ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร – ตอนที่ 13: จงใช้ชีวิตอย่างเต็มที่

 ในที่สุดคุณโรเวิร์ตก็ถามขึ้นมาเพราะความเงียบที่เกินบรรยาย อุลทำเพียงเงยหน้าขึ้นเลยส่งเสียงออกมาจากลำคอ

 

ทันใดนั้นรอบ ๆ ก็เกิดแสงสว่าง…แสงเล็ก ๆ เหล่านั้นเข้ามาใกล้ขึ้นจนมองเห็นว่าคืออะไร มันคือแร่เล็กตรงอกของมังกรอัลละวาตัวอื่นที่เดินมาใกล้พวกเรานั่นเอง

และทั้งก็นั่งลงหลังตั้งและก้มหัวลงต่ำ ถ้ามองเผิน ๆ ก็คงคิดว่าแค่ทำความเคารพอุลที่เป็นจ่าฝูงเฉย ๆ แต่ว่าไม่รู้ทำไม…รู้สึกได้ถึงความเศร้าหมองออกมาจากพวกเขา น่าจะเห็นได้ชัดเกินไปจนพวกเคียร่าเองก็รู้สึกได้

และในตอนนั้นคุณโรเบิร์ตก็เบิกตากว้าง ราวกับพึ่งนึกอะไรออก

 

“หรือว่า…เวลานั้นมาถึงแล้วรึ”

 

อุลเชิดหน้าขึ้นเพื่อเป็นการบอกว่าใช่กับเขา ในตอนนั้นก็มีความรู้สึกหลากหลายออกมาจากตัวคุณโรเวิร์ตและดีอาร์

ปล่อยให้ฉันกับเคียร่ามองด้วยความสงสัย คุณโรเวิร์ตที่สงบลงอย่างชัดเจนราวกับความกังวลหายไปหมด ก็ยิ้มออกมาและอธิบายให้ฟัง

 

“มังกรจะมีช่วงอายุขัยของตัวเองอยู่ และถ้าถึงตอนนั้นเมื่อไหร่ก็จะจากไปอย่างสงบ อุล…อุลเองก็มีชีวิตยืนยาวมากแล้วล่ะ ตั้งแต่ก่อนที่ข้าจะมาอยู่ที่นี่ ไม่สิ อาจจะก่อนที่ข้าจะออกเดินทางเสียอีก อุลก็อาศัยอยู่ที่นี่และเป็นจ่าฝูงมาโดยตลอด พร้อมกับคำเล่าขานที่ว่า เขาไม่เคยก้มหน้าเลยแม้แต่ครั้งเดียว”

 

งั้นเหรอ เพราะงั้นเขาถึงได้ไม่เคยก้มหน้าเลยสักครั้งสินะ แต่ว่าหมดอายุขัย…หรือว่า

 

‘อย่างที่คิดนั่นแหละเจ้าหนู…วันนี้ค่าก็สิ้นลมแล้ว’

 

‘…ทำไมถึงพูดออกมาได้ง่ายขนาดนั้นล่ะ’

 

ฉันเผลอถามออกไปโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้ฉันกำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่กันนะ เผลอขบฟันนิดหน่อยด้วยความรู้สึกในตอนนี้คืออะไร…

ควรจะรู้สึกยังไงดี ฉันเคยมีชีวิตมาก่อนและตายลง ดังนั้นถ้าเป็นฉันคงทำท่าทางสงบแล้วก็พูดว่าตัวเองกำลังจะตายไม่ได้แน่

แต่เขากลับพูดมันออกมาอย่างสบาย ๆ

 

‘หนึ่งพันห้าร้อยปี…ข้ามีชีวิตมานานเกินกว่าจะเสียใจแล้ว’

 

‘แต่…แต่ว่า!’

 

ฉันไม่เข้าใจ ถ้ามีชีวิตอยู่นานแล้วคุณค่าของชีวิตมันจะลดลงเหรอ? หรือเพราะได้มีชีวิตอยู่ขนาดนั้นถึงคิดแบบนั้นเหรอ?

