ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอยากจะทำอะไร
พอคิดแบบนี้ก็ว่างเปล่าขึ้นมาหน่อย ๆ แฮะ ไม่มีเป้าหมายมันน่ากลัวถึงเพียงนี้เลยรึนี่…
‘อา! ไม่ได้ๆ’
“หือ เป็นอะไรเหรอริเกล”
‘เปล่า…’
เพราะฉันเผลอร้องออกมาในลำคอพลางส่ายหัวไปมา เคียร่าจึงถามด้วยความสงสัยปนเป็นห่วง ฉันจึงร้องกลับอย่างร่าเริงเพื่อให้เธอสบายใจ
ไม่ได้ ฉันตัดสินใจไว้แล้วว่าจะไม่คิดถึงเรื่องในอดีต…เรื่องในชาติก่อนของฉันอีก เพราะว่าฉันตอนนี้อยู่ที่นี่ เป็นมังกรของเคียร่าที่ชื่อริเกล ไม่ใช่เด็กสาวมอปลายคนเดิมอีกต่อไปแล้ว
ไม่มีวันเป็นได้อีกแล้ว…
และหลังจากนั้นเคียร่าก็บอกว่าเหนื่อยแล้วอยากจะนอนต่อ ฉันจึงพยักหน้ารับและขดตัวหลับอยู่ข้างเธอ เราสองคนจึงหลับใหลไปด้วยกัน ดั่งเช่นทุกวัน…
———– ————-
ฝัน…ตอนนี้ฉันกำลังอยู่ในฝัน ทำไมถึงรู้ได้น่ะเหรอ?
ก็เพราะว่ารอบตัวในตอนนี้เต็มไปด้วยความมืดมิด รอบตัวไม่มีแสงสว่าง แม้แต่พื้นก็ยังมองไม่เห็น ต่อให้ขยับตัวไปทางไหนก็เห็นแต่ความมืด จนรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาจับใจ
และในตอนที่กำลังไหล่ตกเพราะความหวาดกลัวนั้นก็ได้กลิ่นอะไรบางอย่าง กลิ่นแปลก ๆ ที่อบอุ่นอย่างน่าพิศวง คิดถึง รู้สึกคิดถึงกลิ่นนี้เหลือเกิน
กว่าจะรู้ตัวไหล่ฉันก็ผ่อนคลายลงตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ และขาก็ก้าวเท้าตามหาที่มาของกลิ่น หลับตาลงอย่างสงบและสัมผัสเห็นแสงสีทอง…
จำได้…จำได้แล้ว แสงเดียวกันกับวันแรก ๆ ที่เกิดมา แต่ท้ายที่สุดก็ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่กลิ่นที่หอมชวนสบายใจและคิดถึงนี่คงเป็นกลิ่นจากแสงนี่ไม่ผิดแน่
ฉันขยับจมูกไล่ตามกลิ่นนั้นไปราวกับว่าอยากสัมผัสมากกว่านี้ แสงเห็นชัดกว่าเมื่อก่อนมาก ทั้งยังได้กลิ่นที่ชัดเจนด้วย ระยะห่างจากปลายทางน้อยลง? ได้ยังไงน่ะ…
แต่ฉันไม่สนเรื่องนั้นแล้วเดินตามต่อไปเรื่อย ๆ เรื่อย ๆ …จนไม่รู้เวลาผ่านไปขนาดไหนก็ดันมีกลิ่นฉุนเข้ามาแทรกกลิ่นหอมหวานอันน่าลุ่มหลงนี่เข้ามา
ต่อให้ไม่อยากได้กลิ่นมากเท่าไหร่ก็ยิ่งชัดเจนขึ้น จนในที่สุดมันก็กลบกลิ่นเดิมจนหมด แสงสีทองในสายตาก็หายไปเปลี่ยนเป็นไอจางสีแดง
กลิ่นฉุนชวนอ้วกยิ่งรุกล้ำเข้ามาในโสตประสาทจนปวดหัวอย่างบอกไม่ถูก ไอสีแดงนั่นตอนนี้กำลังก่อตัวอยู่ตรงหน้าฉันจำนวนมากทำให้รู้สึกหงุดหงิด และตัดสินใจลืมตาขึ้นมามองภาพ
แต่ก็ต้องตกใจจนผงะไปข้างหลัง อ้าปากข้างอย่างตกตะลึง หางตกลงจนงอมาโดนท้องของฉัน อย่างคำที่ว่ากลัวหางจุกตูด คอก็หดเข้าอย่างขี้ขลาด
เพราะว่าภาพตรงหน้านั้น…
“เคียร่า…”
ฉันพึมพำชื่อเด็กสาวผู้อยู่กับฉันตั้งแต่ที่ออกไข่มาใหม่ ๆ เป็นคนช่วยมอบบ้านหลังใหม่ให้ และเป็นแม้กระทั่งคนที่ยึดเหนี่ยวฉันเอาไว้ไม่ให้เคว้งคว้าง
น่าแปลกอยู่ในฝันแต่ฉันกลับได้ยินเสียงของตัวเองอย่างชัดเจน เสียงใสของเด็กผู้หญิงที่ฟังแล้วน่ารักจนรู้สึกจักจี้ แต่กลับมาภาพที่ฉันเห็นอยู่ตรงหน้า ซึ่งเป็นสาเหตุที่เรียกชื่อนั้นออกมาอย่างสั่นเครือ
หมู่บ้าน…หมู่บ้านที่เคียร่าเกิด หมู่บ้านที่เป็นบ้านหลังใหม่ของฉัน…กำลังลุกเป็นไฟ นึกออกแล้ว…กลิ่นฉุนนี่ กลิ่นของเลือดและเวทมนตร์ที่อันตราย
หมายความว่าไง ทำไมถึงมีกลิ่นแบบนั้นออกมาจากหมู่บ้าน ทำไมหมู่บ้านถึงลุกเป็นไฟ ทำไม…
“มังกรน่ะแข็งแกร่ง”
เสียงของอิกนิสดังขึ้นมาจากที่ไหนสักแห่ง แต่มองหายังไงก็ไม่เห็นร่างของเขาเลย แต่เสียงนั่นก็ยังดังอยู่ข้างหู มีแม้กระทั่งที่เขาไม่เคยพูด…ฝันนี่มันอะไรกัน
“แต่มนุษย์น่ะอ่อนแอ ไม่เหมือนมังกรที่แข็งแกร่ง”
“รู้…ฉันรู้อยู่แล้วน่า! ต้องปกป้องมนุษย์ใช่ไหมล่ะ!”