ฉันเคยเห็นมาอยู่บ้าง ว่าคนเฒ่าคนแก่ในตอนที่กำลังจะสิ้นลมมักจะสงบนิ่ง แต่ฉันไม่เข้าใจ ไม่มีทางเข้าใจเลย

ยิ่งก่อนหน้านี้ตายไปได้ยังไงก็ไม่รู้ มาเกิดใหม่ได้ยังไงก็ไม่เข้าใจ เพราะงั้นไม่มีทางหรอก…ไม่มีทางสงบตอนใกล้สิ้นลมได้หรอก

ดวงตาของอุลจับจ้องมาที่ฉันอย่างแหลมคม แต่ว่า ดูอบอุ่นและอ่อนโยนอย่างบอกไม่ถูก อย่ามาทำหน้าอย่างกับว่าเข้าใจฉันนะ

 

‘อุล…ไม่คิดว่าข้าจะได้มีชื่อ ‘อีกครั้ง’ ในช่วงสุดท้ายก่อนสิ้นลม’

 

‘…อีกครั้ง?’

 

ฉันเผลอทวนสิ่งที่เขาพูดออกมาด้วยความสงสัย

 

‘เมื่อ 1,400 ปีก่อนข้าเคยออกเดินทาง…อยู่เคียงข้างมนุษย์คนหนึ่ง จึงเคยมีชื่อ’

 

‘เคียงข้างมนุษย์…’

 

‘ชื่อ…ข้าลืมเลือนมันไปแล้วล่ะ แต่ว่า ข้าจำได้ช่วงเวลาที่มีความสุข…แม้จะเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด แต่การอยู่กับมนุษย์คนนั้นช่างสนุกสนาน’

 

เขาเบือนสายตาไปยังเคียร่า และยกมุมปากขึ้นอย่างอ่อนโยน แต่แน่นอนว่าเคียร่าได้แต่มองด้วยความสงสัย เพราะเธอไม่รู้ว่าพวกเราคุยอะไรกัน

เขาคงนึกถึงตัวเองล่ะมั้ง พอเห็นพวกเราสองคน

แล้วคุณโรเวิร์ตก็เริ่มเล่าตำนานเกี่ยวกับอุล แต่ฉันไม่ได้สนใจฟังเขาแล้วมองที่อุล เพราะฟังจากปากเจ้าตัวมันละเอียดกว่านี่เนอะ

 

‘แต่ว่าช่วงเวลาของมนุษย์นั้นสั้นยิ่งนัก ถึงแม้จะปกป้องจากสิ่งภายนอกได้ แต่ข้ามิอาจเปลี่ยนชะตาที่เขาต้องชราภาพได้…เป็น 80 ปี ที่ยาวนานที่สุดเสียจริง’

 

คงเป็นช่วงเวลาอายุขัยของมนุษย์เหมือนกันสินะ แสดงว่าเขาก็ต้องเห็นสิ…ช่วงเวลาที่คนที่รักตาย ตัวเองก็กำลังจะเป็นแบบนั้นแท้ ๆ ทำไมถึงไม่รู้สึกอะไรอีก

ฉันยังคงไม่เข้าใจ

 

‘ก่อนเขาจากไป ข้าได้สัญญากับเขาเอาไว้’

 

อุลเกริ่นออกมาแบบนั้นก่อนจะเงยหน้าขึ้นฟ้า ราวกับหวนลำลึกถึงอดีต ถ้านานขนาดนั้นแต่ยังจำได้ก็แสดงว่าสำคัญมากสินะ

 

‘ข้า จะไม่มีทางก้มหัวให้ใครอีก’

 

งั้นเหรอ…เพราะเป็นคำสัญญาจากคนสำคัญสินะ ถึงได้ยึดมั่นมาตลอด แม้แต่ตอนที่กำลังจะถึงช่วงสุดท้ายของชีวิต

เหมือนกับ…ถูกทิ้งเอาไว้เลย

ในตอนนั้นเมื่อความเศร้าเริ่มเพิ่มพูนมากขึ้น ดวงตาของอุลก็ขมวดเข้าหากัน ราวกับกำลังหงุดหงิดอยู่ และคำรามออกมาเสียงดังจนตกใจ

 

‘อย่ามาสงสารข้านะ เจ้าหนู!!’

 

พวกเราสะดุ้งโหยงเพราะเหตุผลที่ต่างกันไป ฉันสะดุ้งเพราะคำพูดที่ตั้งใจส่งกระแทกมาหาฉัน ในขณะที่เคียร่าและคนอื่นตกใจกับเสียงที่ดังสนั่น

แต่พวกมังกรอัลละวาตัวอื่นนั้นกลับนิ่งสงบ แต่หมายความว่าไงไม่ให้สงสารเหรอ…

 

‘เขาจากไปด้วยความภูมิใจ ข้ามีชีวิตต่อมาด้วยความภาคภูมิใจ และจะจากไปอย่างภาคภูมิใจเช่นกัน เจ้าหนู อย่ามาสงสารข้าเชียว ข้าไม่ได้เศร้าโศกเสียใจด้วยซ้ำ ในใจข้ากำลังเต็มไปด้วยความยินดี’

 

เขายังคงตะคอกใส่ฉันเสียงดังราวกับกำลังดุด่า แต่ว่า…ท้ายที่สุดก็ยังไม่เข้าใจ และเริ่มทนไม่ไหวที่ไม่รู้ว่าเขาจะสื่ออะไรกับฉัน

เดิมทีแล้วจะพาฉันมาดูตอนตัวเองตายทำไมเล่า!

 

‘พูดอะไรไม่เห็นเข้าใจ!! การมีชีวิตอยู่น่ะมันเป็นเรื่องดีนะ ทำไมถึงมีความสุขกับการที่กำลังจะตายล่ะ ทำไมถึงยินดีกับการที่ช่วงเวลาตอนมีชีวิตกำลังจะหายไปล่ะ จะไปมีความหมายอะไรได้ยังไง! ถ้าตายไปทุกอย่างก็จบไม่ใช่รึไง!!!’

 

ใช่ ถ้าตายไปทุกอย่างก็จบ ไม่รับรู้อะไรอีกเลย ที่ได้ลืมตาอีกครั้งที่ชีวิตใหม่นี่คงเรียกได้อีกอย่างว่าโชคดี แต่ถ้าตายไปจริง ๆ จะเปล่าเปลี่ยวขนาดไหนกัน

ความตายน่ะมันน่ากลัว ไม่ว่าคนที่เคยรักและผูกพันก็ไม่มีทางได้เจอ ไม่มีแม้โอกาสจะได้รู้ว่าทุกคนเป็นยังไง ทุกอย่างที่เคยมีตอนมีชีวิตจะหายไปหมด

ความพยายามที่ผ่านมาก็เหมือนกัน ถ้าตายไปทุกอย่างก็ย่อมหายไป เพราะงั้นการตายไปมันดีตรงไหน มีอะไรให้น่ายินดี…ไม่เข้าใจ

 

‘…เพราะการตายของข้า จะเป็นการกำเนิดใหม่ของคนรุ่นหลังไงล่ะ’

 

‘เหลวไหล คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ขนาดนั้นเลยรึไง ก็แค่มังกรแก่ที่อาศัยอยู่บ้านนอก จะมีคนรู้จักรึเปล่าก็ยังไม่รู้ ถ้างั้นตายไปแล้วจะไปเหลืออะไรให้ใคร!!’

 

ฉันเองก็ร้องออกมาเสียงดังและสวนกลับไป พร้อมทั้งตั้งท่าส่ายหัวไปมาอย่างไม่เข้าใจ และไม่อยากจะรับฟัง แต่ว่า อุลมีเพียงเสียงพ่นลมหายใจราวกับผ่อนแรง

และพูดสิ่งที่ทำให้ฉันหยุดชะงักและเบิกตากว้างออกมา

 

‘เจ้าไง’

 

…ฉัน? อย่ามาพูดบ้าๆ เราพึ่งจะเจอกันวันนี้ แล้วก็มาทำให้รู้สึกแบบนี้เนี่ยนะ หรือจะบอกว่าอยากทิ้งความรู้สึกแย่ ๆ นี่กลับไป

ถามจริง จะมีเด็กคนไหนอยากเห็นคนแก่หลับตลอดกาลตรงหน้าบ้าง

แต่ไม่ทันที่ฉันจะได้พูดอะไร อุลก็พูดต่อทันที

 

‘เจ้าหนู…กลัวความตายสินะ’

 

‘แน่สิ…แน่นอน กลัวมากด้วย!’