“มนุษย์ที่แข็งแกร่งกับมนุษย์ด้วยกันเอง แต่ความแข็งแกร่งของมังกรนั้น…”
เสียงนั่นราวกับพูดไปเรื่อยโดยไม่สนใจที่ฉันสวนไป และคำพูดเขาก็ยังไม่หยุดลงง่าย ๆ
“ถ้าหันเข้าหามนุษย์ล่ะ?”
ฉันเบิกตากว้างยิ่งกว่าเดิมและอ้าปากค้างยิ่งกว่าเก่า หวนนึกถึงวันนั้น…เคียร่าพอรับมือกับมนุษย์คนอื่นได้ก็จริง แต่กับมังกรที่ยิงเวทมนตร์นั้นเธอไม่อาจทำอะไรได้เลย
หรือแม้แต่เขี้ยวและกรงเล็บของฉันก็คงขยี้มนุษย์พวกนั้นได้ง่าย ถึงจะไม่ทำก็เถอะ…
แต่ในที่สุดฉันก็เข้าใจ ความหมายที่เสียงนี่กำลังพูดถึงว่ากำลังจะสื่ออะไรกับฉัน มนุษย์ไม่ได้อ่อนแอ ที่มนุษย์อ่อนแอก็เพราะมีตัวตนอันแข็งแกร่งอย่างมังกร
เพราะงั้นถ้าเป็นหมู่บ้านเล็กไร้กำลังอย่างที่แห่งนี้ล่ะก็…ไม่มีทางต่อกรกับมังกรได้แน่ หมายความว่าฝันนี่หมู่บ้านโดนมังกรบุกงั้นเหรอ?
ไม่…แบบนั้นไม่เอาด้วยหรอก ฉันไม่อยากเสียบ้านหลังนี้ไป…
“ถ้างั้นก็ใช้พลังของเจ้าซะสิ”
ในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงของชายที่เหมือนว่ามีอายุพอควรดังขึ้น ใช้ภาษาเก่าเหมือนคุณโรเวิร์ตแต่ว่าเสียงนี้ไม่มีทางเป็นเขาแน่ แต่เมื่อมองไปต้นเสียงก็พบกับเจ้าของเสียง
แสงสีทอง…แสงสีทองนั่นกำลังพูดอยู่ ด้วยเสียงแข็งจนน่ากลัว แต่ก็หนักแน่นจนดูแข็งแกร่งชวนให้รู้สึกปลอดภัย พลัง…ของฉัน?
“มนุษย์อ่อนแอเกินกว่าจะรอดพ้นจากมังกร ก็เพียงใช้พลังของมังกรเข้าสู้ซะก็สิ้นเรื่อง”
ว่าแล้วกลิ่นของแสงนั่นก็กลับมาอีกครั้ง ช่วยให้ลมหายใจที่แปรปรวนจนถึงเมื่อกี้สงบลง รู้สึกใจเย็นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
ถึงแม้ฉันจะตัวเล็กแค่นี้ก็ตาม แต่รู้สึกว่ามันไม่ได้หนักหนาอะไรเท่าไหร่ ถ้าเป็นฉัน…ต้องทำได้แน่
ฉันกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงลำคอ ก้าวไปด้านหน้าพร้อมกับแสงสีทองที่ห่อหุ้มตัว และการตัดสินใจอย่างแน่วแน่ในใจ
การตัดสินใจที่น่ายินดีจนอยากโอ้อวดออกมา ว่าแม้แต่ฉัน…ที่ต่อให้เป็นมังกรที่น่าสมเพชก็ยังมีเป้าหมาย ต่อให้เป็นมังกรที่ขี้ขลาดก็ยังมีความฝัน
สิ่งนั้นน่ะ…
“ฉันจะปกป้องเคียร่าเอง”
และหลังจากนั้นฉันก็ตื่นจากฝันออกมาพบหน้าของเด็กสาวซึ่งมีบาดแผล ที่ฉันสาบานกับตัวเองไว้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันก็จะต้องปกป้องเธอเอาไว้ให้ได้