 

‘เพราะงั้นข้าจะแสดงให้เห็น การตายที่มีความสุข’

 

…จะบ้าเรอะ

 

‘หากเจ้ากลัวความตายนัก ข้าจะเป็นมังกรที่ตายอย่างมีความสุขที่สุดให้ดู’

 

มีความสุข…คนที่ไม่เคยตายก็พูดได้สิ คนที่เคยตายไปแล้วครั้งหนึ่งอย่างฉันน่ะ ไม่มีทางเข้าใจกันได้หรอก

 

‘ร่างกายของเจ้าจะเย็นเมื่อถึงฤดูหนาว แร่กลางตัวของข้าจะร่วงหล่นเมื่อสิ้นลม พกมันไว้จะทำให้เจ้าผ่านพ้นฤดูหนาวไปได้’

 

‘…จะบอกว่านี่คือสิ่งที่ทิ้งเอาไว้งั้นเหรอ’

 

เขาไม่ตอบ แต่ว่าขยับหน้าให้ว่าใช่ พูดอะไรออกมาน่าขนลุกชะมัด ให้ใช้ของจากคนแก่ที่ตายไปแล้วเนี่ยนะ อย่างกับถูกสาปแหนะ…

เขาเหลือบไปมองเคียร่าอีกครั้ง ด้วยสายตาที่สั่นเครือเล็กน้อยราวกับคิดถึง ทำเอาฉันเผลอแยกเขี้ยวขู่ไป อย่ามามองเคียร่าซ้อนทับกับคู่หูตัวเองสิ

เพราะว่าเคียร่าน่ะ…เป็นของฉัน

 

‘หึ ปกป้องให้ดีล่ะ’

 

‘ไม่ต้องบอกก็รู้น่า’

 

‘หึหึ งั้นรึ…งั้นข้าก็…หลับสักหน่อยดีกว่า…’

 

ว่าแล้ว อุลก็ปิดตาลงอย่างช้า ๆ ลมหายใจนิ่งและสงบ ร่างของเขายังคงอยู่ในท่านอนหลังตรงคออย่างสง่าไม่เปลี่ยน หากแต่ว่า…

แร่ตรงกลางอกของเขาจางลงกว่าเดิมมาก และในที่สุด ก็ดับลงพร้อมกับเสียงลมหายใจที่หายไป ก่อนที่แร่นั่นจะร่วงลงมาสู่พื้นด้านล่าง

อุล…ตายแล้ว

ความหงุดหงิดยังคงไม่หายไป ซ้ำยังเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม หงุดหงิด…ยิ่งกว่าเพราะเขาให้ฉันมาดูอะไรแบบนี้ ยิ่งกว่าเขาที่พยายามเปลี่ยนความคิดฉัน

ฉันหงุดหงิดตัวเองเหลือเกิน ทำตอนนี้กำลังคิดว่า…เขาช่างสง่างาม ความรู้สึกที่ว่าอุลนั้นช่างสูงส่งจนน่ายกย่อง และ…เป็นตัวตนที่รู้สึกเฝ้าหา

ไม่เข้าใจตัวเองเลย ทั้ง ๆ ที่ไม่มีทางคิดว่าตัวเองจะตายก็ได้แบบเขาแท้ ๆ แต่ว่า…การตายของเขาช่างน่าหลงใหลจริง ๆ

ฉันก้าวเท้าเข้าไปหาร่างใหญ่นั้น แล้วหยิบแร่ที่หล่นจากกลางอกด้วยขาหน้าสองข้าง และนั่งมองมัน

 

“พวกมังกรอัลละวาตัวอื่นไม่แสดงอาการ…แสดงว่าอุลให้สิ่งนี้กับริเกลสินะ”

 

คุณโรเวิร์ตที่คอยยืนอยู่ข้างเคียร่าอธิบายเธอไปแบบนั้น ใช่ เข้าใจถูกแล้วล่ะ ทั้งดีอาร์และฉันก็ต่างพยักหน้าให้กับคำของเขา

ด้านในแร่มีแสงส่องออกมาเล็กน้อย ทั้งที่บอกว่าน่าขนลุกแท้ ๆ แต่ฉันกลับกอดมันเอาไว้…อุ่นจัง อย่างกับว่าอุลยังคงมีชีวิตอยู่ในนี้เลย

ในตอนนั้นเองเคียร่าก็เดินมาข้างฉัน และใช้มือแตะเข้าที่ลำตัวของอุลเบา ๆ

 

“สุดยอดไปเลยเนอะ ริเกล”

 

‘ตรงไหนกัน…’

 

ฉันสะบัดหน้าหนีเธอแล้วร้องออกมาในลำคอเป็นการบ่นอย่างไม่พอใจ เคียร่าก็หันมามองด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะเหลือบมองที่มือของฉันแล้วอมยิ้ม

ก่อนจะพึมพำว่ากลับกันเถอะออกมา แต่ก่อนออกจากถ้ำเธอก็ไม่ลืมที่จะก้มหัวทำความเคารพศพของอุลอีกครั้ง และจากมา…

พวกเรากลับมาอย่างเงียบเฉียบจนถึงที่บ้านโดยที่ฉันนั่งบนหลังดีอาร์…โดยไม่ปล่อยมือจากแร่ในมือเลย พวกเราตัดสินใจเรียกมันว่า ‘อุล’ เพื่อให้ง่ายกว่าพูดว่าแร่เฉย ๆ

 

“เหมือนแร่นั่นจะช่วยให้ความอบอุ่นสินะ ริเกลตอนนี้ไม่จำเป็นต้องอยู่ในผ้าห่มแล้ว”

 

“อะ จริงด้วยค่ะ”

 

“งั้นเดี๋ยวข้าขอเอาไปทำอะไรนิดหน่อย เพื่อง่ายต่อการพกพานะ”

 

คุณโรเวิร์ตที่อยู่หน้าบ้านพวกเราหลังส่งถึงแล้วก็ยื่นมือมาเพื่อขออุล ฉันก็ลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนจะยื่นให้กับเขา…แบบไม่พอใจเท่าไหร่

ฉันโดนลูบหัวด้วยความเอ็นดูก่อนจะจากไป

 

“อุลนี่ สุดยอดไปเลยเนอะ”

 

‘…งั้น ๆ อะ’

 

ฉันพึมพำออกมาอย่างไม่พอใจ แต่เคียร่ารู้ดีว่าลึก ๆ แล้วฉันรอฟังอยู่

 

“ได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ก่อนจะจากไปอย่างสงบและสง่างาม ถ้าสักวันเราได้ร่วงโรยอย่างมีความสุขแบบนั้นบ้างก็ดีเนอะ”

 

ฉันเปิดตากว้างหลังได้ยินคำพูดของเธอ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ยินที่อุลพูดแท้ ๆ แต่เหมือนกับว่าเธอเข้าใจความรู้สึกของอุล เข้าใจสิ่งที่เขาต้องการจะบอก…

ฉันก็เหมือนกัน ในที่สุดก็เข้าใจ…เพราะเขาได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ งั้นเหรอ เพราะงั้นถึงไม่เสียใจและยินดีกับการจากไป งั้นเหรอ หรือเขากำลังจะบอกฉันว่า…

 

‘จงใช้ชีวิตให้เต็มที่…งั้นเหรอ’

 

และในตอนนั้นน้ำตาเย็น ๆ ก็ไหลอาบแก้มเป็นสายเพราะความรู้สึกที่อัดแน่นเต็มอก แต่รอบนี้ฉันไม่ได้เศร้าหรือเสียใจที่เขาจากไปอีกแล้ว เพียงแค่…เสียใจที่ไม่ได้คุยกับเขาให้มากกว่านี้

เท่านั้นเอง

 

 

ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร

ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร

ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร

Comment

Options

not work with dark mode
Reset